หน้า 1 จากทั้งหมด 1
'ฉลองภพ' เผยจะเปิดเทรดหุ้น PTT พรุ่งนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 5:16 pm
โดย vichit
'ฉลองภพ' เผยจะเปิดเทรดหุ้น PTT พรุ่งนี้ หลังครม.มีมติเรื่องโอนสินทรัพย์-ระบุ
จะคิดค่าเช่าท่อก๊าซย้อนหลัง 5 ปี
'ฉลองภพ' เผยจะเปิดเทรดหุ้น PTT พรุ่งนี้ หลังครม.มีมติเรื่องโอนสินทรัพย์
ระบุจะคิดค่าเช่าท่อก๊าซย้อนหลัง 5 ปี ด้านปิยสวัสดิ์ ระบุสามารถนำเงินลงทุนมาหัก
ล้างค่าเช่าได้ ส่วน ตลท. ยันจะปลด SP ต่อเมื่อมีข้อมูลชัดเจน
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า
คาดว่าหุ้น บมจ.ปตท.(PTT) จะเปิดให้ซื้อขายได้ตามปกติในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้
หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติกรณีการโอนทรัพย์สินคืนให้กระทรวงการคลังตามคำ
พิพากษาของศาลปกครองสูงสุด
ทั้งนี้ ปตท. จะต้องจ่ายค่าเช่าสินทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลังย้อนหลัง 5
ปี ตั้งแต่เดือนต.ค.44 ที่มีการแปลงสภาพเป็นบมจ.ปตท.
นายฉลองภพกล่าวว่า หลังจาก ปตท. โอนสินทรัพย์ให้กับกระทรวงการคลัง
แล้ว ยังมีสิทธิได้เช่าใช้สินทรัพย์ดังกล่าวโดยการคิดค่าเช่าจะคิดในอัตราปกติ ตาม
เกณฑ์ โดยคำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเป็นธรรม
ด้าน นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า
ปตท.สามารถนำเงินลงทุนมาหักล้างกับค่าเช่าสินทรัพบ์ ที่จะคิดย้อนหลังได้
ขณะที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์จะเน้นการเปิดเผยข้อมูลอย่างครบ
ถ้วนและชัดเจน เป็นเงื่อนไขสำคัญ ก่อนที่จะเปิดซื้อขายหุ้น PTT
'ฉลองภพ' เผยจะเปิดเทรดหุ้น PTT พรุ่งนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 5:30 pm
โดย BTS
แขวน ptt มาสองวัน ปล่อยให้ตัวอื่นเทรดกัน
พรุ่งนี้น่าจะแขวนหุ้นตัวอื่นทั้งตลาด ปล่อยให้ ptt เทรดตัวเดียว
ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน :lovl:
news17/12/07
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 10:08 pm
โดย chartchai madman
ศาลปกครองสูงสุด ไม่รับคำร้อง รสนา คุ้มครองทรัพย์ ปตท.
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 17 ธันวาคม 2550 20:08 น.
ศาลปกครองสูงสุด สั่งไม่รับคำร้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่ขอให้กำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์การแบ่งแยกทรัพย์สิน ปตท.ด้วยการให้จัดทำบัญชีทรัพย์สิน สิทธิประโยชน์ ปตท.ที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการแปรรูป รวมทั้งตั้งคณะบุคคลที่เป็นกลางเข้าไปดูแล และงดการซื้อขายหุ้น ปตท.ในตลาดไว้จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามคำพิพากษา
วันนี้ (17 ธ.ค.) นางรสนา โตสิตระกูล กรรมการสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค พร้อมด้วย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ น.ส.สายรุ้ง ทองปลอน ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้กำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามคำพิพากษาในกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในคดีแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ทั้งนี้ นางรสนา กล่าวว่า เนื่องจากเกรงว่าระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้มีทำการแยกทรัพย์สินท่อก๊าซเป็นของรัฐภายใน 120 วัน อาจสั้นและเอื้อให้เกิดการฮั้วกัน ทำให้ทรัพย์สินที่ต้องโอนไปให้รัฐน้อยกว่าควรจะเป็น จึงควรเป็นตัวแทนจากสภาทนายความ สตง.นักวิชาการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เพราะทรัพย์สินที่จะโอนเป็นของรัฐไม่น่าจะมีเพียงท่อก๊าซ 3 เส้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมูลค่า 1 แสนล้านบาท แต่ควรมีมากกว่านั้น จากทรัพย์สินทั้งหมดที่ศาลระบุไว้กว่า 8.4 แสนล้านบาท โดยสิ่งที่น่าจะโอนเป็นของรัฐน่าจะเป็นท่าเรือ ท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย คลังน้ำมัน
ด้าน น.ส.สายรุ้ง กล่าวว่า ไม่ต้องการให้มีการเสนอเรื่องนี้ในการประชุม ครม.วันนี้ (18) เพราะเรื่องต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน หากยังเดินหน้าเรื่องดังกล่าวเกรงว่าจะเป็นการรวบรัดส่งผลกระทบต่อการโอนทรัพย์สิน หากยืนยันพิจารณาเรื่องดังกล่าว ควรเป็นการพิจารณาตั้งคณะกรรมการร่วมในการประเมินทรัพย์สิน ไม่ใช่หารือเพื่อรองรับสถานะ ปตท.ให้ดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ คำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ระบุว่า การที่คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กำหนดให้คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี รมว.