หน้า 1 จากทั้งหมด 1

นลท.หนาวหวั่น PTT ถูกถอดจาก ตลท.

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 03, 2007 10:35 pm
โดย vichit
ศาลอาญาสั่งฟัน ประชัย คดีปั่น TPIPL
 นลท.หนาวหวั่น PTT ถูกถอดจาก ตลท.

ศาลอาญาสั่งจำคุก "ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และพวก 3 ปีไม่รอลงอาญา พร้อมปรับบริษัทและอดีตผู้บริหาร 6.9 พันลบ. ฐานปั่นหุ้น TPIPL "ประชัย" เตรียมยื่นอุทธรณ์ทันที ด้าน กกต. ระบุยังไม่หมดสิทธิทางการเมือง เพราะคดียังไม่เป็นที่สิ้นสุด งานนี้ฝนที่ตกแถวรัชดา หนาวถึงวิภาวดี นลท.หวั่น PTT ออกจาก ตลท. หลังศาลฯ ตัดสินคดี TPIPL โดยคำนึงถึงตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ต่างชาติกระหน่ำขายราคารูด 22 บาท หดดัชนีร่วงกว่า 15 จุด โบรกฯชี้ต่างชาติเสียงแตก หวั่น PTT ผิดเรื่องท่อก๊าซ ฯ ทำมูลค่าหุ้นลดเหลือ 290 บาท วงการ แนะจับตาหาก PTT แพ้คดี AOT-MCOT มีหนาว เหตุใช้ พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน

***ศาลอาญาพิพากษาจำคุก ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และ เชียรช่วง กัลยาณมิตร ฐานปั่นหุ้นทีพีไอ คนละ 3 ปี - ปรับ 6.9 พันลบ.

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้( 3 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบังลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)(TPIPL) โดยนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และนายชัยณรงค์ แต้ไพสิฐพงษ์ ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ, นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตประธานผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.ทีพีไอโพลัน (TPIPL) , บริษัท สเติร์น สจ๊วต (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการบริหาร และนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร กรรมการบริหาร บจก.สเติร์นฯ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นบริษัทเจ้าของหลักทรัพย์ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลักทรัพย์เผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผลบังคับใช้ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์ใดจะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง (ปั่นหุ้น) และร่วมกันกระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ผู้รับผิดชอบในการดำเนินกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ม.77 และ 239 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
     ศาลวิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 77, 239, 280, 296 และประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยกระทำความผิดเป็นความผิดหลายกรรมต่างวาระให้ลงโทษเรียงกระทงตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 91 โดยในความผิดฐานเผยแพร่ข้อมูลและร่างหนังสือเสนอชี้ชวนการเสนอขายหลักทรัพย์ก่อนวันที่หนังสือชี้ชวนจะมีผลบังคับใช้ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าหลักทรัพย์จะมีราคาสูงขึ้นหรือลดลง(ปั่นหุ้น) ให้ปรับจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 3 แสนบาท พิพากษา และให้จำคุกจำเลยที่ 2 กับ 4 คนละ 1 ปี
      ส่วนในความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือในการดำเนินกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์พิพากษาให้ปรับจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นจำนวนเงินคนละ 6,900 ล้านบาท และจำคุกจำเลยที่ 2 และ4 คนละ 2 ปี รวมปรับจำเลยที่ 1 และ 3 คนละ 6,900 ล้าน 3 แสนบาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2 และ 4 คนละ 3 ปี ศาลเห็นว่าการกระทำความผิดของจำเลย ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่มีเหตุรอลงอาญา
    นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตกรรมการ บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เปิดเผยว่า จะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีต่อไป ส่วนผลของคำพิพากษาจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคทางการเมืองหรือไม่นั้น
      นายประชัย กล่าวว่า เพราะเขาลงมาเล่นการเมืองถึงทำให้ต้องมาทนรับความกดดันและแรงเสียดทานขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้นายประชัยกำลังอยู่ในขั้นตอนเพื่อยื่นขอประกันตัวต่อศาล โดยนายประชัยนำพันธบัตรจำนวน 1 ล้านบาทมาเพื่อยื่นขอประกันตัว ส่วนนายเชียรช่วง กัลยาณมิตร ยื่นขอประกันตัวด้วยเงินสดจำนวน 3 แสนบาท
     ทั้งนี้ เมื่อระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.2546 จำเลยที่ 1 ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยมีสาระสำคัญในแบบแสดงรายการข้อมูลและหนังสือชี้ชวนดังกล่าวเกี่ยวกับเสนอขายหุ้นต่อประชาชนจำนวน 300,000 หุ้น และแสดงฐานะการเงินของบริษัทและผลการดำเนินงานของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน)(TPIPL) ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เผลแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเสนอขายหลักทรัพย์
       ก่อนวันที่แสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือ สาระสำคัญว่าหุ้นที่เหมาะสม อยู่ที่ 89 บาทต่อหุ้น และการเงินสูงกว่าในหนังสือชี้ชวน 23,370 ล้านบาท ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ได้แสดงในร่างหนังสือ และไม่ได้ทำตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามวันเวลาดังกล่าว ส่วน จำเลยที่ 2 ในฐานะเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและรับผิดชอบในการดำเนินกิจการได้เผยแพร่ข่าวเป็นสาระสำคัญ มูลค่าองค์กรของบริษัท มีมูลค่าอยู่ที่ 91,387 ล้านบาท และมีมูลค่าที่เหมาะสม 89 บาทต่อหุ้น เกินกว่าความเป็นจริง ในการเผยแพร่ข่าว และจำเลยที่ 3-4 ได้ร่วมกันสนับสุนนโดยการช่วยเหลือในการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว
    อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีที่ นายประชัย และพี่น้องตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ถูกกล่าวหาว่าไซฟอนเงินกรณีจ่ายเงินกว่า 900 ล้านเพื่อเช่าตึกทีพีไอนั้น เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง

*** กกต.ระบุ 'ประชัย' ยังไม่ขาดคุณสมบัติตามรธน. เหตุยังไม่มีหมายศาลสั่งคุมขัง -มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้

      นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ถึงกรณีที่ศาลมีคำสั่งจำคุก นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัว
หน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา กรณีปั่นหุ้น บมจ.ทีพีไอโพลีน (TPIPL) ว่า ในขณะนึ้ นายประชัย ยังไม่ขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 วรรค 4 เนื่องจากยังไม่ถูกคุมขังโดยหมายศาล และมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลเพื่อขอคุ้มครองสิทธิได้ ซึ่งจะต้องรอฟังคำวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ก่อนว่าผลจะออกมาเป็นเช่น โดยกกต.ยึดคุณสมบัติของ นายประชัย ในช่วงที่ยื่นใบสมัคร ซึ่งมีคุณสมบัติพร้อมและขณะนี้ก็ยังไม่ขาดคุณสมบัติ

*** ตลท.แขวน H หุ้น TPIPL หลังศาลฯ สั่งปรับบริษัทฯ 6.9 พันลบ.-จำคุก 'ประชัย' 3 ปี ฐานผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์

     ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งว่า เนื่องจากปรากฏข่าวว่า ศาลอาญามีคำพิพากษาให้บริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) และนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการใน TPIPL ทั้งนี้ TPIPLอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายว่าด้วยล้มละลาย โดยมี TPIPL เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ) มีความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยพิพากษาให้ปรับ TPIPL 6,900,300,000 บาท (หกพันเก้าร้อยล้านสามแสนบาท) และจำคุกนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ 3 ปีโดยไม่มีเหตุรอลงอาญา
     ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่ได้รับแจ้งข้อมูลจากบริษัท ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ของ TPIPL เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่ายของวันที่ 3 ธันวาคม 2550 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะได้ชี้แจงหรือเปิดเผยสารสนเทศสำคัญและผลกระทบต่อบริษัทมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ
     รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ขณะนี้ตลาดฯ อยู่ระหว่างรอคำชี้แจงจาก TPIPL เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งหากไม่ชี้แจงวันนี้อาจจะมีการขึ้นเครื่องหมาย SP เพื่อรอคำชี้แจงจากบริษัทดังกล่าว และเปิดเผยข้อมูลให้กับนักลงทุนรับทราบก่อนจะมีการซื้อขาย ส่วนกรณีจำคุกผู้บริหารของ TPIPL ขบวนการต่อไปก็คงจะขึ้นอยู่กับ กกต. เพราะบุคคลดังกล่าวในขณะนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย
     ' ตอนนี้ตลาดก็รอดูข้อมูลจาก TPIPL ตามที่ได้ให้บริษัทดังกล่าวชี้แจง ซึ่งหากชี้แจงไม่ทันก็คงจะขึ้นเครื่องหมาย SP ซึ่งก็เป็นไปตามปกติของการดำเนินงานของตลาดฯ อยู่แล้ว ส่วนนายประชัยในฐานะผู้บริหาร บจ. แต่ตอนนี้เป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย อนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไปก็คงต้องไปถาม กกต.' รายงานข่าว กล่าว

