Thai VI

ตอนนี้ยังขาดทุนจากหวัดนก อยู่ 20 % มีความรู้สึกว่ากลัวตลาดหุ้นมากๆ เลยค่ะ แต่ก็อยากได้ส่วนที่
ขาดทุนไปคืน พี่ๆ ช่วยหน่อยนะคะ ว่าถ้าซื้อหุ้นตอนนี้จะราคาสูงไปมั้ยถ้าต้องการซื้อแล้วถือ 6 เดือน ถึง 1 ปี
แล้วขอ 20 % คืน จะเป็นไปได้มั้ยคะ หรือว่ามีวิธีอื่นมั้ย ตอนนี้หนูขอแค่ส่วนนี้คืนเท่านั้น แล้วหนูจะเลิกเล่นหุ้นไปเลย
จะเป็นไปได้มั้ยคะ
ตอนนี้ขาดทุนไปแล้ว หลายแสนบาท ควรจะทำยังไง เล่นหุ้นลักษณะไหนดี และหุ้นตัวไหนที่ถือแล้วสามารถมั่นใจได้
ไม่ต้องดูกระดาน ไปเลย 6 เดือน ถึง 1 ปี แม้set จะขึ้นจะลงก็ไม่ต้องกังวล หวั่นไหว จะมีหุ้นแบบนี้มั้ยคะ
ความคิดของหนูแบบนี้จะเป็นไปได้มั้ย เพราะตอนนี้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขเลย กังวล กลัว หวั่นไหว ฯลฯ ต้องคอยจ้องคอมฯ เรียลไทม์ตลอดเวลาเลย แล้วอนาคตก็คงประสาทกินแน่ๆ
ทนไม่ไหวแล้วค่ะกับชีวิตแบบนี้ พี่ๆ ช่วยคิดหน่อยนะคะ หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
อย่าว่า นะคะ ถ้าหนูคิดอะไรไม่ถูกต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้หนูนะคะ

ต้องดูเป็นรายตัวครับ

ถ้าต้องการแบบไม่ต้องล้นราคารายวัน รายชั่วโมง หรือแม้แต่รายนาที

ควรที่จะศึกษาหาความร้ก่อนครับ ความร้แบบปัจจัยพื้นฐาน และการคำนวณหาราคาตามพื้นฐาน

เพื่อที่จะซื้อห้น แบบลงทนในกิจการนะครับ ไม่ใช่เพียงแค่ซื้อใบห้น รวมทั้งคณจะร้เหตผลด้วยตัวคณเองว่าคณเลือกซื้อห้นของบริษัทนี้เพราะอะไร ทำไมคณถึงซื้อที่ราคานี้

ถ้าเพียงแต่คณซื้อห้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ราคาเหมาะสม แต่ไม่ร้ถึงเหตผลในการซื้อห้นบริษัทนี้ แต่ไม่ร้ถึงมลค่าของบริษัท คณก็ยังไม่สิ้นกังวลครับ ถ้าราคาห้นที่คณถืออย่เพียงแค่ไม่วิ่งตามตลาด

ถือตัวไหนอยู่หรือครับ cut loss ไปแล้วเหรอครับ ถึงบอกว่าขาดทุนไปเป็นแสนแล้ว

ตอนหวัดนก พอร์ตผมก็ลบเป็นแสนเหมือนกันครับ แต่หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ set กลับมา 700 กว่า พอร์ตก็กลับมาบวกได้แล้วครับ

แสดงว่าคุณ acharao ไม่มั่นใจหุ้นที่ถืออยู่ตอนนี้ใช่ใหมครับ ถึงต้องนั่งลุ้นหน้าจอตลอด เหนื่อยแน่นอนครับ ถ้าต้องลุ้นทุกวินาที

สำหรับตัวผม ถ้าหุ้นที่ซื้อมาง่ายๆ มักจะหวั่นไหวง่าย ขายง่ายครับ

ถ้าซื้อมายากๆ <คือทำการบ้านมาก่อน ศึกษาว่าทำธุรกิจอะไร งบการเงินเป็นยังไง> มักจะหวั่นไหวยาก ขายยากครับ

