ปตท.ถกอิสราเอล เล็งวางท่อก๊าซทั่วกทม. ติดเอ็นจีวีมอเตอร์ไซค์
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 28, 2007 8:20 am
ปตท.ถกอิสราเอลเจ้าของโนฮาวเล็งวางท่อก๊าซทั่วกทม. ติดเอ็นจีวีมอเตอร์ไซค์
ปตท. กล้าคิด! ฝันติดตั้งถังก๊าซ(เอ็นจีวี)ในรถจักรยานยนต์ เผยเดือนหน้าหารือเจ้าของเท
คโนโลยี่ ซ้ำหาทางวางระบบท่อส่งก๊าซใน กทม. เลียนแบบญี่ปุ่น แย้มนำร่อง เส้นพญาไท สุขุมวิท
รองรับโรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท
ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยภายในงานANGVA 2007 ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการและแสดง
นิทรรศการเทคโนโลยีเอ็นจีวี แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่2 ว่า ปตท.มีแนวคิดที่จะติดตั้งถัง
ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี)ในรถจักรยานยนต์ โดยในเดือนธันวาคมนี้ ทางปตท.จะหารือ
กับบริษัท Enn tax จากประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีลดแรงดันในการอัดก๊าซเอ็น
จีวีจากเดิมที่ต้องใช้แรงดันสูงถึง 3 พันล้านปอนด์ต่อตารางกิโลเมตร เหลือเพียง 900 ปอนด์ต่อ
ตารางกิโลเมตร มาปรับใช้ในรถจักรยานยนต์ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพที่จะทำ เพราะ
ปัจจุบันไทยมีรถจักรยานยนต์อยู่ประมาณ 8 ล้านคัน ซึ่งเบื้องต้น ปตท.จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้า
มามีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย และคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในช่วงกลางปี2551
'เดิมอิสราเอลได้ส่งเสริมเทคโนโลยีนี้ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยจะติดตั้งถังเอ็นจีวี
จำนวน 2 ถัง ขนาดถังละ 5 กิโลกรัม ไว้บริเวณเบาะซ้อน ซึ่งแต่ละถังสามารถบรรจุก๊าซฯได้ 1
กิโลกรัม สามารถวิ่งได้ประมาณ 40- 50 กิโลเมตร แต่การที่ติดตั้งไว้ที่เบาะซ้อนจะทำให้ไม่
สามารถนั่งซ้อนได้ ดังนั้นไทยจึงนำมาดัดแปลงเหลือเพียง 1 ถัง แล้วติดตั้งไว้บริเวณข้างตัวรถ
แทน
'เรานำมาดัดแปลงให้เหมาะสมโดยการเปลี่ยนมาติดตั้งบริเวณข้างตัวรถจำนวน 1 ถัง
แทน ซึ่งดูแล้วไทยมีศักยภาพพอ ซึ่งติดแค่ 1 ถังก็สามารถวิ่งได้ 50 กิโลเมตร แล้วราคาเอ็นจีวีก็
ยังอยู่ที่ระดับ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งคิดแล้วในระยะมันคุ้มมาก'นายจิตรพงษ์ กล่าว
นายจิตรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมดูระบบการวางท่อก๊าซธรรมชาติภายในครัว
เรือนของญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นได้วางระบบท่อก๊าซฯ ภายในตัวเมือง CITY GAS เพื่อใช้ในตัวเมือง
ตั้งแต่ปี 2415 ด้วยการนำก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เข้ามาใช้จนเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่
ปัจจุบันมีโครงข่ายระบบท่อก๊าซธรรมชาติกว่า 228,000 กิโลเมตร และในช่วงน้ำมันแพง ปตท.
