4 บจ.ในตลาด mai โชว์ผลงาน 9 เดือนเยี่ยม
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 17, 2007 8:47 am
4 บจ.ในตลาด mai โชว์ผลงาน 9 เดือนเยี่ยม
FOCUS-CIG-LVT-STAR กำไรพุ่งเกิน 200%
สำรวจผลการดำเนินงานของ บจ.ในตลาด mai สำหรับ 9 เดือน ทั้งหมด 42 บริษัทพบ 4 แห่งทำกำไรสุดหรู FOCUS พุ่ง 1,275.32%, CIG พุ่ง 289.40%,LVT กำไรพุ่ง 237.78% และ STAR กำไรพุ่ง 218.75% ส่วน 3 แห่งพลิกเป็นขาดทุนจากที่เคยทำผลงานได้ดี S2Y หดตัวลง -374.92%,PR124 หดตัวลง -351.19% และ ACAP หดตัวลง -331.32% จากการรวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ทั้งหมด 42 แห่ง เกี่ยวกับผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 2550 ปรากฎว่ามี บจ.ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 21 แห่ง และปรับตัวลดลง 21 แห่ง และที่พลิกเป็นขาดทุนสุทธิมี 11 แห่ง
สำหรับบจ.ที่ทำกำไรเพิ่มขึ้นมากที่สุด 4 อันดับ และปรับตัวเกิน 200% คือ FOCUS,CIG,LVT และ STAR สำหรับ FOCUS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1275.32% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 10.59 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 0.77 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนงวดเฉพาะไตรมาส 3/50 กลับพลิกเป็นขาดทุน 7.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 6.74 ล้านบาท สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับรู้รายได้ของโครงการที่มี มูลค่าสูงไปก่อนหน้า ส่วนโครงการใหม่ที่บริษัทได้รับจะเริ่มทยอยการรับรู้รายได้ตามแผนการ ก่อสร้าง ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาจำนวน 87.84 ล้านบาท ลดลง 154.42 ล้านบาท หรือลดลงในอัตราร้อยละ 63.74 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 242.26 ล้านบาท ในส่วนของกำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 5.38 ล้านบาท ลดลงจำนวน 6.89 ล้านบาทหรือลดลงอัตราร้อยละ 56.15 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ12.27 ล้านบาท และในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 3.70 ล้านบาท จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
CIG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 289.40% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 86.72 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 22.27 ล้านบาท บริษัทฯ ชี้แจงว่ามีรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 เป็นจำนวนเงิน 272.793 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 2.540 ล้านบาท หรือ 0.94 % โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการตั้งราคาขาย นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงการบริหารการจัดการให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง
LVT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 237.78% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 61.52 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 44.65 ล้านบาท บริษัทฯชี้แจงว่าในไตรมาสที่ 3/2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรขั้นต้น 53.06 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อนจำนวน 27.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 110.31 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสัญญาการให้บริการของโครงการปรับปรุงขบวนการผลิต (Plant Upgrade) ของโรงงานผลิตซีเมนต์ได้แก่โครงการ NSCI ในประเทศมาเลเซีย และ Cementos Yura ในประเทศเปรู อีกทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยโดยวิธีส่วนได้เสียในงบการเงินรวมจำนวน 4.88 ล้านบาท ประกอบด้วยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท แอลเอ็นวี เทคโนโลยี ไพรเวท จำกัด 5.04 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท บีแอลวีที จำกัด 0.22 ล้านบาท และส่วนขาดทุนจากบริษัท แอลวีเทียนจินจำกัด 0.38 ล้านบาท