คุณ acharao ตอนนี้ลองศึกษาหุ้นที่ถืออยู่ตอนนี้ก่อนไหมครับ หรือไม่ก็โพสถามพี่ๆเพื่อนๆ ในนี้ก็ได้ครับ ใจเย็นๆครับ ถ้าหุ้นที่ถือดีอยู่จริง ยังไงราคาก็ต้องขึ้นมาครับ

ผมว่าถ้าคุณ acharao สะกดรอยตามพี่ๆ เพื่อนๆ ในห้องนี้
คงจะไม่รู้สึกอย่างที่เป็นอยู่แน่นอนครับ

หากมองการลงทุนเหมือนเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นของตนเองแล้ว
คุณ archarao ต้องไม่ต้องเฝ้าคอยติดตามราคาของกิจการนั้น
และต้องการขายออกไปทุกวัน ๆ

ในทางตรงกันข้าม
คุณ archarao คงต้องทำความเข้าใจกับธุรกิจดังกล่าวให้ดีพอ
ผู้บริหารที่เรากำลังจะมอบความไว้วางใจให้บริหารงาน ไว้ใจได้หรือไม่
ติดตามผลประกอบการการดำเนินงานของบริษัทรายไตรมาส รายปี
ความสุขก็คงจะอยู่ที่การเห็นกิจการต่างดำเนินได้ผลกำไรตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ในที่สุด ราคาหุ้นก็จะสะท้อนถึงผลการดำเนินงานเองครับ
หากการดำเนินงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็คงต้องดูรายละเอียดถึงสาเหตุ

ผมเองติดตามความเคลื่อนไหวของราคาเกือบทุกวัน
แต่แทบไม่ได้ซื้อๆ ขายเลย
ส่วนใหญ่ก็ลงทุนเพิ่มในกิจการเดิมที่เรารู้จัก
การที่ได้ผลตอบแทนปีละ 12-15% ต่อปี
ก็ทำให้ผมมีความสุขกับการลงทุนแล้วครับ

ขอมาให้กำลังใจครับ
ศิลปะการลงทุนเป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าติดตาม อย่างหนึ่งสำหรับผมครับ

อ่านกระทู้ที่นี่ไปเรื่อย ๆ จะเจอหุ้นอย่างที่คุณต้องการเต็มไปหมด
อย่างตอนนี้ที่ราคาร่วงลงมาพอจะซื้อได้ก็มี METCO, TR
ขอให้โชคดี

ลองไปดูกราฟย้อนหลังของหุ้นบางตัวดูซิ ดูตัวที่เวลามีหวัดนกแล้ว ราคาไม่สะทกสะท้าน หุ้นแบบนั้น แหละถือแล้วไม่ต้องหวั่นไหว

อ่านแบบฟอร์ม 56-1 ให้รู้ว่าธุรกิจแต่ละตัวเขาทำอะไรกันบ้าง มีจุดแข็ง
หรือจุดอ่อนอย่างไร พยายามทำความเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นให้มากที่สุด
หาอ่านได้ที่ http://www.sec.or.th

ศึกษางบดุล งบกำไรขาดทุนของบริษัท ให้ลองนึกว่าคุณกำลังจะเอาเงิน
จำนวนมหาศาลเข้าไปซื้อทั้งบริษัท บริษัทมีทรัพย์สินเท่าไร หนี้สินเท่าไร
ผลกำไรที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีความสามารถในการสร้างผลกำไรเมื่อ
เทียบกับสินทรัพย์หรือส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นอย่างไร มีเงินปันผลเท่าไร
ฯลฯ วิเคราะห์ทั้งหมดแล้ว ลองคิดดูว่าคุ้มที่จะซื้อบริษัทนี้หรือไม่

รอซื้อตอนที่ราคามันถูกถึงจุดที่คุณยอมรับได้ ดูค่า P/E ให้ต่ำๆ เข้าไว้
ช่วงที่มีข่าวร้ายเข้ามาเป็นช่วงที่น่าตัดสินใจเข้าซื้อ