จึงพยายามหาช่องทางลดต้นทุนด้วยการส่งเสริมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติไปใช้ทำ
ความเย็นและทำน้ำร้อน ซึ่งเหมาะกับอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย
โรงแรมและภาคอุตสาหกรรม
นายจิตรพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากการใช้ก๊าซหุงต้มในเขตกรุงเทพฯ สูงถึง 1.06 ล้านตัน/
ปี น้ำมันเตา 1.48 ล้านตัน/ปี และดีเซล 5.9 ล้านตัน/ปี หากภาคธุรกิจต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพฯ ใช้
พลังงานผ่านโครงข่ายซิตี้ก๊าซ ปตท.จึงวางเป้าหมายลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติรองรับความต้อง
การใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบท่อก๊าซ LNG Terminal สถานีเอ็นจีวี ในระยะเวลา 5
ปี ( 2551-2555) ประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยนำร่องช่วงแรก 1-2 ปีข้างหน้าจะวางระบบ
ท่อส่งก๊าซธรรมชาติในเขตธุรกิจและชุมชน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางตามแนวทางรถไฟฟ้า
สุวรรณภูมิ-พญาไท เพราะเขตดังกล่าวจะเป็นที่ตั้งอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และระบบขนส่ง
สำหรับเส้นที่ 2 คือ เป็นการวางระบบท่อจากเส้นทางรังสิต-พญาไท เริ่มจากรังสิต ผ่านดอนเมือง
ถนนวิภาวดีรังสิต วิ่งตามแนวขนานรถไฟเข้าสู่พญาไท เพื่อบรรจบกับเส้นที่ 1 โดยเส้นทางกล่าว
จะรองรับโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ Energy complex และภาคอุตสาหกรรมใกล้เคียง
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากซิตี้ก๊าซ 2 เส้นทาง แบ่งเป็น 4 เขตเศรษฐกิจสำคัญ
คือ 1. เส้นทาง ถนนพญาไท- เพชรบุรี ตามแนวเขตปทุมวัน แยกราช โรงแรมปาร์คนายเลิศ ถนน
พระราม 3 เส้นที่ 2 คือ ถนนรัชดาภิเษก-อโศก - รางรถไฟ ถนนวิทยุ-รัชดาภิเษก เส้นที่ 3 คือ
ถนนวิภาวดี-ถนนรัชดาภิเษก เขตพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เส้นที่ 4 ถนนรัชดาภิเษก-สุขุมวิท
รามอินทรา อาจณรงค์-แอร์พอร์ตลิ้ง ถนนสุขุมวิท โดยมีระบบท่อก๊าซขนาด 2-12 นิ้วในลักษณะ
เครือข่าย
ด้านนายมารุต มฤคทัต (Mr.Maroot Mrigadat) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ. ได้เข้าร่วมทุนกับ
บริษัท เมอร์ฟี จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท ไฟน์เดอร์ จากออสเตรเลีย เพื่อเข้าสำรวจก๊าซ
ธรรมชาติแปลง AC/P36 ในพื้นที่ที่เรียกว่าบราวซ์ เบซิน (Browse Basin) นอกชายฝั่งทิศตะวัน
ตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง และมีการค้นพบ
แหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่หลายแหล่งในพื้นที่นี้มาก่อน
นายมารุตกล่าวว่า แปลงสำรวจ AC/P36 มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางกิโลเมตร เป็น
แปลงที่เคยมีการเจาะสำรวจพบก๊าซธรรมชาติมาก่อนหน้านี้แล้ว การเข้าร่วมทุนในครั้งนี้ ปตท.
สผ.จะได้ร่วมงานและแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีกับบริษัทน้ำมันนานาชาติซึ่งมี
ประสบการณ์สูง จึงเป็นโอกาสที่ดี
สำหรับสัดส่วนในการลงทุน ปตท.สผ. จะร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 บริษัท เมอร์ฟี
เมอร์ฟี ออสเตรเลีย ออยล์ พีทีวาย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เมอร์ฟี ออยล์ คอร์เปอร์เรชั่น
(ผู้ดำเนินการ) ร้อยละ 40 และบริษัท บริษัท ไฟน์เดอร์ เอ็กซพลอเรชั่น จำกัด ร้อยละ 40 การเข้า
ร่วมทุนดังกล่าวจะมีผลบังคับเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐบาลออสเตรเลีย ส่วนแผนการพัฒนาแปลง
AC/P36 กลุ่มผู้ร่วมทุนมีแผนงานที่จะดำเนินการประมวลผลข้อมูล และเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม
ประมาณปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552
ประเทศออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจ
ของบริษัทน้ำมันนานาชาติ เนื่องจากมีศักยภาพปิโตรเลียมที่ดี ปัจจุบันประเทศออสเตรเลีย
สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณ 4,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งออกเป็นก๊าซ
ธรรมชาติเหลว (LNG) ประมาณ 15 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติ
เหลวอีกหลายโครงการในอนาคต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า
ปตท. กล้าคิด! ฝันติดตั้งถังก๊าซ(เอ็นจีวี)ในรถจักรยานยนต์ เผยเดือนหน้าหารือเจ้าของเท
คโนโลยี่ ซ้ำหาทางวางระบบท่อส่งก๊าซใน กทม. เลียนแบบญี่ปุ่น แย้มนำร่อง เส้นพญาไท สุขุมวิท
รองรับโรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า
นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท
ปตท.จำกัด(มหาชน) เปิดเผยภายในงานANGVA 2007 ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการและแสดง
นิทรรศการเทคโนโลยีเอ็นจีวี แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครั้งที่2 ว่า ปตท.มีแนวคิดที่จะติดตั้งถัง
ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์(เอ็นจีวี)ในรถจักรยานยนต์ โดยในเดือนธันวาคมนี้ ทางปตท.จะหารือ
กับบริษัท Enn tax จากประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีลดแรงดันในการอัดก๊าซเอ็น
จีวีจากเดิมที่ต้องใช้แรงดันสูงถึง 3 พันล้านปอนด์ต่อตารางกิโลเมตร เหลือเพียง 900 ปอนด์ต่อ
ตารางกิโลเมตร มาปรับใช้ในรถจักรยานยนต์ เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพที่จะทำ เพราะ
ปัจจุบันไทยมีรถจักรยานยนต์อยู่ประมาณ 8 ล้านคัน ซึ่งเบื้องต้น ปตท.จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้า
มามีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย และคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ได้ในช่วงกลางปี2551
'เดิมอิสราเอลได้ส่งเสริมเทคโนโลยีนี้ในประเทศฟิลิปปินส์ โดยจะติดตั้งถังเอ็นจีวี
จำนวน 2 ถัง ขนาดถังละ 5 กิโลกรัม ไว้บริเวณเบาะซ้อน ซึ่งแต่ละถังสามารถบรรจุก๊าซฯได้ 1
กิโลกรัม สามารถวิ่งได้ประมาณ 40- 50 กิโลเมตร แต่การที่ติดตั้งไว้ที่เบาะซ้อนจะทำให้ไม่
สามารถนั่งซ้อนได้ ดังนั้นไทยจึงนำมาดัดแปลงเหลือเพียง 1 ถัง แล้วติดตั้งไว้บริเวณข้างตัวรถ
แทน
'เรานำมาดัดแปลงให้เหมาะสมโดยการเปลี่ยนมาติดตั้งบริเวณข้างตัวรถจำนวน 1 ถัง
แทน ซึ่งดูแล้วไทยมีศักยภาพพอ ซึ่งติดแค่ 1 ถังก็สามารถวิ่งได้ 50 กิโลเมตร แล้วราคาเอ็นจีวีก็
ยังอยู่ที่ระดับ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งคิดแล้วในระยะมันคุ้มมาก'นายจิตรพงษ์ กล่าว
นายจิตรพงษ์ ยังได้กล่าวถึงการตรวจเยี่ยมดูระบบการวางท่อก๊าซธรรมชาติภายในครัว
เรือนของญี่ปุ่นว่า ญี่ปุ่นได้วางระบบท่อก๊าซฯ ภายในตัวเมือง CITY GAS เพื่อใช้ในตัวเมือง
ตั้งแต่ปี 2415 ด้วยการนำก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เข้ามาใช้จนเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่
ปัจจุบันมีโครงข่ายระบบท่อก๊าซธรรมชาติกว่า 228,000 กิโลเมตร และในช่วงน้ำมันแพง ปตท.
