บททดสอบ VI --- ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 10, 2004 5:08 pm
อิอิ... บทความวันนี้ ดีจริงๆ ครับเป็นการตอบคำตอบที่หลายคนสงสัย
เอามาไว้หน้านี้ เผื่อคนที่ bookmark webboard ไว้ แล้วไม่ได้อ่าน
อิอิ.... แบบนี้สิครับ เรียกว่า ตกผลึกจริงๆ
อิอิ.....อิอิ....
บททดสอบ VI
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
--------------------------------------------------------------------------------
นักลงทุนหลายคนในตลาดหลักทรัพย์ชอบพูดว่าตนเองไม่ใช่ Value Investor แต่ทุกครั้งที่จะซื้อหุ้นเขาจะวิเคราะห์เจาะลึกดูว่ากิจการทำธุรกิจอะไร กำไรดีไหม ราคาหุ้นสูงหรือต่ำ เหตุผลในการซื้อหุ้นคืออะไร ที่สำคัญหุ้นที่ซื้อส่วนมากมีราคาค่อนข้างต่ำวัดโดยค่า PE และ PB ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมหรือค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ค่า DP หรือปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเองก็สูงกว่าปกติ ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็คือ Value Investor คนหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม คนที่บอกว่าอยากเป็น Value Investor แต่เวลาซื้อหุ้นกลับไม่รู้ว่าหุ้นมีค่า PE และ PB เท่าไร และราคาที่ซื้อนั้นถูกหรือแพงแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าเป็นหุ้นที่กำลังวิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง คนกำลังกล่าวขวัญถึง โบรกเกอร์กำลังแนะนำ และเขาเองก็ คิดว่า หุ้นที่ซื้อเป็นของบริษัทที่ดี ถ้าเป็นแบบนี้อย่าเพิ่งเรียกว่าเขาเป็น Value Investor
การกระทำ หรือ พฤติกรรมส่วนใหญ่เท่านั้นที่จะเป็นสิ่งแบ่งแยกว่าใครเป็น Value Investor หรือใครไม่ใช่ คำว่าส่วนใหญ่นั้นผมคิดว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 70% - 80% ของการซื้อขายหุ้นจะต้องอิงอยู่กับหลักการของ Value Investment ถึงจะบอกได้ว่าเขาเป็น Value Investor แต่ถ้าการซื้อขายส่วนมากไม่สอดคล้องกับหัวใจของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ Value Investor
พฤติกรรมที่ขัดแย้งกับการลงทุนแบบ Value Investment อย่างเด่นชัดที่ผมอยากชี้ให้เห็นมีหลายเรื่อง และคนที่ทำอย่างนั้นมาก ๆ และทำเป็นนิจสินก็คงไม่ใช่ Value Investor เริ่มตั้งแต่การซื้อขายหุ้นแบบ Net Settlement หรือการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้หุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกัน เพราะการทำแบบนี้เป็นเรื่องของการเก็งกำไรล้วน ๆ จากการขึ้นลงของราคาหุ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นฐานของกิจการน้อยมาก
ถ้าการลงทุนแบบ Value Investment เป็นลัทธิศาสนาหนึ่ง การเล่นแบบ Net Settlement ก็น่าจะถือได้ว่าเป็นการทำผิดศีลข้อที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบาปขั้นรุนแรงที่ไม่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
การลงทุนในหุ้นที่ร้อนแรงเนื่องจากการ ปั่น หรือการเก็งกำไรอย่าง ไร้เหตุผล เช่นการซื้อหุ้นของบริษัทที่มีค่า PE สูงเป็น 70 80 เท่า ค่า PB เป็น 10 เท่า และมูลค่าของกิจการสูงเป็นหมื่นล้านบาทโดยที่บริษัทมิได้มีสถานะที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งขันหรือมีอำนาจผูกขาดในธุรกิจที่กำลังเติบโตเร็วมาก แบบนี้ก็ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่แย้งกับ Value Investment และก็น่าจะถือเป็นบาปที่หนักหนาอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าได้ยินข่าวลือว่าจะมีการแตกพาร์หรือมีการแจกวอแรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว คุณเข้าไปซื้อหุ้นโดยไม่ได้ดูคุณภาพหรือราคาหุ้นเลย พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่การลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่เป็นพฤติกรรมการเก็งกำไรล้วน ๆ เพราะการแตกพาร์กับการแจกวอแรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิมนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ตัวธุรกิจ แต่เรื่องนี้ก็คงเป็น บาป ที่ไม่รุนแรงนัก