*** เตือนระวัง!! ต่างชาติถล่ม TPIPL หลังศาลฯสั่งปรับ 6.9 พันล. โบรกฯระบุก่อนหน้านี้ CLSA-Citigroup สะสมเต็มพอร์ต

     นายจักรกริช เจริญเมธาชัย Head of Private Equities บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี่ (ประเทศไทย) (MACQ) ให้ความเห็นว่า หาก TPIPL ต้องถูกปรับ 6.9 พันล้านบาท แม้ในเบื้องต้นคดีจะยังไม่เป็นที่ยุติ สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ทว่าย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับปฏิกริยาเชิงลบจากความไม่แน่นอนจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีการซื้อไปค่อนข้างหนักในช่วงก่อน โดยเฉพาะที่มาจาก CLSA และ Citigroup ที่ให้ราคาเป้าหมาย 20 และ 17 บาท ตามลำดับ ขณะที่ MACQ ให้ราคาเป้าหมายที่ 18.4 บาท มีเพียง CS เท่านั้นที่ต่ำสุดเพียง 11.4 บาท หรือ Consensus Price อยู่ที่ 16.70 บาท
    ล่าสุดหุ้น TPIPL อยู่ที่ 13.20 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 48.07 ล้านบาท ก่อนที่จะถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย H ห้ามการซื้อขาย

*** ตลท.กระหน่ำขาย PTT กดดันชีร่วงกว่า 15 จุด

     ผู้สื่อข่าวรายงานปิดตลาดฯ วานนี้( 3 ธ.ค.) ตลาดหุ้นปิดในแดนลบที่ระดับ 831.12 จุด ลดลง 15.32 จุด หรือ 1.81% ณ เวลา 16.45 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 16,305.84 ล้านบาท
ทั้งนี้ มี 3 หลักทรัพย์ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยยืนในแดนลบได้นั่น คือ PTT ปิดที่ระดับ 358 บาท ลดลง 22 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมีผลต่อตลาด -8.4780 จุด และ KBANK ปิดที่ระดับ 83 บาท ลดลง 3 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมีผลต่อตลาด -0.9806 จุด และ PTTEP ปิดที่ระดับ 150 บาท ลดลง 2 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลดลง มีผลต่อตลาด -0.9026 จุด
     ผู้สื่อข่าวรายงานปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่มวานนี้ นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 618.77 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 1,680.84 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไป ซื้อสุทธิ 1,062.06 ล้านบาท

***นลท.เกรง PTT ซ้ำรอย TPIPL หลังศาลฯ ตัดสินโดยคำนึงถึงตัวบทกฎหมายเป็นหลัก

     แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์รายหนึ่งกล่าวว่า สาเหตุที่ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลงแรง เนื่องจากนักลงทุนกังวลการตัดสินของศาลฯ ในวันที่ 14 ธ.ค.50 คดีแปรรูปฯ PTT หลังจากที่วานนี้ศาลฯ มีคำสั่งพิพากษาปรับ TPIPL และผู้บริหาร 6,900 ล้านบาท และจำคุกเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยนักลบงทุนมองว่าศาลฯ คำนึงถึงตัวบทกฎหมาย มากกว่าเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโดยรวม จึงส่งผลจิตวิทยาต่อการลงทุนในหุ้น PTT และหุ้นขนาดใหญ่ตัวอื่นๆ
     อย่างไรก็ดี มองว่าประเด็นดังกล่าวไม่กระทบพื้นฐานบริษัท และเชื่อว่าประเด็น PTT ไม่น่าจะมีน้ำหนักต่อการเพิกถอนออกจากตลท. แต่เรื่องนี้อาจจะกดดันต่อราคาหุ้นระยะสั้น อย่างไรก็ดี หาก PTT ต้องแยกธุรกิจท่อก๊าซออกไปโดยจัดตั้งบริษัทใหม่ อาจส่งผลให้มูลค่าหุ้นหายไปประมาณ 4 บาท/หุ้น

