Thai VI

นาย ก ซื้อนาฬิกา มาต้นทุน 500 บาท แล้วก็ขายให้นาย ข. 600 บาท

ระหว่างกำลังเดินทางกลับมากรุงเทพ โดยนั่งซื้อขายกันอยู่ในตู้ขบวนรถไฟ

ผ่านมาซักพัก นาย ข. อยากซื้อคืน นาย ก. ยินยอมขายคืนให้ราคา 700 บาท

ต่อมา นาย ก . ขอซื้อ นาฬิกา จากนาย ข. ราคา 800 บาท นาย ข. ยินยอม

และสุดท้าย นาย ข ขอซื้อคืนที่ราคา 900 บาท

เป็นอันว่า นายข. ได้นาฬิกา สุดที่รักกลับไป

คำถาม นายข. กำไร เท่าไร ขาดทุน เท่าไร หรือเสมอตัว จากการซื้อๆ ขายๆครั้งนี้

ลองคิดกันครับ แล้วจะมาเฉลยว่าเกียวกับการเล่นหุ้นอย่างไร

เขียนแล้วงง เอาใหม่ ( ข้างบนโจทย์ผิด สงสัยเพิ่งตื่นนะ เรา )

นาย ก ซื้อนาฬิกา มา 500 แล้วขายให้นาย ข 600

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 700

ต่อมา นาย ก ขายให้นาย ข 800

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 900

สรุป นาฬิกา อยู่กับ นาย ก

คำถามคือ นาย ก กำไร เท่าไร ขาดทุน เท่าไร หรือเสมอตัว

จริงๆ แล้วเสมอตัวครับ ไม่กำไร ไม่ขาดทุน

แต่มียอดขายทั้งคู่ แล้วก็อาจจะบันทึกเป็นกำไรด้วยได้

ครับ newbie_12

เดี่ยวรอคำตอบจากท่านอื่นอีก

ดูว่าจะมีคำตอบอะไรที่แตกต่างหรือไม่

น่าสนใจ

ซื้อ 500 ขาย 600 กำไร 100
ซื้อ 700 ขาย 800 กำไร 100
ซื้อ 900

ส่วนต่างราคานาฬิกา = 900-500 = 400
ถ้ายังเป็นนาฬิกาเรือนเดิมในเวลาใกล้เคียงกัน =  พื้นฐานไม่เปลี่ยน
แสดงว่าส่วนต่างราคา = ส่วนเกินราคา (ทุน)

สรุป น่าจะขาดทุน 200 นะ

อืม โจทย์ข้อเดียวกัน เริ่มมีสองคำตอบ

ต่อครับ เมื่อกึ้ ในมุมมอง นาย ก ครับ

สำหรับนาย ข  

ซื้อ 600 ขาย 700  กำไร 100
ซื้อ 800 ขาย 900  กำไร 100

กำไร 200

[quote="pingzzz"]น่าสนใจ

ซื้อ 500 ขาย 600 กำไร 100
ซื้อ 700 ขาย 800 กำไร 100
ซื้อ 900

ส่วนต่างราคานาฬิกา = 900-500 = 400
ถ้ายังเป็นนาฬิกาเรือนเดิมในเวลาใกล้เคียงกัน =

เป็นคำถามที่(งง)ดีครับ P'Jeng

ขอลองเดาดูนะ
สมมติว่า ก กับ ข มีเงิน 1000 บาท และใน (  ) แทนนาฬิกา

นาย ก ซื้อนาฬิกา มา 500

ก = 500+(500)   ข =1000

นาย กขายให้นาย ข 600

ก= 500+600 =1100  ข =400+ (600)

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 700

ก= 400+(700)   ข =400+700 =1100

ต่อมา นาย ก ขายให้นาย ข 800

ก= 400+800 =1200     ข =300+ (800)