พฤติกรรมการซื้อขายหุ้นเป็นประจำเช่น ซื้อขายเกือบทุกวันหรือเกือบทุกสัปดาห์ แม้ว่าหุ้นที่ซื้อขายจะเน้นไปที่หุ้น Value ก็เป็นพฤติกรรม นอกรีต เพราะการซื้อแล้วขายภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น ผลกำไร-ขาดทุนจะมาจากความผันผวนของราคาหุ้นมากกว่าที่จะมาจากพื้นฐานของกิจการซึ่งเป็นหลักในการลงทุนของ Value Investment แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ การซื้อ ๆ ขาย ๆ มากขนาดนั้นจะทำให้ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นมากเสียจนผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนไม่เพียงพอที่จะมาชดเชยได้ ดังนั้นคนที่ทำเป็นประจำในที่สุดก็จะขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นักลงทุนที่ไม่กล้าซื้อหุ้นที่มีราคาสูงเป็น 100 บาทขึ้นไป แต่ชอบซื้อหุ้นราคา 2 3 บาทเพราะคิดว่าเป็นหุ้นที่มีราคาถูกและราคาจะไม่ตกลงมามากนั้นคงจะเป็น Value Investor ได้ยาก เพราะแสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจความหมายของความถูกความแพงของหุ้นซึ่งต้องวัดด้วยค่า PE ค่า PB และอื่น ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นที่ซื้อขายกัน การไม่รู้ว่าอะไรคือความถูกหรือแพงนั้นถือว่าเป็นเรื่องของความไม่รู้ที่ร้ายแรงมาก เพราะในหลักการของ Value Investment นั้น หุ้นอะไรก็ไม่น่าซื้อ ถ้าราคาไม่จูงใจ ดังนั้นคนที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องความถูกความแพงของหุ้น คงไม่สามารถเป็น Value Investor ได้
นักลงทุนหลายคนมองหาหุ้นถูกที่มีค่า PE ต่ำ PB ต่ำ เป็นกิจการที่ดูแล้วดีพอใช้ มีการจ่ายปันผลดี เขาก็ซื้อหุ้น และคิดว่าเขาทำตามหลักการของ Value Investment แต่ซื้อแล้วหุ้นก็ไม่ไปไหนเป็นเวลานาน บางตัวกลับขาดทุนทั้ง ๆ ที่ตลาดหุ้นก็กำลังปรับตัวขึ้น เขาค้นหาเหตุผลก็พบว่ากำไรของบริษัทลดลง รายได้ก็ไม่ประทับใจ แบบนี้จะเรียกว่าเขาเป็น Value Investor ไหม?
ความเห็นผมก็คือ เขาน่าจะเป็น Value Investor ได้ ปัญหาของเขาก็คือเขาอาจจะศึกษาและเข้าใจธุรกิจที่ลงทุนไม่ลึกซึ้งพอ ประสบการณ์ของเขาอาจจะน้อยเกินไป เขาอาจจะวิเคราะห์ผิด แต่สิ่งสำคัญก็คือเขามีความคิด จิตใจ และวิธีการลงทุนที่ยึดแนว Value Investment การขาดทุนหรือกำไรเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดไม่ใช่สาระสำคัญ
บททดสอบของการเป็น Value Investor นั้นไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนแต่เป็นเรื่องที่อยู่ในใจซึ่งสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมในการลงทุนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็น Value Investment แม้ว่า Value Investor ส่วนใหญ่ก็ยังเล่นเก็งกำไรอยู่ บ่อยครั้งก็ หลับหู หลับตา ซื้อขายหุ้น เรื่องของการ ผิดศีล หรือ ทำบาป นั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นพฤติกรรมหลักที่เกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญก็คือ เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
เอามาไว้หน้านี้ เผื่อคนที่ bookmark webboard ไว้ แล้วไม่ได้อ่าน
อิอิ.... แบบนี้สิครับ เรียกว่า ตกผลึกจริงๆ
อิอิ.....อิอิ....