เชื่อไหมครับว่าการลงทุนเวลาเพื่อศึกษาหุ้นแต่ละตัว คุ้มค่ากว่าการใช้
เวลาเพื่อนั่งเฝ้าหน้าจอ คุณจะได้ความรู้ในเรื่องธุรกิจ รู้เรื่องบัญชีบ้าง ที่
สำคัญคือตอนกลางคืนจะหลับสบายและหลับสนิทครับ

ตอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับ

ผมอ่านข้อความที่คุณโพสต์แล้ว ผมว่าแนวคิดการลงทุนของคุณน่ะ มันใช้ไม่ได้เลยครับ (ขออภัยที่พูดตรงๆ)

แล้วคำแนะนำการลงทุนแบบที่คุณต้องการน่ะ เค้าเรียกว่า มาขอโพยหุ้นครับ ที่นี่ก็ไม่มีให้อยู่ดี ส่วนที่ที่มีให้ก็มีแต่ของปลอม หลอกให้ซื้อหุ้นไปวันๆ แหละครับ (ที่จริง คุณเองก็คงเจอมาบ้างแล้วในการซื้อหุ้นที่ผ่านมา ไม่งั้นก็คงไม่ต้องมาขาดทุนและเดือดร้อนใจอย่างที่เป็นตอนนี้แหละครับ)

จนถึงปัจจุบัน คุณก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดีว่าหุ้นของคุณต่อไปจะขึ้นหรือลงต่ออีก นั่นคือ "ความเสี่ยง" ครับ มันก็เหมือนกับที่คุณไม่รู้ว่า ถ้าคุณโยนเหรียญแล้วมันจะออกหัวหรือก้อยนั่นแหละ

คำแนะนำของผม คือ คุณควรทำใจกับการขาดทุนครั้งนี้ และหยุดลงทุนไปจนกว่าคุณจะเข้าใจการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่านี้นะครับ

ไว้คอยเข้ามาอ่านที่นี่สัก 3-6 เดือนก่อนก็ได้ครับ

>> acharao

ครับ อย่าเสียใจที่ Financial Engineer เขาพูดแบบนั้นนะครับ ภาษาในเว็บมันจะดูรุนแรงกว่าความจริง ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์

คุณ FinEng ก็ใจร้ายจัง

คนเรา มันก็ต้องมีทำผิดทำถูกบ้างเป็นเรื่องธรรมดาครับ

เคยได้ยินมาว่า นักลงทุนมักจะเริ่มใช้ความคิดมากขึ้น เมื่อตัวเองขาดทุนครับ

ผมว่าจริงเลยนะ บางทีเราก็ซื้อหุ้นตัวหนึ่งเพราะความโลภ คิดว่ามันถูกเหลือเกิน ทั้งที่ไม่ได้ดูข้อมูลให้ดีเสียก่อน พอเริ่มขาดทุนก็เลยมานั่งพิจารณา หาข้ออ้างอย่างโน้นอย่างนี้ เพื่อที่จะไม่ขาย พอขาดทุนหนักๆ เข้าก็เริ่มดูข้อมูลจริงจัง หางบมาอ่าน จนกระทั่งหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่ได้แล้วถึงยอมขายในที่สุด ...

สำหรับคุณ acharao
ผมยังติดใจอยู่ที่ว่า ขอ 20% คืนแล้วจะเลิกไปเลย อยากลองให้คิดดูดีๆ นะครับ ว่าตอนแรกที่คิดซื้อหุ้นน่ะ ตอนนั้น คิดอย่างไร แล้วทำไมเวลานี้ถึงคิดอีกแบบนึง ตลาดหุ้นไม่ใช่ที่ที่เลวร้ายเสมอไปนะครับ ไม่อยากให้คิดอะไรสั้นๆ แบบนั้น

ลองดูหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำแต่พื้นฐานดีสิครับ พวกนี้ขึ้นลงตามตลาดบ้างแต่ไม่มาก

คุณ acharao ครับ

ลองโพสต์ชื่อหุ้นที่ติดอยู่ไว้สิครับ จะได้คำแนะนำที่ตรงประเด็นกว่า
ผมคิดว่าหุ้นบางตัวอาจจะดีมากก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรไปปีหนึ่งก็จะกลับ
มากำไรมากมาย แต่บางตัวทิ้งไว้นานๆอาจจะกลายเป็นเกือบๆศูนย์ครับ