*** โบรกฯชี้ต่างชาติเสียงแตก หวั่น PTT ผิดเรื่องท่อก๊าซ ระบุหากต้องโอนกลับเป็นของรัฐ ราคาเหมาะสมรูดเหลือ 290 บ. กดดัน SET ลงมาที่ 742 จุด

      นายจักรกริช เจริญเมธาชัย Head of Private Equities บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี่ (ประเทศไทย) (MACQ) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น PTT ปรับตัวลงเกือบ 4% Themes ราย
วันคือนักลงทุนต่างชาติค่อนข้างเสียงแตก โดยเฉพาะ Themes เรื่องการโอนท่อก๊าซ หาก PTT ผิดจริง กิจการท่อก๊าซจะถูกโอนกลับไปเป็นของรัฐ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ NAV และ EPS ของ PTT ประมาณ 30% หรือ TP จะถูกปรับลดลงเหลือ 290 บาท หรือมี Downside อีกประมาณ 21% หรือ SET น่าจะปรับตัวลงมารอที่บริเวณ 742 จุด ยังต้องระวัง
     ทั้งนี้ตรวจสอบพบว่า นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิ จนถึงเวลา 15.15 น. ผ่าน บล.ต่างชาติ 7 แห่ง มูลค่า 1,712 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเมื่อความไม่แน่นอนเกิดขึ้น และคาดว่าจะดำเนินไปถึง ศุกร์หน้า ตลาดจึงน่าจะซึมลงเรื่อยๆ การขายจึงเป็นสิ่งที่ควรจะทำในหุ้นหลัก โดยเฉพาะ PTT, PTTEP และ TOP

***เซียนหุ้น ฟันธง บริษัทลูก ปตท.ไม่สะเทือน แม้ว่า PTT จะอยู่หรือไปหลังศาลพิจารณาคดี เหตุบริหารงานแยกกัน

      นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า จะส่งผลกระทบต่อหุ้นของ PTT เท่านั้น เนื่องจากเป็นบริษัทที่เกิดปัญหาโดยตรง ขณะที่บริษัทลูกในเครือ PTT นั้นมีการบริหารงานที่แยกออกจากกันอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าปตท.จะยังอยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทลูกอย่างแน่นอน ส่วนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลดลงในขณะนี้เป็นไปตามแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และภาวะดัชนีฯ ที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่การซื้อขายในช่วงเช้า
    แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ขอประเมินว่าผลการตัดสินในคดีแปรรูปจะออกมาเป็นแบบใด แต่เชื่อว่าหาก PTT ไม่มีความผิดตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ไว้ ราคาหุ้นของบริษัทก็จะมีโอกาสที่จะดีดกลับขึ้นมาได้ เพราะหากไม่ปัจจัยลบอย่างคดีแปรรูปมากดดัน ราคาหุ้น PTT พร้อมที่จะปรับเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนอยู่ทั้งผลการดำเนินงานที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่องและข่าวการขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ต่างๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท
     ทั้งนี้ ยังคงแนะนำให้นักลงทุนระยะยาวซื้อหุ้นกลุ่ม PTT เมื่อราคา DISCOUNT จากราคาพื้นฐาน 15-20% เนื่องจากได้ประเมินแล้วกลุ่มหุ้นดังกล่าวนี้มีพื้นฐานแแข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยประเมินราคาพื้นฐานปี 2550 PTT 395 บาท
     ส่วนบริษัทในเครือปตท.ได้แก่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) มีราคาพื้นฐานอยู่ที่ 125.50 บาท บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 163.00 บาท บมจ.ไทยออยล์ (TOP) 100 บาท บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) 29.79 บาท และบมจ.อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) (ATC) 87.87 บาท