บททดสอบ VI
โลกในมุมมองของ Value Investor
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
--------------------------------------------------------------------------------
นักลงทุนหลายคนในตลาดหลักทรัพย์ชอบพูดว่าตนเองไม่ใช่ Value Investor แต่ทุกครั้งที่จะซื้อหุ้นเขาจะวิเคราะห์เจาะลึกดูว่ากิจการทำธุรกิจอะไร กำไรดีไหม ราคาหุ้นสูงหรือต่ำ เหตุผลในการซื้อหุ้นคืออะไร ที่สำคัญหุ้นที่ซื้อส่วนมากมีราคาค่อนข้างต่ำวัดโดยค่า PE และ PB ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมหรือค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ ในขณะที่ค่า DP หรือปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นเองก็สูงกว่าปกติ ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็คือ Value Investor คนหนึ่ง
ในทางตรงกันข้าม คนที่บอกว่าอยากเป็น Value Investor แต่เวลาซื้อหุ้นกลับไม่รู้ว่าหุ้นมีค่า PE และ PB เท่าไร และราคาที่ซื้อนั้นถูกหรือแพงแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าเป็นหุ้นที่กำลังวิ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง คนกำลังกล่าวขวัญถึง โบรกเกอร์กำลังแนะนำ และเขาเองก็ คิดว่า หุ้นที่ซื้อเป็นของบริษัทที่ดี ถ้าเป็นแบบนี้อย่าเพิ่งเรียกว่าเขาเป็น Value Investor
การกระทำ หรือ พฤติกรรมส่วนใหญ่เท่านั้นที่จะเป็นสิ่งแบ่งแยกว่าใครเป็น Value Investor หรือใครไม่ใช่ คำว่าส่วนใหญ่นั้นผมคิดว่าน่าจะไม่น้อยกว่า 70% - 80% ของการซื้อขายหุ้นจะต้องอิงอยู่กับหลักการของ Value Investment ถึงจะบอกได้ว่าเขาเป็น Value Investor แต่ถ้าการซื้อขายส่วนมากไม่สอดคล้องกับหัวใจของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ใช่ Value Investor
พฤติกรรมที่ขัดแย้งกับการลงทุนแบบ Value Investment อย่างเด่นชัดที่ผมอยากชี้ให้เห็นมีหลายเรื่อง และคนที่ทำอย่างนั้นมาก ๆ และทำเป็นนิจสินก็คงไม่ใช่ Value Investor เริ่มตั้งแต่การซื้อขายหุ้นแบบ Net Settlement หรือการซื้อขายแบบหักกลบลบหนี้หุ้นตัวเดียวกันในวันเดียวกัน เพราะการทำแบบนี้เป็นเรื่องของการเก็งกำไรล้วน ๆ จากการขึ้นลงของราคาหุ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับพื้นฐานของกิจการน้อยมาก
ถ้าการลงทุนแบบ Value Investment เป็นลัทธิศาสนาหนึ่ง การเล่นแบบ Net Settlement ก็น่าจะถือได้ว่าเป็นการทำผิดศีลข้อที่หนึ่ง ซึ่งเป็นบาปขั้นรุนแรงที่ไม่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง
การลงทุนในหุ้นที่ร้อนแรงเนื่องจากการ ปั่น หรือการเก็งกำไรอย่าง ไร้เหตุผล เช่นการซื้อหุ้นของบริษัทที่มีค่า PE สูงเป็น 70 80 เท่า ค่า PB เป็น 10 เท่า และมูลค่าของกิจการสูงเป็นหมื่นล้านบาทโดยที่บริษัทมิได้มีสถานะที่โดดเด่นเหนือคู่แข่งขันหรือมีอำนาจผูกขาดในธุรกิจที่กำลังเติบโตเร็วมาก แบบนี้ก็ถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่แย้งกับ Value Investment และก็น่าจะถือเป็นบาปที่หนักหนาอีกอย่างหนึ่ง