มาดูเป็นรายตัวจะดีกว่าเหวี่ยงแหแบบนี้ครับ

acharao เขียน:ตอนนี้ยังขาดทุนจากหวัดนก อยู่ 20 % มีความรู้สึกว่ากลัวตลาดหุ้นมากๆ เลยค่ะ แต่ก็อยากได้ส่วนที่
ขาดทุนไปคืน พี่ๆ ช่วยหน่อยนะคะ ว่าถ้าซื้อหุ้นตอนนี้จะราคาสูงไปมั้ยถ้าต้องการซื้อแล้วถือ 6 เดือน ถึง 1 ปี
แล้วขอ 20 % คืน จะเป็นไปได้มั้ยคะ หรือว่ามีวิธีอื่นมั้ย ตอนนี้หนูขอแค่ส่วนนี้คืนเท่านั้น แล้วหนูจะเลิกเล่นหุ้นไปเลย
จะเป็นไปได้มั้ยคะ
ตอนนี้ขาดทุนไปแล้ว หลายแสนบาท ควรจะทำยังไง เล่นหุ้นลักษณะไหนดี และหุ้นตัวไหนที่ถือแล้วสามารถมั่นใจได้
ไม่ต้องดูกระดาน ไปเลย 6 เดือน ถึง 1 ปี แม้set จะขึ้นจะลงก็ไม่ต้องกังวล หวั่นไหว จะมีหุ้นแบบนี้มั้ยคะ
ความคิดของหนูแบบนี้จะเป็นไปได้มั้ย เพราะตอนนี้ชีวิตอยู่ไม่เป็นสุขเลย กังวล กลัว หวั่นไหว ฯลฯ ต้องคอยจ้องคอมฯ เรียลไทม์ตลอดเวลาเลย แล้วอนาคตก็คงประสาทกินแน่ๆ
ทนไม่ไหวแล้วค่ะกับชีวิตแบบนี้ พี่ๆ ช่วยคิดหน่อยนะคะ หนูอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
อย่าว่า นะคะ ถ้าหนูคิดอะไรไม่ถูกต้องแนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้หนูนะคะ

น่าสงสารมากครับ
ไม่ใช่คุณacharao คนเดียวหรอกครับที่เป็นอย่างนี้
คนที่ผมรู้จักหลายคนก็เป็นเหมือนกัน
ส่วนใหญ่กำเงินเข้าตลาดหุ้นก็เพราะต้องการผลตอบแทนสูงๆในเวลาอันสั้น
เพาะเพื่อนมาบอกว่าได้กำไรมาหลายร้อยเปอร์เซนต์ในปีที่แล้ว
ร้อยทั้งร้อย ก็ซื้อหุ้นที่มีคนมากระซิบบอก

สุดท้ายก็ขาดทุน

ที่คุณacharao มาถามว่าจะซื้อตัวไหนดี
ผมว่าสุดท้ายคุณacharao ก็หนีไม่พ้นจากสถานการณ์เดิมหรอกครับ
เพราะเรายังไม่รู้เลยว่าเราซื้อหุ้นตัวนี้เพราะอะไร
เวลาหุ้นตกๆก็ทนทรมาณ
เวลาหุ้นขึ้นก็ดีใจลิงโลด
แล้วชีวิตนี้ในการลงทุนจะหาความสงบได้เมื่อไหร่

ผมว่าลองศึกษาหาความรู้ก่อนกำเงินเข้าตลาดอีกรอบดีมั๊ยครับ
หาหนังสือการลงทุนมาอ่าน
ทำความเข้าใจบริษัทที่เราสนใจ
อาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ก็คุ้มค่า

ส่วนหุ้นที่ซื้อมา เอามาโพสแถวๆนี้หละ
แล้วจะมีผู้รู้มาบอกให้ว่าจะถือ จะขาย หรือ ซื้อเพิ่ม
แต่ก่อนตัดสินใจต้องทำการบ้านก่อนนะครับ