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 900 นาฬิกา อยู่กับ นาย ก

ก= 300+(900)  ข =300+900 =1200


สรุป นาย ก = 300+นาฬิกา จากเริ่ม 1000บาท

      นาย ข = 1200 บาทจากเริ่ม 1000บาท

ทีนี้ก็แล้วแต่ว่า จะคิดว่านาฬิกาจะมีค่าเท่าไหร่ ก็เป็นกำไรขาดทุน ของนาย ก

ผมไม่ใช้เชิงคณิตศาสตร์หละกันครับ

นาย ก ไม่ได้ ขาดทุน และ กำไร เพราะผมคิดว่าเค้าประเมินมูลค่า นาฬิกามาขึ้น ครับ  

ถ้ามองในมุมใช้ เลข นาย ก ก็มีการเพิ่มทุน 2 ครั้ง เป็นจำนวน 200 บาท แต่ไม่ได้ขาดทุน ครับเพราะ ไม่ได้ขายที่ราคาขาดทุนไป

สรุปผมว่า ไม่ขาดทุนไม่กำไร สำหรับนาย ก

แต่นาย ข กำไร แน่ๆ ครับ  :lol:  :lol:

โห อิอิ งบไม่ดุล 555

มีคำตอบอื่นมั๊ยครับ อิอิ

[quote="Jeng"]

Jeng เขียน:เขียนแล้วงง เอาใหม่ ( ข้างบนโจทย์ผิด สงสัยเพิ่งตื่นนะ เรา )

นาย ก ซื้อนาฬิกา มา 500 แล้วขายให้นาย ข 600

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 700

ต่อมา นาย ก ขายให้นาย ข 800

ต่อมา นาย ข ขายให้นาย ก 900

สรุป นาฬิกา อยู่กับ นาย ก

คำถามคือ นาย ก กำไร เท่าไร ขาดทุน เท่าไร หรือเสมอตัว

ก. จ่ายครั้งแรก -500
ก. รับครั้งสอง +600
ก. จ่ายครั้งสาม -700
ก. รับครั้งสี่ +800
ก. จ่ายครั้งห้า-900

สรุป เงินออกจากกระเป๋านาย ก. 700 บาท โดยได้นาฬิกา ราคา 500 บาทมา

ถ้าเอานาฬิกาเป็นตัวตั้งว่าคือต้นทุน 500 บาท โดยแวยู่ของนาฬิกาเรือนนั้น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไประหว่างที่เกิดการซื้อๆขายๆทั้ง 5 ครั้งนั้น

เท่ากะ นายก. ประสาทเสีย ทำการเทรดดิ้งชุดนี้ ขาดทุนไป 200

แต่ ถ้าระหว่างการเทรดดิ้งไปมาชุดนี้(ระหว่างระยะเวลาการซื้อๆขายๆ 5 ครั้งนี้) แวยู่ของนาฬิกา มีการเปลี่ยนแปลงไป(อ้างอิงราคาที่ตลาดนิยมและยอมรับในโมเม้นท์นั้น ...หมายถึงเป็นราคาที่ นายก.สามารถจะขายให้คนอื่นได้อย่างมีสภาพคล่องคอพอสมควร)....ถ้า...

ราคา หรือแวยู่ ที่ตลาดนาฬิกา ยอมรับ สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ เปลี่ยนแปลงไป ในทาง...."เพิ่มขึ้น" มากกว่า ที่นายก. เทรดขาดทุนไป 200 ....นายก. ได้กำไร  :!: (ตามสัดส่วนมากน้อยแล้วแต่ราคาที่ขายต่อได้ หักขาดทุนแล้ว)

หากกลับกัน ราคา หรือแวยู่ นาฬิกา เพิ่มขึ้นไม่เท่าส่วนที่เทรดขาดทุนไป...นายก. ......ขาดทุนในการกระทำครั้งนี้

หาก ราคาหรือแวยู่ นาฬิกา กลับลดลงด้วยซ้ำ....นายก. .....เจ๊ง....ที่สำคัญ นายก. ....เพี้ยน ...หรือมีปัญหา ในการตีราคา นาฬิการุ่นนี้

ในทางกลับไปกลับมาอีกสองสามชั้น....ถ้า....