ถ้าได้ยินข่าวลือว่าจะมีการแตกพาร์หรือมีการแจกวอแรนต์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว คุณเข้าไปซื้อหุ้นโดยไม่ได้ดูคุณภาพหรือราคาหุ้นเลย พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่การลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่เป็นพฤติกรรมการเก็งกำไรล้วน ๆ เพราะการแตกพาร์กับการแจกวอแรนต์ให้ผู้ถือหุ้นเดิมนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ตัวธุรกิจ แต่เรื่องนี้ก็คงเป็น บาป ที่ไม่รุนแรงนัก
พฤติกรรมการซื้อขายหุ้นเป็นประจำเช่น ซื้อขายเกือบทุกวันหรือเกือบทุกสัปดาห์ แม้ว่าหุ้นที่ซื้อขายจะเน้นไปที่หุ้น Value ก็เป็นพฤติกรรม นอกรีต เพราะการซื้อแล้วขายภายในระยะเวลาอันสั้นนั้น ผลกำไร-ขาดทุนจะมาจากความผันผวนของราคาหุ้นมากกว่าที่จะมาจากพื้นฐานของกิจการซึ่งเป็นหลักในการลงทุนของ Value Investment แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ การซื้อ ๆ ขาย ๆ มากขนาดนั้นจะทำให้ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นมากเสียจนผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนไม่เพียงพอที่จะมาชดเชยได้ ดังนั้นคนที่ทำเป็นประจำในที่สุดก็จะขาดทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นักลงทุนที่ไม่กล้าซื้อหุ้นที่มีราคาสูงเป็น 100 บาทขึ้นไป แต่ชอบซื้อหุ้นราคา 2 3 บาทเพราะคิดว่าเป็นหุ้นที่มีราคาถูกและราคาจะไม่ตกลงมามากนั้นคงจะเป็น Value Investor ได้ยาก เพราะแสดงให้เห็นว่ายังไม่เข้าใจความหมายของความถูกความแพงของหุ้นซึ่งต้องวัดด้วยค่า PE ค่า PB และอื่น ๆ ไม่ใช่ราคาหุ้นที่ซื้อขายกัน การไม่รู้ว่าอะไรคือความถูกหรือแพงนั้นถือว่าเป็นเรื่องของความไม่รู้ที่ร้ายแรงมาก เพราะในหลักการของ Value Investment นั้น หุ้นอะไรก็ไม่น่าซื้อ ถ้าราคาไม่จูงใจ ดังนั้นคนที่ยังไม่เข้าใจในเรื่องความถูกความแพงของหุ้น คงไม่สามารถเป็น Value Investor ได้
นักลงทุนหลายคนมองหาหุ้นถูกที่มีค่า PE ต่ำ PB ต่ำ เป็นกิจการที่ดูแล้วดีพอใช้ มีการจ่ายปันผลดี เขาก็ซื้อหุ้น และคิดว่าเขาทำตามหลักการของ Value Investment แต่ซื้อแล้วหุ้นก็ไม่ไปไหนเป็นเวลานาน บางตัวกลับขาดทุนทั้ง ๆ ที่ตลาดหุ้นก็กำลังปรับตัวขึ้น เขาค้นหาเหตุผลก็พบว่ากำไรของบริษัทลดลง รายได้ก็ไม่ประทับใจ แบบนี้จะเรียกว่าเขาเป็น Value Investor ไหม?
ความเห็นผมก็คือ เขาน่าจะเป็น Value Investor ได้ ปัญหาของเขาก็คือเขาอาจจะศึกษาและเข้าใจธุรกิจที่ลงทุนไม่ลึกซึ้งพอ ประสบการณ์ของเขาอาจจะน้อยเกินไป เขาอาจจะวิเคราะห์ผิด แต่สิ่งสำคัญก็คือเขามีความคิด จิตใจ และวิธีการลงทุนที่ยึดแนว Value Investment การขาดทุนหรือกำไรเหนือกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดไม่ใช่สาระสำคัญ
บททดสอบของการเป็น Value Investor นั้นไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนแต่เป็นเรื่องที่อยู่ในใจซึ่งสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมในการลงทุนซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็น Value Investment แม้ว่า Value Investor ส่วนใหญ่ก็ยังเล่นเก็งกำไรอยู่ บ่อยครั้งก็ หลับหู หลับตา ซื้อขายหุ้น เรื่องของการ ผิดศีล หรือ ทำบาป นั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นพฤติกรรมหลักที่เกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญก็คือ เขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่