หุ้นดีๆถือยาวๆมีเยอะแยะครับ จะเอา 1 ปี หรือ 10 ปี
ผมก็มี
แต่ไม่บอก
เพราะบอกไปแล้ว คุณacharaoซื้อตาม
เวลาราคาลงก็กลุ้มใจอีก

หุ้นใบ้หวยส่วนใหญ่ เขาไม่มาบอกกันหรอกครับว่า"ขาย"ตอนไหน

ดังนั้น ซื้อหุ้นที่เราเข้าใจในธุรกิจนั้นดีที่สุดครับ
ที่สำคัญ เราทำการบ้านก่อนซื้อหรือเปล่า
และ จิตใจเราพร้อมสำหรับตลาดหุ้นหรือยัง

ถึงคุณเจ้าของกระทู้ครับ

ถ้าหากเงินที่คุณเอามาลงทุนนั้น เป็นเงินเย็นล่ะก็
ผมขอแนะให้มองในมุมนี้ครับว่า
20% ที่ขาดทุนแล้วให้แล้วไป
อ่ย่าไปวางแผนลงทุนโดยตั้งเป้าว่า จะเอาคืน 20% ในสิ้นปีแล้วเลิกเล่น
แต่ให้วางแผนการลงทุนว่า จะเลือกหุ้นที่ดีแล้วซื้อเก็บไว้
เอาว่า ถ้าจะให้ลูกหลานหรือพี่น้องในวันหนึ่งข้างหน้า
พวกเขาที่จะได้หุ้นไป พอเห็นชื่อหุ้นก็ไม่ต้องร้อง ยี้
สรุปก็คือ แนะให้เลือกซื้อหุ้น Blue Ship หรือหุ้นที่มีทีมบริหาร
หรือประวัติการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและเติบโต
ซึ่งถามชื่อ
Blue Ship ก็มีเยอะแยะ
พวกหุ้นเติบโตหรือหุ้นเล็ก ก็มีมากมาย
ไม่ต้องรีบร้อนซื้อ ศึกษาก่อนแล้วจึง หาจังหวะเหมาะซื้อเก็บเข้าไว้

ประเด็นสำคัญคือ ซื้อหุ้นดีแล้วถือยาว
เลิกซื้อหุ้นเพื่อกะกำไรรายวัน สัปดาห์น่ะครับ

พวกหุ้นดีนั้น ถ้าซื้อแล้ว เกิดได้กำไรทันตาเห็นก็ให้ถือเป็นผลพลอยได้ไป
แต่ให้ซื้อหุ้นดีดีไว้ก่อนครับ
โชคดีนะครับ

1.รู้จักบริษัทนั้นดีพอ
2.ดูงบการเงินให้ละเอียด
3.เป็นผู้นำในธุรกิจนั้น
4.รอ......รอ......ซื้อสวนกระเเสตอนมีข่าวร้าย

ถ้า GDP ยังโตมากกว่า 5% ซื้อ PL เลยครับ

ที่ผมเขียนออกจะดูใจร้ายน่ะเป็นเพราะว่า จากที่ผมอ่านที่เจ้าของกระทู้โพสต์มาน่ะ ผมว่าเป็นลักษณะของมือใหม่ที่ซื้อหุ้นโดยยังไม่รู้จักตลาดดีพอ เดาว่าอาจลงทุนตามคำแนะนำของสื่อ หรือเพื่อนฝูงซะมากกว่า

แถมบอกว่า ยังไม่รู้อนาคตเลยว่า หุ้นแต่ละตัวที่ถืออยู่น่ะ มันจะกลับไปที่ราคาเดิมได้มั้ยในอนาคต (แสดงว่าทำการบ้านมาไม่พอ จึงไม่มีความเชื่อมั่นในความสามารถทำกำไรในอนาคตของบริษัท)

ยิ่งไปกว่านั้น ยังบอกว่า ถ้ากลับไปได้ทุนคืนก็พอแล้ว จะเลิกเล่นหุ้นซะที เพราะเล่นไปก็มีแต่กังวล (แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนวันไหน หรือได้คืนแน่มั้ย) ผมว่ามันเหมือนขอพรพระเจ้า หรือชาวนาขอฝน ยังไงไม่รู้นะ

ผมถึงแนะนำให้หยุดการลงทุน แล้วไปศึกษาให้ดีขึ้นเสียก่อน ให้เข้าใจกลไกและพฤติกรรมของตลาดมากกว่านี้ (อาจศึกษาจากในห้องนี้ก็ได้) น่าจะเป็นผลดีกับเจ้าของกระทู้เองมากกว่าที่จะมารอด้วยความกังวลให้หุ้นขึ้นเฉยๆ

ที่ผมแนะนำก็ด้วยความปรารถนาดีครับ

แนะนำวิธีปลูกต้นแอปเปิ้ลให้ น่าจะดีกว่าปอกแอปเปิ้ลใส่จานให้นะครับ ว่ามั้ย

ไม่เห็นเจ้าของกระทู้ตอบกลับมาเลยครับ
พี่ๆ ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยน้ำใจ และความหวังดี
โดยเฉพาะความรอบรู้ ความสามารถ มากมายทุกท่าน
รอร่วมศึกษาด้วย
ยังไงก็ติดต่อกลับมานะครับ
ขอให้กำลังใจ

กระทู้นี้ดังระเบิด

กระทู้นี้เป็นกรณีตัวอย่างของ ดร. นิเวศน์ เลยนะครับนี่

เก็บมาฝากครับ

ผู้เขียนสรุปได้ว่าสาเหตุที่นักลงทุนติดหุ้น นั่นเป็นเพราะไม่รู้จักตัวเองว่าเป็นนักเก็งกําไร หรือนักลงทุน ทําให้ใช้องค์ประกอบในการตัดสินใจผิดพลาด มีความอดทนในการถือหุ้นไม่สมดุลกับประเภทของหุ้น ซึ่งผู้ เขียนได้แบ่งหุ้นออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. หุ้นปั่นราคา - แบบมีของจริง
- แบบไม่มีอะไรเลย
2. หุ้นเก็งกําไร - เก็งกําไรบนปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
- เก็งกําไรแบบใช้อารมณ์ ใครซื้อตัวไหนก็ซื้อตาม
3. หุ้นปัจจัยพื้นฐานดี - ดีมานานแล้ว
- เพิ่งเริ่มดี

ความอดทนในการถือหุ้นของเรา คือการเล่นหุ้นเป็นรอบๆ เมื่อเรายอมรับว่าติดหุ้น ก็ต้องมาคิดกันต่อไปว่า จะมีวิธีการแก้ไขพอร์ตที่ติดหุ้นได้อย่างไรบ้าง แทนการ รอให้ราคาหุ้นนั้นกลับขึ้นไปที่เดิมเพียงอย่างเดียว ซึ่งสรุปง่ายๆ ไว้ 3 ข้อคือ

1. ลดต้นทุนให้ต้นทุนถูกลง ซึ่งอาจทําโดยขายเมื่อหุ้นขึ้น และซื้อกลับเมื่อหุ้นตกลงมาอีกครั้ง ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการมองแนวโน้มของหุ้นตัวนั้นให้ได้ว่ายังดีอยู่หรือว่าแย่?

2. สลับหุ้น เป็นการเปลี่ยนหุ้นโดยการขายหุ้นเดิมที่ขาดทุนทิ้งไป และซื้อหุ้นใหม่ที่ดีเข้ามาทดแทน โดยคุยกันเรื่องความเสี่ยงและต้องมีแผนที่สองไว้รองรับในกรณีที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

3. ปรับพอร์ตใหม่ทั้งหมดก็คือ หุ้นที่ซื้อต้องตรงกับอุปนิสัยในการเล่นหุ้นของตนเอง

สรุปคือ ท่านต้องรู้จักตัวเองให้ได้ว่าจะเป็นนักเก็งกําไร หรือนักลงทุน

ผมก็ขาดทุนครับ แต่ beat ตลาดเชียวนะครับ....
ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน DCF ไม่เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ
ผมไม่เปลี่ยนตัวถือครับ

ผมอยากให้ดูว่าที่ถืออยู่น่ะ อาจจะดีแล้วก็ได้ครับ ศึกษาว่าเค้าทำอะไรสิครับ อาจจะดีก็ได้ครับ

แล้ว ถ้าผมรู้ว่าหุ้นตัวไหนให้กำไร 20% ผมคงซื้อเองแล้วครับ

....วันนี้พิ่งอ่านคอลัมน์ ดร นิเวศ เพิ่งรู้ว่ามาจากกระทู้นี้ครับ

อูยย...

ตอนอ่านคอลัมน์ "แมงเม่า : โลกในมุมมองของ Value Investor, ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร"

อ่านไปก็รู้สึกว่า เอ.. มันคุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหนมาก่อน

อ่านไปก็กลัว ท่าน ดร. จะอ้างถึงว่า มีสมาชิกใจร้ายในเว็บไซต์เกี่ยวกับตลาดหุ้นแห่งหนึ่ง มาโพสต์ให้ความเห็นจนอาจทำให้เจ้าของกระทู้ขวัญเสียได้

โชคดีที่อ่านแล้วไม่เจอ

น่าดีใจและเป็นปลื้มแทนผู้บริหารเวปครับ
ท่าน ดร.คงจะเข้ามาอ่านเป็นประจำ
หลายครั้งที่เราเรียนเชิญท่านโพสบ้าง
แต่ก็ไม่ได้รับการสนองจากท่าน
เชื่อว่าสมาชิกหลายๆท่านที่นี่ล้วนมีคุณภาพ
เรียนเชิญท่านมาแนะนำ หรือ เสนอความคิดเห็นบ้างก็ดีครับ
เริ่มกระทู้นี้ก็ได้ เพราะว่าตามบทความของท่านในเรื่องนี้
ก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเสนอแนะเจ้ากระทู้มากนัก
อย่างไรก็ต้องเชิญเจ้าของกระทู้มาลงรายละเอียดก่อนครับ

อยากดังมั่งฮับ

จริงๆแล้วส่วนตัวผมเห็นว่าการที่ อ.นิเวศน์ ไม่ได้เข้ามาโพสกระทู้ในนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว เนื่องด้วยสถานภาพของตัวท่านเองอยู่ในตำแหน่งที่สังคมจับตามอง ดังนั้นการเข้ามาตอบกระทู้หรือเข้ามาโพสในนี้อาจจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อสถานภาพของท่าน แต่ไม่แน่นะท่านอาจจะใช้นามแฝงเป็นGuestมาก็ไดใครจะรู้ อิอิ 8)

ชอบมากๆเลย คำพูดที่ว่าซื้อตัวไหนดีเนี้ย... ฮิๆ

Dr.T เขียน:อ่านกระทู้ที่นี่ไปเรื่อย ๆ จะเจอหุ้นอย่างที่คุณต้องการเต็มไปหมด
อย่างตอนนี้ที่ราคาร่วงลงมาพอจะซื้อได้ก็มี METCO, TR
ขอให้โชคดี

อับดุล ขอตามไปคนคับ

ถ้าถือ 1 ปีผมไม่แน่ใจนะครับ แต่ถ้าจะถือไปตลอด

ผมขอเสนอหนึ่งตัวครับ

ตัวย่อ BRK-B    บริษัท Berkshire Hathaway

ปัจจุบันราคา  3,264.60 เหรียญ

คิดเป็นเงินไทย ราคาประมาณ แสนนิดๆ



   "ชาร์ลีและผมไม่รับสามารถรับประกันผลลัพธ์ให้แก่คุณได้ อย่างไรก็ตามเรารับประกันได้ว่าสถานะทางการเงินของคุณจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับสถานะทางการเงินของเราตลอดช่วงระยะเวลาที่คุณเป็นหุ้นส่วนของเรา"
                                                                Warren Buffett
                                                         มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก


มอบบทความนี้เป็นกำลังใจให้นะครับ

New Year Letter from Warren Buffet

เราเริ่มต้นปีใหม่นี้ด้วย...

