โผหุ้นโบรกไทย-เทศ
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 04, 2007 8:53 am
โผหุ้นโบรกไทย-เทศ
--------------------------------------------------------------------------------
เปิดโผหุ้นโบรกไทย-เทศจัดพอร์ตหุ้นน่าลงทุน ฝ่ามรสุมปัจจัยลบทั้งใน และนอกประเทศรุมเร้า โบรกไทยให้มุมมองลงทุนหุ้นไซด์กลางและเล็ก BJC- CCET- DELTA- DEMCO OISHI- PTTEP- QH- SCB- UMS ชูจุดเด่นผลงานโต 24.30% จากภาพรวมตลาดที่ 16.60% พร้อมฐานะการเงินแข็งแกร่ง ส่วนโบรกฝรั่งยังไม่เสื่อมความนิยมหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ เลือก PTTCH- SCB- BAY- KBANG มองราคาหุ้นที่ต่ำมาก สวนทางธุรกิจที่มีแต่ความโดดเด่นจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง
ดัชนีตลาดหุ้นประเดิมต้นสัปดาห์ (3 ธ.ค.) ออกอาการผันผวน โดยมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ กดดัชนีตลาดลดลงมาปิดตลาดที่ 831.12 จุด ลดลง 1.64 จุด หรือ 1.81% มูลค่าซื้อขายรวม 1.69 หมื่นล้านบาท โดยต่างชาติขายสุทธิ 1,680.84 ล้านบาท จากวันศุกร์(30พ.ย.)มีแรงซื้อเข้ามา 1,264.ล้านบาท
นายทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากแรงเก็งกำไรคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ประมาณ
0.25-0.50% จึงอาจดึงแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้
สำหรับความคาดหวังการกลับมาซื้อสุทธิในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือช่วงก่อนสิ้นปีของนักลงทุนต่างชาตินั้น มองว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยภายความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก โดยมองถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากเลือกตั้งเสร็จหากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็จะส่งผลบวกต่อการลงทุนได้เร็ว และมีโอกาสที่จะเห็นดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 900 จุด
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดในปี 2551 สำหรับในครึ่งปีแรกคาดว่ายังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้แต่ละบริษัทแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับในครึ่งปีแรกบริษัทต่างๆยังคงรอความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทิศทางการลงทุนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในครั้งปีหลัง
เรามองว่าปีนี้วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้าน ถึงจะมีปัจจัยลบรอบด้านก็ตาม ส่วนปีหน้าเราหวังว่าจะได้เห็นที่ระดับ 2 หมื่นล้าน หลังการเมืองชัดเจน สามารถเรียกความเชื่อกลับมาได้ แต่หากการเมืองยังไม่นิ่งทะเลาะกันไม่หยุดมีหวังฉุดวอลุ่มหดเหลือ 1.5-1.4 หมื่นล้านนายทองมกุฏกล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เดินเรือ และธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเยอะจึงเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาหุ้นถูก และมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเช่น PTTCH , SCB ,BAY, และ KBANK จากแนวโน้มราคาสินที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด มองว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าทั้งจากภายนอก และภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตลาดเงินที่เกี่ยวโยงกับซับไพร์มที่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ และปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศ ดังนั้นฝ่ายวิจัยได้คัดเลือกหุ้นขึ้นมา 1 กลุ่มซึ่งมีด้วยกัน 9 หลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มผลการเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่นตั้งแต่ ไตรมาส 4/2550 ถึงปีหน้า ประกอบด้วย BJC ,CCET , DELTA , DEMCO , OISHI PTTEP , QH , SCB และ UMS
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไรปกติในปี 2551 ของหุ้นในทั้ง 9 บริษัทจะเติบโตถึง 24.30% ซึ่งสูงกว่าตลาดที่โตเพียง 16.60% จากการสำรวจการเติบโตของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฝ่ายวิจัย 113 บริษัท ทั้งๆที่รายได้เติบโตเพียง 15.10%
--------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------
