ปี 51 ธุรกิจแบงก์ไทยเสี่ยง ธปท.ชี้ตลาดเงินโลกผันผวน
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 28, 2007 8:18 am
ปี 51 ธุรกิจแบงก์ไทยเสี่ยง ธปท.ชี้ตลาดเงินโลกผันผวน กติกาใหม่บีบธนาคาร
พาณิชย์
'ธปท.'เตือนธนาคารพาณิชย์ไทย เตรียมรับมือ สารพัดปัจจับลบ ในปีหน้า
ชี้มี่ความเสี่ยงจาก ภาวะตลาดการเงินโลก ปัญหาซับไพร์ม เศรษฐกิจสหรัฐชะลอ
ส่วนปัญหาภายในประเทศ มีเรื่องเงินเฟ้อ กฏเกณฑ์ใหม่ที่กดดันให้แบงก์ลำบาก
นายบัญฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มสถาบันการเงิน รวมทั้งผลกระทบจากพ.
ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ที่ใช้เริ่มใช้ในปี 2551 ว่า ภาพรวมของสถาบันการ
เงินไทยในปีหน้า เป็นการต่อเนื่องจากปีนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะไม่เอื้ออำนวย
ต่อความผันผวน โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญจากปัญหาซับไพร์ม ที่อาจจะทำให้
เศรษฐกิจสหรัฐชะลอลงมากขึ้น ปัญหาในระบบการเงินสหรัฐฯอาจกระทบการปล่อย
สินเชื่อ และภาวะสภาพคล่องในลาดการเงิน แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมในปีนี้ถือว่า
อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ปีหน้าภาวะแวดล้อมที่จะกระทบสถาบันการเงินไทย ที่ต้องดูแล
อย่างใกล้ชิดยังมีปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ที่การใช้จ่ายในประเทศควรขยายตัวได้
มากขึ้นในปีหน้า ทดแทนการส่งออกที่คาดว่าจะชอลง แต่ราคาน้ำมัน ปัญหาอัตราเงิน
เฟ้อ และความผันผวนของเงินทุนต่างประเทศความเสี่ยง อาจกระทบเศรษฐกิจ ซึ่งถ้า
การฟื้นตัวช้า ก็จะเป็นแรงกดดันต่อหนี้ที่ไม่ก่อนให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) และความ
ท้าทายจากกรอบกติกาใหม่ที่จะมีผลในปีหน้า ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับตัว คือ
การปฎิบัติตามเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน ตามมาตรฐานสากล ได้แก่ บาล
เซล 2 การกำกับแบบรวมกลุ่ม มาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศ เช่น IAS39 และ การ
Mark to Market ของธุรกรรม derivatives พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พรบ.สถาบันคุ้ม
ครองเงินฝาก และแผนแม่บทระยะที่ 2 'แนวโน้มขอธนาคารพาณิชย์ไทยในปีหน้า
ธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับตัวเพื่อเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้น ทั้งในด้านเงินฝาก
และสินเชื่อ ด้านเงินฝากเห็นได้จากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์เริ่มมีการระดมเป็นเงินฝาก
มากขึ้น เนื่องจากระดมเงินทุนจากต่างประเทมีต้นทุนสูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยในต่าง
ประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนด้านสินเชื่อมีการมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะปีหน้า
คาดว่าการใช้จ่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น'
นายบัญฑิตกล่าวว่าประเด็นที่ควรระวัง คือ ธนาคารไม่ควรลดหย่อนมาตรฐาน
ด้านสินเชื่อ เพื่อลดโอกาสของการเกิดปัญหาในอนาคต ความผันผวนในตลาดต่าง
ประเทศเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะผลกระทบที่อาจมีต่อการลงทุน และการ
ขยายสินเชื่อในต่างประเทศ นอกจากนี้ควรเร่งเสริมระบบบริหารความเสี่ยงให้สอด
คล้องกับกลยุทธ์ และความเสี่ยงของธุรกิจ และเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลที่ดี
ทั้งนี้พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในกลางปี 2551
ดังนั้นเห็นว่าสถาบันการเงินจำเป็นต้องปรับตัว ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.ความเพียงพอของ
เงินกองทุนต้องมีเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงต่างๆได้ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
ทั้งนี้จากข้อมูล สิ้นเดือนกันยายน ธนาคารทั้งระบบมีเงินกองทุนโดยเฉลี่ย 15.1%
สูงกว่า 8.5% ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำแล้ว 2 สถาบันการเงินต้องวางต้องมีการวางแผล
อย่างระมัดระวัง ครองคลุมบริษัทลูก 3.ดูแลให้โครงสร้างบริหารจัดการธรรมภิบาลที่ดี
เพราะกฏหมายฉบับใหม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน4.การแข่งขันของสถาบันการเงินจะมี
มากขึ้นจึงมีการเปิดให้สถาบันการเงินหาผู้ร่วมทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทำธุรกิจ 5.
สถาบันการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชน และประชาชนได้รับ
ข้อมูลที่เพียงพอ เช่นอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงินกองทุน
นายบัญฑิต กล่าวต่อว่า เนื้อหาพรบ.มีการผ่อนคลายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้น
ไทยได้ไม่เกิน 49% จากเดิม ไม่เกิน 25% และหากต้องการจะถือเกิน มากกว่า 49%
จะต้องของอนุญาตกับกระทรวงการคลังก่อน ทั้งนี้มั่นใจว่าแบงก์ไทยจะปรับตัวได้
ตามกฏเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด และธปท.จะเข้าไปดูแลให้ราบรื่น และไม่ให้เป็นอุป
สรรค์ต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสถาบันการเงิน และระบบในระยะยาว
รวมทั้งสถาบันการเงินนั้นเอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า
ที่มา แนวหน้า วันที่ 28/12/07 เวลา 7:40:48
พาณิชย์
'ธปท.'เตือนธนาคารพาณิชย์ไทย เตรียมรับมือ สารพัดปัจจับลบ ในปีหน้า
ชี้มี่ความเสี่ยงจาก ภาวะตลาดการเงินโลก ปัญหาซับไพร์ม เศรษฐกิจสหรัฐชะลอ
ส่วนปัญหาภายในประเทศ มีเรื่องเงินเฟ้อ กฏเกณฑ์ใหม่ที่กดดันให้แบงก์ลำบาก
นายบัญฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงแนวโน้มสถาบันการเงิน รวมทั้งผลกระทบจากพ.
ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ที่ใช้เริ่มใช้ในปี 2551 ว่า ภาพรวมของสถาบันการ
เงินไทยในปีหน้า เป็นการต่อเนื่องจากปีนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจในปีนี้จะไม่เอื้ออำนวย
ต่อความผันผวน โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญจากปัญหาซับไพร์ม ที่อาจจะทำให้
เศรษฐกิจสหรัฐชะลอลงมากขึ้น ปัญหาในระบบการเงินสหรัฐฯอาจกระทบการปล่อย
สินเชื่อ และภาวะสภาพคล่องในลาดการเงิน แต่อย่างไรก็ตามในภาพรวมในปีนี้ถือว่า
อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ปีหน้าภาวะแวดล้อมที่จะกระทบสถาบันการเงินไทย ที่ต้องดูแล
อย่างใกล้ชิดยังมีปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ที่การใช้จ่ายในประเทศควรขยายตัวได้
มากขึ้นในปีหน้า ทดแทนการส่งออกที่คาดว่าจะชอลง แต่ราคาน้ำมัน ปัญหาอัตราเงิน
เฟ้อ และความผันผวนของเงินทุนต่างประเทศความเสี่ยง อาจกระทบเศรษฐกิจ ซึ่งถ้า
การฟื้นตัวช้า ก็จะเป็นแรงกดดันต่อหนี้ที่ไม่ก่อนให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) และความ
ท้าทายจากกรอบกติกาใหม่ที่จะมีผลในปีหน้า ทำให้ธนาคารพาณิชย์ต้องปรับตัว คือ
การปฎิบัติตามเกณฑ์การกำกับดูแลสถาบันการเงิน ตามมาตรฐานสากล ได้แก่ บาล
เซล 2 การกำกับแบบรวมกลุ่ม มาตรฐานบัญชีระหว่างประเทศ เช่น IAS39 และ การ
Mark to Market ของธุรกรรม derivatives พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงิน พรบ.สถาบันคุ้ม
ครองเงินฝาก และแผนแม่บทระยะที่ 2 'แนวโน้มขอธนาคารพาณิชย์ไทยในปีหน้า