ความกระตือรือร้นที่หดหู่ และ การมองโลกแง่ดีที่ถูกทำลาย

ความสุขของเราถูกเจือจางลง และ ความสงบสุขของเราถูกคุกคาม...

ด้วยเชื้อป่วยไข้ของเศรษฐกิจ ที่ระบาดมายังครอบครัว องค์กร และ ประเทศชาติของเรา เราทุกคนต่างค้นหายารักษาอย่างสิ้นหวัง เพื่อรักษาความเจ็บป่วยของเศรษฐกิจ และให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม

พวกเราต่าง...ฝากความหวังไว้กับผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ

ว่าพวกเขาจะจัดหายารักษาให้แก่พวก เราได้

ทั้งที่จริง พวกเราคงลืมไปว่า...

ก็ไม่ใช่พวกผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ เหล่านี้หรอกหรือ ที่เป็นคนสร้างความวุ่นวายทางเศรษฐกิจนี้ขึ้นมาเอง

ทุกๆ ปีใหม่ ผมนำ คติพจน์เก่าๆ มาเป็น ไฟนำทาง อนาคตของผม

สูตรบำบัดรักษาตัวเองต่อไปนี้...

ให้ความมั่นใจกับผมว่า...ในแต่ละปีที่ผ่านไป

ผมเติบโต-อย่างมีปัญญามากขึ้น...ไม่ใช่แก่-อายุมากขึ้น

ปีนี้ผมจึงขอเชิญชวนทุกคน...ให้นำความคิดคุณ

เจาะเข้าถึง...ข้อคิดที่ให้สติทางการเงินนี้ร่วมกัน และกลายป็น...ผู้ที่ชาญฉลาดทางเศรษฐกิจ



ความขยัน : ทุกความขยัน...นำรายได้มาให้, แค่พูด...มีแต่นำความยากจนมาให้

ขี้เกียจ : กุ้งลอบสเตอร์ที่หลับ จะถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป

เงินที่หาได้ : อย่าพึ่งพา แหล่งรายได้เพียงทางเดียว เป็นอันขาด

(อย่างน้อย ทำให้ การลงทุนใดๆ เกิดเป็นรายได้แหล่งที่ 2 ของคุณ)

การใช้จ่าย : ถ้าคุณซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น, คุณจะต้องขายสิ่งที่จำเป็นในไม่ช้า

การออม : อย่าเพียงออมเท่าที่เหลือจากการใช้จ่าย แต่ให้ใช้จ่ายในส่วนที่เหลือจากการเก็บออมแล้ว

การยืม : คนเป็นลูกหนี้ กลายเป็น...ทาสของเจ้าหนี้

ทำบัญชี : จะมีประโยชน์อะไรในการกางร่ม, ถ้ารองเท้าของคุณฉีกขาดอยู่

ตรวจสอบ : ระมัดระวังแม้รายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ, รอยรั่วเล็กๆ สามารถจมเรือใหญ่ๆ ได้

การเสี่ยง : อย่าตรวจความลึกของแม่น้ำด้วยเท้า 2 ข้างเป็นอันขาด (มีแผนอื่นรองรับไว้ให้พร้อม)

การลงทุน : อย่าใส่ไข่ทั้งหมดของคุณ...รวมไว้ในตระกร้าเพียงใบเดียว



ผมมั่นใจว่า...ใครก็ตามที่ ฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้อยู่แล้ว

เป็นผู้ที่ดำรงการมี ฐานะการเงินที่แข็งแรงไว้ได้

[color=darkblue]ผมมั่นใจเท่าๆ กันด้วยว่า...ใครก็ตามที่ เริ่มต้นฝึกปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้
จะกลับมาเป็นผู้มี ฐานะการเงินที่เข้มแข็งได้อย่างรวดเร็ว
ขอเราทุกคนต่างกลายเป็น...

ผู้ที่มีปัญญามากขึ้น และ นำไปสู่ความสุข มีชีวิตที่แข็งแรง, มั่งคั่งและ สงบสุข.[/color]


แปลและเรียบเรียง โดย

โอกาส ชาญเชาวน์กุล

25 ก.พ. 2552



                                                     ด้วยความปรารถนาดีครับ