หุ้นอาการไม่ดี ฝรั่งไม่หยุดขาย หลุดถึง 600 จุด
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 09, 2008 8:27 am
หุ้นอาการไม่ดี ฝรั่งไม่หยุดขาย หลุดถึง 600 จุด
หุ้นไทยอาการน่าเป็นห่วง หลายฝ่ายประสานเสียงดัชนีมีโอกาสหลุด 800 จุด
แถมกรณีเลวร้ายสุดมีสุทธิหลุดยาวถึง 500-600 จุด เหตุฝรั่งไหลเงินออกลดน้ำหนัก
ลงทุน ล่าสุดทิ้งอีก 2.4 พันล้านบาท กังวลเศรษฐกิจอเมริกาถดถอย พิษซับไพร์ม
กระหน่ำซ้ำ ขณะที่การเมืองในประเทศไม่ชัดเจน ลดทอนเสน่ห์ตลาดหุ้น
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลงหลุด 800 จุด เนื่อง
จากในช่วงนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน
ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติยังเทขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะกังวลเกี่ยว
กับเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงาน
ลดลง ขณะเดียวกันปัญหาซับไพร์มคาดว่าจะเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยกดดันอีกครั้ง หลัง
จากที่ยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดี จึงส่งผลให้เงินทุนไหลออก
ขณะเดียวกันยอมรับว่าการที่มีรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียน
จำนวนน้อย ทำให้ตลาดหุ้นขาดความน่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์
ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ในประเทศมาเลเซียที่มีรัฐวิสาหกิจระดม
ทุนกว่า 40 แห่ง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีเพียง 7 แห่ง ดังนั้นหากไม่เร่งส่งเสริมให้รัฐ
วิสาหกิจเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้เกิดความล้าหลัง และขนาดของ
ตลาดหลักทรัพย์เติบโตช้ากว่าต่างประเทศ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า
เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อการเมืองสงบเรียบร้อย สามารถ
จัดตั้งรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจได้แล้ว แต่ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ คือ ภาวะ
เศรษฐกิจของอเมริกา ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงยังยากจะคาดเดาว่าจะมีผลต่อการ
ลงทุนในตลาดหุ้นมากหรือน้อยเพียงใด
ด้านนายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์(สมาคม
บล.) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน ขึ้นลงแรง และ
มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 500 จุด และสูงสุดที่ระดับ 1000 จุดได้
เพราะต้องยอมรับว่าในขณะนี้มีปัจจัยที่เกินความคาดหมายและคาดเดายากเข้า
มากระทบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ชี้นำให้ตลาดเคลื่อนไหวผันผวน โดยเฉพาะปัญหาของ
เศรษฐกิจโลกและปัญหาซับไพร์มที่ยังไม่คลี่คลาย
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีการ
ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยลงแต่อย่างใด และตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่
ระดับ1,080 จุด เช่นเดิม แม้ว่าจะมีเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้ามากระทบต่อตลาด
หุ้นไทยก็ตาม แต่ต้องเข้าใจว่าตลาดหุ้นทั่วโลกได้มีการรับรู้ในส่วนนี้ไปแล้ว อย่างไรก็
ตาม ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการหดตัวแรงแน่นอน
ทั้งนี้ เหตุผลที่ยังไม่มีการปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยในครั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่า
เศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ภาวะหดตัวรุนแรงในช่วง
1- 2 ไตรมาส เพราะปกติแล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯก่อนหน้านี้ก็มีการชะลอตัวลงแต่ก็
สามารถกลับไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ไม่นาน ที่สำคัญประเทศสหรัฐฯเองก็ไม่ต้องการ
ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวนานแน่นอน
ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ยังไม่มีการปรับดัชนีใหม่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ใน
กรอบระยะสั้นมองว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีความผันผวนต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะอยู่ที่แนวรับ
780 จุด แนวต้าน 900 จุด ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 15 มกราคม และวันที่ 31 มกราคม 2551
