Thai VI

เก็บข่าวจาก.....หนังสือพิมพ์ทันหุ้น

ฉบับ วันที่ 18 ก พ 2547 หน้าที่ 6


วิชัย ตันพิพัฒนรัตน์

ซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ FANCY

ขายหุ้นออกมา 13.50 ล้านหุ้น หรือเกือบ 2%

เมื่อวันที่ 11 กพ. 2547 ที่ผ่านมา

ในราคาหุ้นละ 7.80 บาท

แต่ยังมีอำนาจการบริหารเพราะยังเหลือหุ้นในมืออีก 41.38 ล้านหุ้น

หรือ ประมาณ 9% กว่า.......

อ่านข่าวนี้คิดถึงน้องMOO

อยากถามว่า...ใครขายก่อนใครครับ

และถามทุกท่านว่า...มีความรู้สึกอย่างไร

เพราะท่านขายตั้งแต่ก่อนแตกพาร์ ไปแล้ว 1 ชุด

หลังแตกพาร์ ท่านก็ขายต่อ

และนี่คือรายการล่าสุดที่ท่านขาย

ได้เงินรอบนี้ไปไม่เยอะหรอกครับ105ล้านกว่า เท่านั้นเอง

(สงสัยตั้งแต่เกิดจนตายผมก็ยังหาเงินไม่ได้เท่านี้พูดง่ายหาเงินทั้งชีวิตก็ไม่ได้เท่านี้ แต่ท่านหาได้ในวันเดียว จริง-จริ๊ง)

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

สงสัยครับ ผู้บริหารขายหุ้นออกมาถือว่าเป็นคน xxxx หรือครับ ทำไมถึงคิดอย่างนั้นละครับ

การขายหุ้นออกทำได้มีข้อได้เปรียบคือ ก่อนข่าวสำคัญภายในจะเป็นที่ล่วงรู้กับสาธารณะ เป็น insider trading อันนี้ผิดกฎหมายแน่นอน ขึ้นอยู่กับ กลต. ว่าจะเอาผิดหรือไม่ (เห็นมาแล้วกรณี RATCH ไม่เห็นจะเอาผิดเลย)

แต่ถ้าท่านผู้บริหารขายออกมาอย่างปกติธรรมดา ทำไมถึงว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดีละ

งง ครับ งง

ผมว่าการขายหุ้นของผู้บริหารเป็นสิ่งธรรมดา ย่อมทำได้.....แต่ถ้าเห็นว่าอนาคตไม่ดีแล้วขายออกมา นี่ ซิ ผมว่า เอาเปรียบ....แต่ถ้าขายเพราะต้องการใช้เงิน ก็เป็นสิ่งถูกต้องและทำได้....แต่เท่าที่สังเกตุ ท่านขายออกมา ก่อนแล้ว 1 ครั้ง เมื่อ 2 ปีก่อน......... แต่ราคา 7.80 บาท นี่ ผมคิดว่า ไม่น่าจะขายออกมา มากแบบนี้...........แต่ สิ่งที่ผมสนใจ ก็ คือ แล้วใครเป็นผู้ซื้อ ใครกล้าซื้อถึง 105 ล้านบาท ถ้าเขาซื้อ 105 ล้านบาท เขาก็คงน่าจะเห็นว่าเหมาะแก่การลงทุน จะหาหุ้น 13 ล้านหุ้นในตลาดไม่ได้แน่ ในราคา 7.80 บาท เพราะหลัง ๆ นี้ เห็น ซื้อกันไม่กี่แสนหุ้นเท่านั้น เอง..........น่าจะเป็นการเปลี่ยนมือ จาก ฝ่ายบริหารคนไทย ไปยัง ฝ่ายไต้หวันหรือเปล่า........น่าคิดลึก ๆ หน่อยนะครับ

ขอบพระคุณพี่ปรัชญาที่ให้ความเป็นห่วงและได้กรุณาแนะนำสิ่งดีๆเสมอ

ผมขายไปวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมาครับ