Thai VI

ข้อเสียของพลังงานแสงอาทิตย์ในทุกวันนี้คือราคาต่อวัตต์แพงมากจนกระทั่งหลายๆ ครั้งมีคนตั้งคำถามว่ามันคุ้มค่าจริงหรือ โดยนับแต่มีการประดิษฐ์เซลล์แสงอาทิตย์ขึ้นมาครั้งแรกเมื่อประมาณสามสิบปีมาแล้วนั้น เป็นการผลิตไฟฟ้าจากสารกึ่งตัวนำบนแผ่นเวเฟอร์ ที่ใช้พลังงานในการผลิตสูงมาก จนกระทั่งจุดคุ้มทุนด้านพลังงาน (ที่ใช้ในการผลิต) นั้นอยู่ที่สามปีจึงเริ่มคืนทุน ส่วนเซลล์แสงอาทิตย์ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวันนี้นั้นเป็นเซลล์แบบบางที่ฉาบอยู่บนแผ่นแก้ว โดยมีระยะเวลาการคืนพลังงานอยู่ที่ 1.7 ปีโดยประมาณ และค่าใช้จ่ายในการผลิตค่อนข้างสูงอีกทั้งการผลิตจำนวนมากยังทำได้ยาก

บริษัท Nanosolar เป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันที่ตั้งขึ้นในปี 2002 และได้พัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ที่ต้นทุนการผลิตถูกลงเนื่องจากการผลิตแบบการพิมพ์บนแผ่นฟอยล์ตัวนำที่ทำให้การผลิตใช้พลังงานต่ำ และมีต้นทุนที่ถูกลงมา โดยมีระยะเวลาการคืนพลังงานอยู่ที่ 1 เดือน และจะมีอายุการใช้งานของเซลล์ที่ประมาณ 25 ปี

โรงงานที่บริษัท Nanosolar กำลังจะเปิดตัวในปีหน้านี้จะมีกำลังผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ที่ 430 เมกกะวัตต์ต่อปี มากกว่าเซลล์แสงอาทิตย์ทั้งหมดที่เคยผลิตในสหรัฐฯ รวมกัน

ตอนนี้กำลังหาเสียง มีพรรคไหนเตรียมเปิดนโยบาย เมกกะโซลาร์เซลล์ กันมั่งรึยัง?

ที่มา -
http://www.celsias.com/2007/11/23/nanos ... than-coal/

ขอเสนอข่าวเกี่ยวกับ เกี๋ยวกับพลังงาน และ พลังงานทดแทนอื่นด้วยแล้วกันนะครับ

กูเกิลเปิดโครงการพลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อม

กูเกิลเกาะกระแสพลังงานทดแทนที่กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างสูงในช่วงหลัง ด้วยการเปิดตัวโครงการ RE<C หรือ Renewable energy is cheaper than coal. (พลังงานสะอาดถูกกว่าถ่านหิน) โครงการนี้เป็นการร่วมมือระหว่างกูเกิลเอง และบริษัทพันธมิตร ที่จะร่วมมือกันวิจัยและพัฒนาแหล่งพลังงานสะอาดที่มีกำลังผลิต 1 กิกะวัตต์และมีต้นทุนต่ำกว่าพลังงานถ่านหิน

การร่วมมือนี้ไม่ใช่ไม่ได้หยุดแค่การประกาศพันธมิตรกับบริษัทพลังงานเท่านั้น แต่ทางกูเกิลยังได้เปิดแผนกวิจัยขึ้นมาโดยตรง และกำลังรับสมัครพนักงานในตำแหน่งต่างๆ อยู่แล้วในตอนนี้

ก่อนหน้านี้กูเกิลเป็นบริษัทไอทีที่ให้ความสนใจในเรื่องของพลังงานมากเป็นพิเศษ โดยมีการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วบริเวณ Googleplex ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะพลังงานก็เป็นหนึ่งในต้นทุนหลักของทางกูเกิลอยู่แล้ว

จีนเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมแบบใหม่


หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อ Maglev ที่เป็นเทคโนโลยีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่อาศัยแม่เหล็กถาวรในการยกตัวรถให้ลอยอยู่ในอากาศและส่งกำลังขับเคลื่อน แต่ตอนนี้เทคโนโลยีใหม่ที่จะใช้ในทางกลับกันคือการใช้เทคโนโลยี Maglev นี้มาผลิตไฟฟ้าได้เปิดตัวในงาน Wind Power Asia 2008

บริษัท Maglev Wind Turbine จากรัฐอาริโซนาร์ สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ผลิตกังหันลมในเทคโนโลยีดังกล่าว ได้อ้างถึงข้อดีหลายประการในการใช้งานเทคโนโลยี Maglev เช่นการลดการใช้งานตลับลูกปืนในข้อหมุนต่างๆ ทำให้ลดการสูญเสียพลังงานไปได้มาก และการสร้างกังหันขนาดใหญ่ทำให้ประหยัดต้นทุนต่อวัตต์ไปได้

กังหันสามารถทำงานได้ที่ความเร็วลม 1.5 เมตรต่อวินาทีขึ้นไปถึงกว่า 40 เมตรต่อวินาที และมีอายุการใช้งานประมาณ 500 ปี!!! โดยกังหันขนาดยักษ์หนึ่งอันอาจจะสามารถผลิตพลังงานได้สูงถึง 1 กิกะวัตต์ซึ่งเพียงพอสำหรับบ้าน 750,000 หลังเลยทีเดียว

ทางการจีนได้ประกาศให้ความสนใจในโครงการนี้เรียบร้อยแล้ว โดยการก่อสร้างได้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการก่อสร้างกังหันนนี้จะเป็นกังหันกำลังผลิตประมาณ 400 ถึง 5,000 วัตต์ ส่วนค่าก่อนสร้างนั้นอยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท

ไบโอดีเซล มีส่วนช่วยลดปรากฏการณ์เรือนกระจก


รายงานการศึกษา เรื่อง ปรากฏการเรือนกระจกและมลภาวะทางอากาศของไบโอดีเซลในประเทศออสเตเลีย โดยสถาบัน CSIRO ประเทศออสเตรเลีย ได้ข้อสรุปที่ว่า การใช้ไบโอดีเซลมีส่วนช่วยลดมลภาวะในอากาศในส่วนของอุตสาหกรรมขนส่ง

จากรายงานฉบับนี้ พบว่าการใช้ไบโอดีเซลบริสุทธิ์ (คือไม่ผสมน้ำมันใดๆเลย) มีส่วนช่วยลดมลภาวะกว่า 87 เปอร์เซ็นต์ และหากใช้ไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม สามารถช่วยลดมลภาวะ 80 เปอร์เซ็นต์ และนอกจากมลภาวะที่ลดลง การใช้ไบโอดีเซล ยังมีส่วนช่วยลดฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งช่วยให้สุขภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นดีขึ้น

CSIRO มีคำย่อมาจาก Commonwealth Scientific and Industrial Research Organization เป็นหน่วยงานที่สำคัญด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีหน้าที่ศึกษาและให้คำแนะนำทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่มีผลกระทบต่อประเทศออสเตรเลีย

ปิดคอมพิวเตอร์เมื่อไม่ใช้ ประหยัดไฟได้ 7 พันล้าน


เรื่องง่ายๆ ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วแต่ทำกันได้ไม่ค่อยจะสำเร็จนัก กลุ่ม Climate Savers Computing Initiative ซึ่งประกอบด้วยบริษัทไอทีชั้นนำในอุตสาหกรรม (เช่น กูเกิล อินเทล ไมโครซอฟท์ ฯลฯ)จำนวนมาก ได้ออกมาผลักดันแคมเปญการลดมลพิษและประหยัดพลังงานจากคอมพิวเตอร์

CSCI ใช้ตัวเลขนักศึกษาของสหรัฐเป็นฐานคำนวณ แบบย่อๆ ก็คือถ้านักศึกษาสหรัฐทั้งหมด 18 ล้านคนปิดคอมพิวเตอร์ หรือเข้าโหมด Sleep/Hibernate เมื่อไม่ใช้งาน จะประหยัดพลังงานได้ปีละ 2,300 ล้านกิโลวัตต์ต่อปี คิดเป็นเงิน 206 ล้านเหรียญ หรือเงินไทยประมาณ 7 พันล้านบาท

นอกจากสถานศึกษาแล้วก็ยังมีตัวเลขสำหรับบริษัท ถ้าพนักงานของบริษัทขนาดใหญ่ 10,000 คนเปิดคอมค้างคืนทิ้งไว้ จะเปลืองพลังงานคิดเป็นมูลค่า 165,000 เหรียญสหรัฐ (เงินไทย 5.5 ล้าน) และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ 1,381 ตัน

ชอบ idea ของจีนอะครับ ^^ ใช้พลังงานธรรมชาติล้วนๆ

อ่านข่าวหลายๆประเทศบ่อยๆก็ชัก เหนื่อยใจกับ บ้านเมืองเรา  หลายประเทศกำลังวิ่ง แต่บ้านเรา กลับหยุดอยู่กับที่

บ้านเรา แดดแรงมากๆ เลยนะครับ
น่าจะเอามาเป็นแหล่งพลังงาน
รอเมื่องหนาวแดดไม่แรง เขาค้นคว้า คงไม่ทันกิน
เพราะ บ้านเขาไม่มีแดดเท่าไร มีก็ไม่แรง
เขาเลยไปเล่น ลม เล่น คลื่น ความร้อนใต้พิภพกันหมด

ตอนนี้ผม มีงานอดิเรก คือ ปลูกต้นชุมเห็ดเทศ
ซึ่งชอบแดดมากๆ เลยครับ
ใครต้องการ ใช้ประโยชน์ในทางยา
บอกมาเลยครับ

ผมเคยคิดว่า Solar Energy อย่างไรก็คงเป็นได้แค่พลังงานทดแทนส่วนน้อยนิด ข้อจำกัจมีมากเกินไปครับ

ช่วงเวลากลางวัน กลางคืน
ความเข้มแสง
สภาพดินฟ้าอากาศ
cell พลังงาน
cell เก็บประจุ
ต้นทุนการผลิต
Overlap time การใช้พลังงานของประชากร
etc.

ไม่น่าเชื่อว่า NanoSolar จะสร้างได้ถึง 430 Mw

อยากเห็นตอนเสร็จมากครับ

ว่าแต่เงินลงทุนครั้งนี้มากน้อยขนาดไหนเนี้ย พื้นที่รับแสงอีกยังไม่อยากคำนวณ ถ้าเป็นข่าวจริงก็ขอยินดีกับความสำเร็จขั้นต้นนี้ของมวลมนุษยชาติครับ

จะลองอ่านดู ชอบครับ Clean Energy

ผมว่า ฟังหูไว้หูครับ

ผมว่าเขา biased ในการคำนวนอย่างมาก  ในเรื่อง ต้นทุน ราคา  payback  ข้อจำกัดก็ไม่กล่าวถึง

ถ้าทำได้จริง   ป่านนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับโลกแล้ว  และเราคงจะได้เห็นได้ใช้ในอนาคตอันใกล้  ก็ต้องรอดูกันต่อไป.............แต่ผมเชื่อว่ายังอีกนานครับ