พลังงาน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ร่วมกันกระทำการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดิน เพื่อการวางระบบการขนส่งทางท่อรวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจของรัฐและมหาชน ออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ปตท.โดยให้เสร็จสิ้นก่อนการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานตาม พ.ร.บ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 นั้น เห็นว่า เนื่องจากทรัพย์สินส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อการวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ ตลอดจนการใช้อำนาจและสิทธิที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐทั้งส่วนที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการแปรรูป เป็นข้อมูลที่มิได้เปิดเผยต่อผู้ฟ้องคดีสาธารณชนและศาลทั้งหมด จึงย่อมเป็นการยากที่จะตรวจสอบติดตามว่าผู้ถูกฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้อย่างครบถ้วนหรือไม่ อีกทั้ง ปตท.ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์ที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินมาตลอด โดยไม่ได้ให้ผลตอบแทนแก่รัฐเลย ซึ่งถือเป็นความเสียหายและต้องมีการกำหนดวิธีการคำนวณความเสียหาย ดอกเบี้ย เบี้ยปรับ ค่าภาษี อัตราค่าเช่าที่เหมาะสม เพื่อคืนสู่ประชาชนทุกคน
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังมีการระบุผ่านสื่อหลังศาลมีคำพิพากษาว่าจะมีการเสนอต่อครม.ให้พิจารณาแผนการดำเนินการและรายละเอียดเกี่ยวกับการโอนทรัพย์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดระหว่างการแปรรูปคืนรัฐการจ่ายค่าเช่าย้อนหลัง และการเสียภาษีตามคำสั่งศาลปกครอง แต่จากการตรวจสอบ ปรากฏว่า มีรัฐมนตรีใน ครม.และบุคคลในครอบครัวของรัฐมนตรีถือครองหุ้นอยู่ในบริษัท ปตท.จึงมีเหตุอันสงสัย ว่า พิจารณาของ ครม.จะเกิดความเป็นธรรม และโปร่งใสได้อย่างไร ดังนั้น เพื่อเป็นการปกป้องทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอย่างแท้จริง ดังนั้น ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้เสียหายอย่างแท้จริง จึงขอให้ศาลสั่ง 1.ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหมดจัดทำบัญชีทรัพย์สินส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งหมด รวมถึงบรรดาโครงการ กิจกรรมหรือการกระทำใดๆ ที่ได้กระทำไปโดยอาศัย ใช้ อ้างสิทธิอำนาจมหาชนของรัฐ งบประมาณของรัฐ ทั้งที่ได้ดำเนินการไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด โดยรวมทั้งก่อนและหลังการแปรรูป จนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษา
2.ให้จัดทำบัญชีแสดงมูลค่าทรัพย์สินส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทั้งหมด รวมตลอดถึงบรรดาทรัพย์สิน หรือสิทธิประโยชน์ที่ได้มา โดยอาศัย ใช้ อ้างสิทธิอำนาจมหาชนของรัฐ งบประมาณของรัฐ ทั้งที่ได้ดำเนินการไปแล้วและอยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด โดยรวมทั้งก่อนและหลังการแปรรูป จนถึงวันที่ศาลมีคำพิพากษา 3.ให้จัดทำระเบียบวิธีการ ขั้นตอน รายละเอียด แผนการชดใช้ค่าเสียหายโดยคำนวณวิธีการ จำนวน ค่าความเสียหาย ดอกเบี้ย เบื้ยปรับ ค่าภาษี ค่าขาดประโยชน์ ระยะเวลาที่ต้องชดใช้คืนแก่รัฐส่งต่อศาล 4.ขอให้มีคำสั่งตั้งคณะบุคคลประกอบด้วยผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ ผู้แทนสภาทนายความ ผู้แทนตรวจเงินแผ่นดิน ผู้แทนสำนักงานความรับผิดทางแพ่ง กรมบัญชีกลาง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการที่ไม่มีส่วนได้เสีย เกี่ยวข้องกับการแปรรูป ปตท.กิจการของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ไม่ว่าในฐานะใด เพื่อพิจารณาตามข้อ 1, 2, 3 โดยให้ผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมสังเกตการณ์ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมโปร่งใส และมีส่วนร่วม 5.ขอให้ศาลแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระงับการขายหุ้นของบริษัท ปตท.ต่อไป จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยการแบ่งแยกคืนทรัพย์สินให้แก่แผ่นดินเสร็จสิ้น อย่างถูกต้อง ชัดเจน เพราะหากมีการประเมินคุณค่าทรัพย์สินที่รวบรัดไม่รอบคอบ ขาดการตรวจสอบความถูกต้อง ในการประเมิน ไม่โปร่งใส มีบุคคลที่ถือหุ้น และได้ประโยชน์จากบริษัท ปตท.เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ย่อมจะทำให้ประโยชน์สาธารณะและผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้รับการคุ้มครองและอาจเกิดความวุ่นวายในตลาดหลักทรัพย์สังคมประเทศได้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาด้วยเหตุผลว่าเหตุยังไม่เกิด
http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000149614