นาย ก. เชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในเรื่องนาฬิกา และ เป็นผู้กว้างขวางในตลาด นาฬิกา และ อาจจะรวมไปถึง นายก. เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ หนังสือ วารสาร เซียน นาฬิกา อะไรทำนองนี้ หรือ เป็นประมาณ มีตำแหน่ง นายกสมาคมนาฬิกา อะไรซักอย่าง

(อาจ)มีผลทำให้เกิด ปรากฏการณ์สะท้อนกลับ มาสู่ตัวนาฬิกา
อันดับแรก ...นาฬิการุ่นนี้ คงจะเป็นที่พูดถึง ...บลาๆๆๆ ต่อๆมา ...จนรุ่นนี้โด่งดังเป็นที่ต้องการของนักเล่นนาฬิกา จนถึงกะขาดตลาดไปเลยทีเดียว

และ หากสืบค้นลงไปลึกหน่อย ถ้า...ก่อนหน้าจะเกิดปรากฏการณ์นี้ ...พบว่า นายก. ได้ซื้อกักตุน นาฬิการุ่นนี้ไว้ เป็นจำนวน% ที่มาก เมื่อคิดต่อสัดส่วนจำนวนนาฬิกาสามัญ ที่บริษัทผู้ขายนาฬิกาผลิตออกสู่ท้องตลาด

และยิ่งไปกว่านั้น หากรุ่นนี้ ไม่มีวอแรนท์ ออกมาพ่วงตัวแม่ และแถมผู้ผลิตได้กล่าวว่า ...จะไม่มีการผลิตรุ่นนี้ออกมาเพิ่มเติมอีกแล้ว....

ผลที่ได้คือ รออีกซักนิด เมื่อเวลาสุกงอม....นาย ก. ....รวย  :!:  :!:  :!:


และ นาย ข.....ขายหมู  :lovl:

ร้านที่ขายนาฬิกา ได้เงินสดไป 500 บาท

นาย ข กำไรไปแล้ว 200 โดยใช้เงินทุนทั้งหมด 800 บาท

นาย ก มีทรัพย์สิน มูลค่า 900 บาทอยู่
โดยลงทุนไปทั้งหมด 700 บาท
ถ้ามูลค่าไม่เปลี่ยนไปจากนี้ ถือว่ายังกำไร 200 บาท

ถ้ามองในแง่ เฉพาะ ก กะ ข

ข ลอยลำกำไรไป 200 บาทแล้ว เพราะไม่ได้ถือของไว้
แต่จะขายหมูรึเปล่า ไม่ทราบ

ก ถือว่ายังกำไรทางบัญชีอยู่ 200 (ลงทุนไป 700 ได้ทรัพย์สินที่คิดว่ามีมูลค่า 900 มา) แต่จะติดดอยหรือเปล่าไม่รู้

ถ้าถือว่า นาฬิกานั้นเป็นหุ้น (ซึ่งก็เหมือนจริงๆ)

ผมเข้าใจว่า พี่เจ๋งพยายามหมายถึง หุ้นขาขึ้น ทุกคนกำไร

จะขาดทุนก็คนสุดท้าย ที่ติดดอย (หรือคนที่ซื้อขายระหว่างนั้นแล้วขาดทุน)

รึเปล่าครับพี่เจ๋ง  

อืมมมม ...

สรุปรายการว่า

1.ร้านขายนาฬิกา ได้ไปแล้ว 500 บาท  (โดยไม่รู้ว่าทุนมาเท่าไหร่)

2.นาย ข ได้กำไรจากการซื้อ-ขาย สองรอบ 200 บาท

3.นาย ก มีนาฬิกา ที่ทุน 700 บาท (ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่า กำไร หรือ ขาดทุน เนื่องจากยังไม่ได้ขายออกไป หรือ ได้ประโยชน์จากดอกผลของนาฬิกา )