***วงการ หวั่นหาก PTT แพ้คดี อาจกระทบ MCOT-AOT เหตุ พ.ร.บ.ฉบับเดียวกัน

      นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า โอกาสที่ บมจ.ปตท.(PTT) จะถูกเพิกถอนออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนเป็นไปได้ยากมาก เนื่องจากหลักการของศาลปกครองเป็นศาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก โดยใช้เรื่องของกฎหมายเป็นประเด็นรอง ดังนั้นหากเพิกถอน PTT ออกจากตลาดก็จะเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการดังกล่าวได้ เพราะจะเกิดผลกระทบต่อส่วนรวม เนื่องจากรัฐบาลจะต้องใช้เงินหลายแสนล้านบาทในการซื้อกิจการคืนจากปตท. ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดสูงถึง 1 ล้านล้านบาท หากรัฐบาลซื้อกิจการคืนครึ่งหนึ่งก็ใช้เงินถึง 5 แสนล้านบาท
      ส่วนในกรณีที่เพิกถอนออกไปบางส่วน เช่น แยกเฉพาะท่อก๊าซของปตท.ออกไปก็มีโอกาสเป็นไปได้ยากเช่นกัน ดังนั้นสุดท้ายอาจจะต้องมาพูดคุยกันว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะอะไร ใครเป็นคนผิด
      "หากปตท.ถูกเพิกถอนออกจากตลาดฯ จริง แน่นอนว่ากรณีที่คล้ายกันก็ต้องถูกหยิบยกขึ้นมาพูด เช่น MCOT กับ AOT แต่เชื่อว่าเป็นไปได้ยากมาก ศาลปกครองไม่น่าจะตัดสินแบบนั้น หรือหากจะขายท่อก๊าซออกไปก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์จะซื้อขายราคาถูกหรือราคาแพง" นายอดิพงษ์ กล่าว
     ดังนั้น ช่วงนี้จึงเห็นได้ว่าราคาหุ้น PTT ปรับตัวลดลง เพราะสืบเนื่องจากประเด็นดังกล่าว ประกอบกับแนวโน้มของราคาน้ำมันมีโอกาสปรับลดลงอีก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือ PTT ลงทุนในระยะยาวอาจจะมองว่าขายลดความเสี่ยงออกไปแล้วค่อยกลับเข้ามาซื้อใหม่ ถึงแม้ว่าอาจจะต้องซื้อแพงเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร เพราะหวังลงทุนในระยะยาวและมั่นใจว่าหุ้นดังกล่าวคุ้มค่ากับการลงทุน
     ทั้งนี้ บริษัทแนะนำซื้อในส่วนของพื้นฐาน แต่ในด้านกลยุทธ์แนะนำหลีกเลี่ยงชั่วคราว ควรจะรอจนกว่าข่าวดังกล่าวจะนิ่งค่อยกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
     ด้านนายอภิศักดิ์ ลิมป์ธำรงกุล นักวิเคราะห์ฝ่ายเทคนิค บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า คาดการณ์ได้ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร และเป็นเรื่องที่ต้องติดตาม แต่หากผลการตัดสินออกมาให้เพิกถอนปตท. ย่อมส่งผลกระทบต่อ AOT และ MCOT เพราะใช้ พ.ร.บ.ตัวเดียวกัน ดังนั้น บริษัทจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน PTT ไปก่อน รอจนกว่าข่าวจะมีความชัดเจน โดยมีแนวต้านที่ 370 บาท แนวรับที่ 320 บาท
    "ทั้งรายย่อย ต่างชาติ กองทุน ต่างก็ลดความเสี่ยงเพราะประเด็นที่ 1 หุ้น PTT ปรับขึ้นมาสูงถึง 2 เท่านับจากเดือนพ.ค.ที่ 210 บาท จึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนขายออกมาเพื่อลดความเสี่ยง ผสมโรงกับช่วงนี้มีข่าวผลการตัดสินคดีของปตท.ในวันที่ 14 ธ.ค. ไม่ว่าจะออกมาผิดหรือไม่ผิดนักลงทุนก็ขายเพื่อลดความเสี่ยงไปก่อน" นายอภิศักดิ์ กล่าว

นลท.หนาวหวั่น PTT ถูกถอดจาก ตลท.

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 03, 2007 10:53 pm
โดย boy2t
ถ้ารัฐบาลจะซื้อคืน นี่ น่าจะซื้อ คืนในราคา  100 200 300 หรือ 400 บาท ขึ้นไปเหรอครับ เพระ ipo 32 บาท หรือจะ ซื้อคืนหุ้นละ 32 บาท มีใครวิเคราะห์ ราคาหุ้นโดยประมาณไว้เปล่าครับ

นลท.หนาวหวั่น PTT ถูกถอดจาก ตลท.

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 04, 2007 12:22 am
โดย เด็กตัวเล็กๆ
สงสัยต้อง เตรียมเงินไว้รอซื้อของถูก เพราะกาลนี้ซะแล้ว