สุดท้ายคือ STAR กำไรพุ่ง 218.75% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.80 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทฯ มียอดขาย 58.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68 ล้านบาท(22.33%) โดยมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 6.29 ล้านบาท (61.23%) ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.39 ล้านบาท (11.67%) ทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 42.78% เป็น 46.70% ค่าใช้จ่าย ขายและบริหารเพิ่มขึ้น 0.94 ล้านบาท (6.03%) จากการส่งเสริมการขาย ดอกเบี้ยจ่ายลดลง0.71 ล้านบาท จากยอดเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.91 ล้านบาทและเนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าทำให้ยอดขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่สภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากผลดังกล่าวทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับบริษัทที่ผลประกอบการปรับตัวลดลงมากที่สุดอันดับแรกคือ S2Y หดตัวลง -374.92% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -62.88 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุน-13.24 ล้านบาท บริษัทชี้แจงสาเหตุของขาดทุนสุทธิจำนวน 18.421 ล้านบาท สําหรับ ไตรมาส 3 ปี 2550 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ จํานวน 8.369 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 เนื่องจากสาเหตุจากไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 6.622 ล้านบาทเมื่อเทียบกับรายได้จากการดำเนินงานของไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งมีรายได้รวม 15.292 ล้านบาท ลดลง8.670 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.70 สาเหตุเนื่องจากการชะลอกิจกรรมทางการตลาด ในระหว่างที่ผู้บริหารทำการประเมินความมีประสิทธิภาพของช่องทางทางการตลาดที่มีอยู่ รวมทั้งในการหาแหล่งรายได้ใหม่ อีกทั้งยังเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจดาวน์โหลดและในไตรมาส 3 ปี 2550 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีจำนวน 24.675 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 3 ปี 2549 มีจำนวน 6.766 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายมีสาเหตุเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง รวมทั้งการเพิ่มจำนวนของทรัพยากรบุคคลและการปรับปรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ถัดมาคือ PR124 หดตัวลง -351.19% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -48.48 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.30 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาสที่สามของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 18.46 ล้านบาท ลดลง 45.44 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 71.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม 63.9 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้โครงการภาครัฐบาลหลายโครงการเลื่อนการดำเนินงานออกไป และผลกระทบจากความกังวลในสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของภาคเอกชน ทั้งนี้มีต้นทุนการให้บริการเท่ากับ 10.66 ล้านบาท ลดลง 27.56 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 72.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมีต้นทุนการให้บริการเท่ากับ38.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงตามสัดส่วนของการลดลงของรายได้
ในไตรมาสที่สามของปี 2550 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 54.53 ล้านบาท เพิ่มขั้น 41.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมี ค่าใช้จ่ายเท่ากับ 12.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเต็มจานวนของมูลหนี้ทั้งหมดจากลูกค้า 2 ราย จานวน 46.14 ล้านบาท ซึ่งมาจากงานที่บริษัท ได้รับมอบหมายจากกรมประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์หนังสือประมวลภาพ ปวงประชามหาปิติ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พร้อมกล่องบรรจุ DVD ชุดปวงประชามหาปิติ จานวน 42.1 ล้านบาท และได้ส่งมอบงานดังกล่าวครบถ้วนแล้วและจากบริษัทเน็ทเทค มาร์เก็ตติ้งจากัดจานวน 4.04 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในงวดนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอื่นๆมีจานวน 8.39 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วจานวน 4.21ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 33.41 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 12.6 ล้านบาท เหตุจากการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในใหม่