แต่เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้านาย ก รักชอบนาฬิกานี้และไม่ขายออกไป  นาย ก น่าจะขาดทุนจากการโลเล 200 บาท ครับ

นาย ก ขาดทุน 200 ครับ

เริ่ม สมมุติให้นาย ก มีเงิน สด 900 บาท ซื้อนาฬิกาไป 500 เงินสดเหลือ 900 - 500 = 400

- ต่อมาขายให้ นาย ข ได้เงินสดมา 600  เงินสด 400 +600 = 1000  บาท

- ซื้อคืน จากนาย ข 700 เงินสด 1000 - 700 = 300 บาท

- ขายให้นาย ข 800 เงินสด 300 + 800 = 1100 บาท

- ซื้อคืน จากนาย ข 900 เงินสด 1100 - 900 = 200 บาท

จากเริมที่มีเงินสด 400 ตอนนี้เหลือแค่ 200 ขาดทุนไป 200 บาท (ยังไม่รวมค่านายหน้า นะเนี่ย )

ดังนั้นต้องซื้อแบบนาย ข ครับ ได้กำไร 200 บาท

ไม่ก็หานาฬิกาที่มีมูลค่า 500 บาทแต่มีคนยอมขาย ที่ 400 หรือต่ำกว่า  :roll:

เล่นด้วยครับ

นาย  ก  ขาดทุน  100 บาท ครับผม

ขอบคุณครับ

ขอร่วมสนุกครับ

ถ้าลงบัญชีแบบนักบัญชีทั่วไปนั้น

นาย ก. ได้กำไร 200 บาท (กำไร 2 ครั้ง ๆ ละ 100 บาท)
และได้ทรัพย์สินต้นทุนใหม่อยู่ที่ 900 บาท

แต่ถ้าคิดแบบทั่วไป
นาย ก. ขาดทุนกำไร(ค่าเสียโอกาสที่ขายไปในราคาต่ำกว่าตลาดที่ควรจะเป็นไป 2 ครั้ง คือ  200 บาทให้กับ นาย ข.) เพราะ นาย ก. ได้ทรัพย์สินเดิมซึ่งมีต้นทุนใหม่ ณ ราคาตลาดปัจจุบันที่ 900 บาท

ชอบวิธีคิดของ

nandeandw & pneumonia  คับ

เด็ดมาก

สรุปแล้ว  ตั้งแต้ต้น ก่อนทำสัญญากัน

นาย ก. มีนาฬิกาอันหนึ่ง

นาย ข. -

ตอนสุดท้าย

นาย ก. ได้นาฬิกาอันเดิมกลับมา และเสียเงินไป 200

นาย ข. มีเงินเพิ่มมา 200

ถ้า นาฬิกา เรือนนั้น มีเรือนเดียวในโลก หาซื้ออีกไม่ได้แล้ว

ยังไม่สามารถ ระบุได้ว่า นาย ก. ขาดทุน หรือกำไร

แต่ถ้า สามารถหาซื้อนาฬิกาเรือนนั้นได้อีก ที่ราคา 500 เหมือนเดิม

ก็แปลว่า นาย ก. ขาดทุน 200 นาย ข. กำไร 200

นาย ก เสีย 700 บาทสำหรับค่าเป็นเจ้าของนาฬิกา
นาย ข ได้ 200 บาท มาฟรีๆ

นาย ข. กำไรแน่ ๆ 200 บาท อันนี้ไม่มีข้อแย้ง
นาย ก. ขาดทุน 200 บาท เพราะตอนต้นคือ นาย ก. มีทรัพย์สินเป็นนาฬิกา 1 เรือน แต่ตอนสุดท้าย นาย ก. มีนาฬิกาเหมือนเดิม แถมเสียเงินไป 200 บาท

ผมไม่สนว่าตอนหลังจะ revalue นาฬิกาให้มันมากขึ้นเท่าไหร่ ถ้าเทียบแล้ว นาย ก. ก็ยังติดลบอยู่ดี 200 บาท เพราะถ้าถือไปโดยไม่เล่นขายของเด้งไปเด้งมา มูลค่านาฬิกา (ตามความคิดและความอยากได้ของ นาย ก.) มันก็ต้องเพิ่มขึ้นอยู่ดี