ธนาคารพาณิชย์จะมีการปรับตัวเพื่อเผชิญกับการแข่งขันมากขึ้น ทั้งในด้านเงินฝาก
และสินเชื่อ ด้านเงินฝากเห็นได้จากขณะนี้ธนาคารพาณิชย์เริ่มมีการระดมเป็นเงินฝาก
มากขึ้น เนื่องจากระดมเงินทุนจากต่างประเทมีต้นทุนสูงขึ้น จากอัตราดอกเบี้ยในต่าง
ประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนด้านสินเชื่อมีการมีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพราะปีหน้า
คาดว่าการใช้จ่ายในประเทศจะเพิ่มขึ้น'
นายบัญฑิตกล่าวว่าประเด็นที่ควรระวัง คือ ธนาคารไม่ควรลดหย่อนมาตรฐาน
ด้านสินเชื่อ เพื่อลดโอกาสของการเกิดปัญหาในอนาคต ความผันผวนในตลาดต่าง
ประเทศเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังโดยเฉพาะผลกระทบที่อาจมีต่อการลงทุน และการ
ขยายสินเชื่อในต่างประเทศ นอกจากนี้ควรเร่งเสริมระบบบริหารความเสี่ยงให้สอด
คล้องกับกลยุทธ์ และความเสี่ยงของธุรกิจ และเสริมสร้างระบบธรรมาภิบาลที่ดี
ทั้งนี้พรบ.ธุรกิจสถาบันการเงินฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในกลางปี 2551
ดังนั้นเห็นว่าสถาบันการเงินจำเป็นต้องปรับตัว ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.ความเพียงพอของ
เงินกองทุนต้องมีเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงต่างๆได้ตามเกณฑ์มาตรฐานสากล
ทั้งนี้จากข้อมูล สิ้นเดือนกันยายน ธนาคารทั้งระบบมีเงินกองทุนโดยเฉลี่ย 15.1%
สูงกว่า 8.5% ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำแล้ว 2 สถาบันการเงินต้องวางต้องมีการวางแผล
อย่างระมัดระวัง ครองคลุมบริษัทลูก 3.ดูแลให้โครงสร้างบริหารจัดการธรรมภิบาลที่ดี
เพราะกฏหมายฉบับใหม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน4.การแข่งขันของสถาบันการเงินจะมี
มากขึ้นจึงมีการเปิดให้สถาบันการเงินหาผู้ร่วมทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทำธุรกิจ 5.
สถาบันการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น เพื่อให้ภาคเอกชน และประชาชนได้รับ
ข้อมูลที่เพียงพอ เช่นอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงินกองทุน
นายบัญฑิต กล่าวต่อว่า เนื้อหาพรบ.มีการผ่อนคลายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้น
ไทยได้ไม่เกิน 49% จากเดิม ไม่เกิน 25% และหากต้องการจะถือเกิน มากกว่า 49%
จะต้องของอนุญาตกับกระทรวงการคลังก่อน ทั้งนี้มั่นใจว่าแบงก์ไทยจะปรับตัวได้
ตามกฏเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด และธปท.จะเข้าไปดูแลให้ราบรื่น และไม่ให้เป็นอุป
สรรค์ต่อเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสถาบันการเงิน และระบบในระยะยาว
รวมทั้งสถาบันการเงินนั้นเอง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า
ที่มา แนวหน้า วันที่ 28/12/07 เวลา 7:40:48