จึงพยายามหาช่องทางลดต้นทุนด้วยการส่งเสริมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติไปใช้ทำ
ความเย็นและทำน้ำร้อน ซึ่งเหมาะกับอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย
โรงแรมและภาคอุตสาหกรรม
นายจิตรพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากการใช้ก๊าซหุงต้มในเขตกรุงเทพฯ สูงถึง 1.06 ล้านตัน/
ปี น้ำมันเตา 1.48 ล้านตัน/ปี และดีเซล 5.9 ล้านตัน/ปี หากภาคธุรกิจต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพฯ ใช้
พลังงานผ่านโครงข่ายซิตี้ก๊าซ ปตท.จึงวางเป้าหมายลงทุนธุรกิจก๊าซธรรมชาติรองรับความต้อง
การใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งโครงข่ายระบบท่อก๊าซ LNG Terminal สถานีเอ็นจีวี ในระยะเวลา 5
ปี ( 2551-2555) ประมาณ 200,000 ล้านบาท โดยนำร่องช่วงแรก 1-2 ปีข้างหน้าจะวางระบบ
ท่อส่งก๊าซธรรมชาติในเขตธุรกิจและชุมชน 2 เส้นทาง คือ เส้นทางตามแนวทางรถไฟฟ้า
สุวรรณภูมิ-พญาไท เพราะเขตดังกล่าวจะเป็นที่ตั้งอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ และระบบขนส่ง
สำหรับเส้นที่ 2 คือ เป็นการวางระบบท่อจากเส้นทางรังสิต-พญาไท เริ่มจากรังสิต ผ่านดอนเมือง
ถนนวิภาวดีรังสิต วิ่งตามแนวขนานรถไฟเข้าสู่พญาไท เพื่อบรรจบกับเส้นที่ 1 โดยเส้นทางกล่าว
จะรองรับโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ Energy complex และภาคอุตสาหกรรมใกล้เคียง
สำหรับพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากซิตี้ก๊าซ 2 เส้นทาง แบ่งเป็น 4 เขตเศรษฐกิจสำคัญ
คือ 1. เส้นทาง ถนนพญาไท- เพชรบุรี ตามแนวเขตปทุมวัน แยกราช โรงแรมปาร์คนายเลิศ ถนน
พระราม 3 เส้นที่ 2 คือ ถนนรัชดาภิเษก-อโศก - รางรถไฟ ถนนวิทยุ-รัชดาภิเษก เส้นที่ 3 คือ
ถนนวิภาวดี-ถนนรัชดาภิเษก เขตพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เส้นที่ 4 ถนนรัชดาภิเษก-สุขุมวิท
รามอินทรา อาจณรงค์-แอร์พอร์ตลิ้ง ถนนสุขุมวิท โดยมีระบบท่อก๊าซขนาด 2-12 นิ้วในลักษณะ
เครือข่าย
ด้านนายมารุต มฤคทัต (Mr.Maroot Mrigadat) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.
สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า ปตท.สผ. ได้เข้าร่วมทุนกับ
บริษัท เมอร์ฟี จากสหรัฐอเมริกา และบริษัท ไฟน์เดอร์ จากออสเตรเลีย เพื่อเข้าสำรวจก๊าซ
ธรรมชาติแปลง AC/P36 ในพื้นที่ที่เรียกว่าบราวซ์ เบซิน (Browse Basin) นอกชายฝั่งทิศตะวัน
ตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง และมีการค้นพบ
แหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่หลายแหล่งในพื้นที่นี้มาก่อน
นายมารุตกล่าวว่า แปลงสำรวจ AC/P36 มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ตารางกิโลเมตร เป็น
แปลงที่เคยมีการเจาะสำรวจพบก๊าซธรรมชาติมาก่อนหน้านี้แล้ว การเข้าร่วมทุนในครั้งนี้ ปตท.
สผ.จะได้ร่วมงานและแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีกับบริษัทน้ำมันนานาชาติซึ่งมี
ประสบการณ์สูง จึงเป็นโอกาสที่ดี
สำหรับสัดส่วนในการลงทุน ปตท.สผ. จะร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 20 บริษัท เมอร์ฟี
เมอร์ฟี ออสเตรเลีย ออยล์ พีทีวาย ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เมอร์ฟี ออยล์ คอร์เปอร์เรชั่น
(ผู้ดำเนินการ) ร้อยละ 40 และบริษัท บริษัท ไฟน์เดอร์ เอ็กซพลอเรชั่น จำกัด ร้อยละ 40 การเข้า
ร่วมทุนดังกล่าวจะมีผลบังคับเมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐบาลออสเตรเลีย ส่วนแผนการพัฒนาแปลง
AC/P36 กลุ่มผู้ร่วมทุนมีแผนงานที่จะดำเนินการประมวลผลข้อมูล และเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม
ประมาณปลายปี 2551 หรือต้นปี 2552
ประเทศออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเป็นที่สนใจ
ของบริษัทน้ำมันนานาชาติ เนื่องจากมีศักยภาพปิโตรเลียมที่ดี ปัจจุบันประเทศออสเตรเลีย
สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณ 4,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งส่งออกเป็นก๊าซ
ธรรมชาติเหลว (LNG) ประมาณ 15 ล้านตันต่อปี นอกจากนี้ ยังมีโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติ
เหลวอีกหลายโครงการในอนาคต
ที่มา : หนังสือพิมพ์ แนวหน้า