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเห็นดัชนีไทยแตะที่ระดับ 900 จุด หรือ 600 จุดได้ เนื่อง
จากวันที่ 15 ม.ค. นั้น เป็นวันที่ประกาศผลการพิจารณาพรรคพลังประชาชน และในวัน
ที่ 31 ม.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงค่อนข้างแรงอีก
ครั้ง ซึ่งหากทิศทางเป็นบวกก็เห็น 900 จุดได้ แต่หากทิศทางเป็นลบมีโอกาสที่จะได้
เห็นดัชนี 600 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า
การที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่
ชะลอตัวลง แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเอง แม้ว่าพีอีจะอยู่ในระดับต่ำ แต่นักลงทุนก็
ยังกังวลเรื่องการเมืองที่ไม่นิ่งอยู่เช่นเดียวกัน โดยในระยะสั้นมองว่าดัชนีน่าจะอยู่ที่
800 จุด แต่จะมีแนวรับอยู่บริเวณ 780 จุด และ 790 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ตลาด
หุ้นไทยช่วงต้นปี 51 ผันผวนพอสมควร สืบเนื่องมาจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภาย
ในเข้ามากระทบมากพอสมควร รวมถึงกรณีที่ตัวเลขการจ้างงานของประเทศสหรัฐ
อเมริกา เมื่อเดือนธ.ค.50 ออกมาค่อนข้างต่ำ แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นไทยปีนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าจะมีหลายคนออกมาแสดงความ
คิดเห็นว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 900-1,000 จุดก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าการทำให้ดัชนีหุ้น
ไทยแตะในระดับดังกล่าวค่อนข้างยากพอสมควร เพราะปัจจัยภายในประเทศอย่าง
สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนหลายเรื่อง
สำหรับในระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะแกว่งตัวต่อไปได้อีก โดยดัชนี
จะมีโอกาสปรับตัวลดลงมาประมาณ 20-30 จุด และหากมีการปรับตัวขึ้นก็ไม่มากเช่น
เดียวกัน เพราะยังมีปัจจัยเรื่องของการเมืองเป็นประเด็นหลักอยู่
ด้านหุ้นไทยวานนี้(8 ม.ค.)ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.38 จุด ปิดที่
811.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15,660.49 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังขาย
สุทธิ 2,433.43 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 583.15 ล้านบาท นักลงทุนราย
ย่อยซื้อสุทธิ 1,850.27 ล้านบาท
หุ้นไทยอาการน่าเป็นห่วง หลายฝ่ายประสานเสียงดัชนีมีโอกาสหลุด 800 จุด
แถมกรณีเลวร้ายสุดมีสุทธิหลุดยาวถึง 500-600 จุด เหตุฝรั่งไหลเงินออกลดน้ำหนัก
ลงทุน ล่าสุดทิ้งอีก 2.4 พันล้านบาท กังวลเศรษฐกิจอเมริกาถดถอย พิษซับไพร์ม
กระหน่ำซ้ำ ขณะที่การเมืองในประเทศไม่ชัดเจน ลดทอนเสน่ห์ตลาดหุ้น
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับลดลงหลุด 800 จุด เนื่อง
จากในช่วงนี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน
ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติยังเทขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะกังวลเกี่ยว
กับเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงาน
ลดลง ขณะเดียวกันปัญหาซับไพร์มคาดว่าจะเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยกดดันอีกครั้ง หลัง
จากที่ยังไม่คลี่คลายไปในทางที่ดี จึงส่งผลให้เงินทุนไหลออก
ขณะเดียวกันยอมรับว่าการที่มีรัฐวิสาหกิจเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียน
จำนวนน้อย ทำให้ตลาดหุ้นขาดความน่าสนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์
ในต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ในประเทศมาเลเซียที่มีรัฐวิสาหกิจระดม
ทุนกว่า 40 แห่ง ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีเพียง 7 แห่ง ดังนั้นหากไม่เร่งส่งเสริมให้รัฐ
วิสาหกิจเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะทำให้เกิดความล้าหลัง และขนาดของ
ตลาดหลักทรัพย์เติบโตช้ากว่าต่างประเทศ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า
เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้จะมีทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อการเมืองสงบเรียบร้อย สามารถ
จัดตั้งรัฐบาลและทีมเศรษฐกิจได้แล้ว แต่ในส่วนของปัจจัยต่างประเทศ คือ ภาวะ
เศรษฐกิจของอเมริกา ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงยังยากจะคาดเดาว่าจะมีผลต่อการ
ลงทุนในตลาดหุ้นมากหรือน้อยเพียงใด