ส่วนคนจะตีราคาเท่าไหร่ อันนั้นไม่ทราบด้วย นาย ก. ก็ยังเห็นนาฬิกา 1 เรือน เหมือนรูปวาด ต่อให้ภาพวาดของแวนโก๊ะมันจะแพงขึ้น หรือถูกลงเท่าไหร่ เจ้าของภาพที่ซื้อภาพมาเก็บไว้ในปัจจุบัน ก็เป็นคนเก็บภาพไว้ ไม่ได้กำไรหรือขาดทุน, รวยขึ้น หรือจนลง ตราบใดที่ยังไม่ได้ขายไป

นาย ก ได้กำไรจากการขาย 2 ครั้งแรก 200 บาท
แล้วก็มาเคาะซื้อนาฬิกาครั้งสุดท้ายที่ 900 บาท
เพราะฉะนั้นสินทรัพย์เงินสดในมือลดลงไป 700 บาท

แต่ได้สินทรัพย์นาฬิกา ณ ราคาตลาดในเวลานั้น 900 บาท

ฉะนั้น Asset ทั้งหมด (เงินสด + นาฬิกา) โตขึ้น -700 + 900 = 200 บาท

**ดังนั้นนาย ก ได้กำไร 200 บาท (นับตั้งแต่การ trade ครั้งแรกของนาย ก)

**ส่วนนาย ข ก็กำไร 200 บาท โดยกำไรไปเพิ่มเป็นเงินสดครับ

ขอเพิ่มวิสาสะ ตั้งคำถามเพิ่มครับ

แล้วสรุปว่านาย ก นาย ข ได้กำไร/ขาดทุนกี่ %

อันปัง เขียน:ถ้า นาฬิกา เรือนนั้น มีเรือนเดียวในโลก หาซื้ออีกไม่ได้แล้ว

ยังไม่สามารถ ระบุได้ว่า นาย ก. ขาดทุน หรือกำไร

แต่ถ้า สามารถหาซื้อนาฬิกาเรือนนั้นได้อีก ที่ราคา 500 เหมือนเดิม

ก็แปลว่า นาย ก. ขาดทุน 200 นาย ข. กำไร 200

อธิบายได้ถูกใจมั่กๆ คับ

นาย ก มัวแต่หาค่าของนาฬิกา จนลืมคิดถึงค่าของเวลาครับ  8)

นาย ก. ขาดทุนแน่นอน200บาท ถ้าขายต่อในราคา900บาทไม่ได้ สรุปนาย ก. เป็นแมงเม่า แต่ได้นาฬิกาไปนอนกอดเล่น

ขยายคำถามต่อ

คุณคิดว่า สุดท้าย นาย ก กำไรหรือขาดทุน (มีช๊อยส์)

1. กำไร เพราะกำไรทางบัญชี ตอนนี้นาฬิกา มีราคาปิดที่ 900 บาท ลงทุนไปแค่ 700 ยังไงก็กำไรเห็นๆ

2. ขาดทุน เพราะ นาฬิกา มันก็ 500 เท่าเดิม แค่นั่งบนรถไฟ ทำยังกะเลือกตั้งเสร็จ  :shock:  นาฬิกามันจะเปลี่ยนมูลค่าได้ไง

3. กำไร เพราะ น่าจะเอาไปขายต่อให้นาย ค นาย ง ต่อได้แพงกว่านี้อีก

4. บอกไม่ได้ เพราะ เราไม่รู้ รุ่น ราคา ของนาฬิกา นั้น (แน่จริงบอกมาเดะ แล้วจะบอกว่าจะซื้อหรือขาย)




แต่ละข้อ ไม่มีผิดถูก

แต่ใครตอบข้อไหน คงบอกได้ว่า คนนั้นเติบโตมากับแนวไหน

เวลาซื้อเค้าคิด vat?