เปิดโผหุ้นโบรกไทย-เทศจัดพอร์ตหุ้นน่าลงทุน ฝ่ามรสุมปัจจัยลบทั้งใน และนอกประเทศรุมเร้า โบรกไทยให้มุมมองลงทุนหุ้นไซด์กลางและเล็ก BJC- CCET- DELTA- DEMCO OISHI- PTTEP- QH- SCB- UMS ชูจุดเด่นผลงานโต 24.30% จากภาพรวมตลาดที่ 16.60% พร้อมฐานะการเงินแข็งแกร่ง ส่วนโบรกฝรั่งยังไม่เสื่อมความนิยมหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ เลือก PTTCH- SCB- BAY- KBANG มองราคาหุ้นที่ต่ำมาก สวนทางธุรกิจที่มีแต่ความโดดเด่นจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาลง
ดัชนีตลาดหุ้นประเดิมต้นสัปดาห์ (3 ธ.ค.) ออกอาการผันผวน โดยมีแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ กดดัชนีตลาดลดลงมาปิดตลาดที่ 831.12 จุด ลดลง 1.64 จุด หรือ 1.81% มูลค่าซื้อขายรวม 1.69 หมื่นล้านบาท โดยต่างชาติขายสุทธิ 1,680.84 ล้านบาท จากวันศุกร์(30พ.ย.)มีแรงซื้อเข้ามา 1,264.ล้านบาท
นายทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นในระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น จากแรงเก็งกำไรคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ประมาณ
0.25-0.50% จึงอาจดึงแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาได้
สำหรับความคาดหวังการกลับมาซื้อสุทธิในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือช่วงก่อนสิ้นปีของนักลงทุนต่างชาตินั้น มองว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยภายความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก โดยมองถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากเลือกตั้งเสร็จหากจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วก็จะส่งผลบวกต่อการลงทุนได้เร็ว และมีโอกาสที่จะเห็นดัชนีปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 900 จุด
ส่วนแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดในปี 2551 สำหรับในครึ่งปีแรกคาดว่ายังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยของราคาน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้แต่ละบริษัทแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ประกอบกับในครึ่งปีแรกบริษัทต่างๆยังคงรอความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาล จึงทำให้ยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าทิศทางการลงทุนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในครั้งปีหลัง
เรามองว่าปีนี้วอลุ่มซื้อขายเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 1.7 หมื่นล้าน ถึงจะมีปัจจัยลบรอบด้านก็ตาม ส่วนปีหน้าเราหวังว่าจะได้เห็นที่ระดับ 2 หมื่นล้าน หลังการเมืองชัดเจน สามารถเรียกความเชื่อกลับมาได้ แต่หากการเมืองยังไม่นิ่งทะเลาะกันไม่หยุดมีหวังฉุดวอลุ่มหดเหลือ 1.5-1.4 หมื่นล้านนายทองมกุฏกล่าว
อย่างไรก็ตามมองว่าราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เดินเรือ และธนาคารพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างเยอะจึงเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาหุ้นถูก และมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเช่น PTTCH , SCB ,BAY, และ KBANK จากแนวโน้มราคาสินที่เพิ่มขึ้น และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง
บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด มองว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าทั้งจากภายนอก และภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตลาดเงินที่เกี่ยวโยงกับซับไพร์มที่ปะทุขึ้นมาอีกรอบ และปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศ ดังนั้นฝ่ายวิจัยได้คัดเลือกหุ้นขึ้นมา 1 กลุ่มซึ่งมีด้วยกัน 9 หลักทรัพย์ที่มีแนวโน้มผลการเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่นตั้งแต่ ไตรมาส 4/2550 ถึงปีหน้า ประกอบด้วย BJC ,CCET , DELTA , DEMCO , OISHI PTTEP , QH , SCB และ UMS
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยประเมินว่ากำไรปกติในปี 2551 ของหุ้นในทั้ง 9 บริษัทจะเติบโตถึง 24.30% ซึ่งสูงกว่าตลาดที่โตเพียง 16.60% จากการสำรวจการเติบโตของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของฝ่ายวิจัย 113 บริษัท ทั้งๆที่รายได้เติบโตเพียง 15.10%
--------------------------------------------------------------------------------