ด้านนายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์(สมาคม
บล.) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน ขึ้นลงแรง และ
มีแนวโน้มที่จะปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 500 จุด และสูงสุดที่ระดับ 1000 จุดได้
เพราะต้องยอมรับว่าในขณะนี้มีปัจจัยที่เกินความคาดหมายและคาดเดายากเข้า
มากระทบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ชี้นำให้ตลาดเคลื่อนไหวผันผวน โดยเฉพาะปัญหาของ
เศรษฐกิจโลกและปัญหาซับไพร์มที่ยังไม่คลี่คลาย
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีการ
ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยลงแต่อย่างใด และตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่
ระดับ1,080 จุด เช่นเดิม แม้ว่าจะมีเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้ามากระทบต่อตลาด
หุ้นไทยก็ตาม แต่ต้องเข้าใจว่าตลาดหุ้นทั่วโลกได้มีการรับรู้ในส่วนนี้ไปแล้ว อย่างไรก็
ตาม ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการหดตัวแรงแน่นอน
ทั้งนี้ เหตุผลที่ยังไม่มีการปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยในครั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่า
เศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น หลังจากที่ภาวะหดตัวรุนแรงในช่วง
1- 2 ไตรมาส เพราะปกติแล้วเศรษฐกิจสหรัฐฯก่อนหน้านี้ก็มีการชะลอตัวลงแต่ก็
สามารถกลับไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ไม่นาน ที่สำคัญประเทศสหรัฐฯเองก็ไม่ต้องการ
ให้เศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวนานแน่นอน
ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลที่ยังไม่มีการปรับดัชนีใหม่ในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ใน
กรอบระยะสั้นมองว่าดัชนีหุ้นไทยยังมีความผันผวนต่อเนื่อง คาดว่าน่าจะอยู่ที่แนวรับ
780 จุด แนวต้าน 900 จุด ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 15 มกราคม และวันที่ 31 มกราคม 2551
มีความเป็นไปได้ที่อาจจะเห็นดัชนีไทยแตะที่ระดับ 900 จุด หรือ 600 จุดได้ เนื่อง
จากวันที่ 15 ม.ค. นั้น เป็นวันที่ประกาศผลการพิจารณาพรรคพลังประชาชน และในวัน
ที่ 31 ม.ค. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลงค่อนข้างแรงอีก
ครั้ง ซึ่งหากทิศทางเป็นบวกก็เห็น 900 จุดได้ แต่หากทิศทางเป็นลบมีโอกาสที่จะได้
เห็นดัชนี 600 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า
การที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลงส่วนหนึ่งก็มาจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่
ชะลอตัวลง แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเอง แม้ว่าพีอีจะอยู่ในระดับต่ำ แต่นักลงทุนก็
ยังกังวลเรื่องการเมืองที่ไม่นิ่งอยู่เช่นเดียวกัน โดยในระยะสั้นมองว่าดัชนีน่าจะอยู่ที่
800 จุด แต่จะมีแนวรับอยู่บริเวณ 780 จุด และ 790 จุด
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ตลาด
หุ้นไทยช่วงต้นปี 51 ผันผวนพอสมควร สืบเนื่องมาจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภาย
ในเข้ามากระทบมากพอสมควร รวมถึงกรณีที่ตัวเลขการจ้างงานของประเทศสหรัฐ
อเมริกา เมื่อเดือนธ.ค.50 ออกมาค่อนข้างต่ำ แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นไทยปีนี้ไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าจะมีหลายคนออกมาแสดงความ
คิดเห็นว่าดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 900-1,000 จุดก็ตาม ซึ่งเชื่อว่าการทำให้ดัชนีหุ้น
ไทยแตะในระดับดังกล่าวค่อนข้างยากพอสมควร เพราะปัจจัยภายในประเทศอย่าง
สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนหลายเรื่อง
สำหรับในระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสที่จะแกว่งตัวต่อไปได้อีก โดยดัชนี
จะมีโอกาสปรับตัวลดลงมาประมาณ 20-30 จุด และหากมีการปรับตัวขึ้นก็ไม่มากเช่น
เดียวกัน เพราะยังมีปัจจัยเรื่องของการเมืองเป็นประเด็นหลักอยู่
ด้านหุ้นไทยวานนี้(8 ม.ค.)ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.38 จุด ปิดที่
811.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15,660.49 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังขาย
สุทธิ 2,433.43 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 583.15 ล้านบาท นักลงทุนราย
ย่อยซื้อสุทธิ 1,850.27 ล้านบาท