สุดท้ายคือ ACAP หดตัวลง -331.32% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -92.02 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 39.78 ล้านบาท สาเหตุของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ลดลงเนื่องจากรายได้ จากกิจกรรมที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจลดลงประมาณ 24.57 ล้านบาท แต่มีรายได้จาก กิจกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 145.23 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2550 บริษัทฯ มีการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใหม่จำนวน 2 พอร์ท ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วเท่ากับ 151.05 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 3.06 ล้านบาท และ จากกิจกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 147.99 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประมาณ 105.84 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 41.54 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทฯ มีภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 3.99 ล้านบาท
ตารางแสดงผลการดำเนินงานของบจ. ใน mai สำหรับงวด 9 เดือนปี 2550
ชื่อบริษัท 2550 2549 %
ACAP -92.02 39.78 -331.32
ADAM -53.17 -112.54 52.75
BOL 34.30 25.71 33.41
BROOK 42.65 109.17 -60.93
CHUO 3.94 16.71 -76.42
CIG 86.72 22.27 289.40
CMO -6.95 65.84 -110.56
CPR -3.37 11.27 -129.90
D1 -59.32 70.57 -184.07
DEMCO 127.22 85.54 48.73
DM 26.92 15.68 71.71
ETG 26.16 21.34 22.62
FOCUS 10.59 0.77 1,275.32
GFM 136.75 103.46 32.18
ILINK 57.68 81.96 -29.62
IRCP -24.26 84.68 -128.65
KASET -0.84 7.37 -111.40
L&E 29.53 63.47 -53.47
LVT 61.52 -44.65 237.78
MACO 20.69 42.34 -51.13
MBAX 50.31 48.38 3.99
MILL 49.50 47.68 3.80
PD 10.02 14.89 -32.71
PPM 62.79 116.52 -46.11
PR124 -48.48 19.30 -351.19
PYLON 16.89 21.79 -22.49
S2Y -62.88 -13.24 -374.92
SALEE 29.50 34.94 -15.57
SLC -9.09 4.85 -287.42
STAR 15.30 4.80 218.75
STEEL 4.95 21.89 -77.39
SWC 53.81 29.33 83.46
TIES 25.18 31.25 -19.42
TNDT 25.26 21.28 18.72
TPAC 53.37 36.36 46.78
TRC 81.96 44.32 84.93
TRT 57.37 44.09 30.12
UBIS 46.68 31.06 50.29
UEC 260.65 202.14 28.94
UKEM 18.05 30.54 -40.90
UMS 220.89 132.01 67.33
YUASA -127.64 -138.94 8.13
หมายเหตุ: PICO และ TAPAC ปิดงบ 31 ตุลาคม ; TNH ปิดงบ 31 กรกฎาคม ;TMW ปิดงบ 31 มีนาคม
FOCUS-CIG-LVT-STAR กำไรพุ่งเกิน 200%
สำรวจผลการดำเนินงานของ บจ.ในตลาด mai สำหรับ 9 เดือน ทั้งหมด 42 บริษัทพบ 4 แห่งทำกำไรสุดหรู FOCUS พุ่ง 1,275.32%, CIG พุ่ง 289.40%,LVT กำไรพุ่ง 237.78% และ STAR กำไรพุ่ง 218.75% ส่วน 3 แห่งพลิกเป็นขาดทุนจากที่เคยทำผลงานได้ดี S2Y หดตัวลง -374.92%,PR124 หดตัวลง -351.19% และ ACAP หดตัวลง -331.32% จากการรวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) ทั้งหมด 42 แห่ง เกี่ยวกับผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนปี 2550 ปรากฎว่ามี บจ.ที่มีกำไรเพิ่มขึ้น 21 แห่ง และปรับตัวลดลง 21 แห่ง และที่พลิกเป็นขาดทุนสุทธิมี 11 แห่ง
สำหรับบจ.ที่ทำกำไรเพิ่มขึ้นมากที่สุด 4 อันดับ และปรับตัวเกิน 200% คือ FOCUS,CIG,LVT และ STAR สำหรับ FOCUS ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1275.32% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 10.59 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 0.77 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนงวดเฉพาะไตรมาส 3/50 กลับพลิกเป็นขาดทุน 7.14 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 6.74 ล้านบาท สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับรู้รายได้ของโครงการที่มี มูลค่าสูงไปก่อนหน้า ส่วนโครงการใหม่ที่บริษัทได้รับจะเริ่มทยอยการรับรู้รายได้ตามแผนการ ก่อสร้าง ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาจำนวน 87.84 ล้านบาท ลดลง 154.42 ล้านบาท หรือลดลงในอัตราร้อยละ 63.74 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 242.26 ล้านบาท ในส่วนของกำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 3 ปี 2550 จำนวน 5.38 ล้านบาท ลดลงจำนวน 6.89 ล้านบาทหรือลดลงอัตราร้อยละ 56.15 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2549 ซึ่งมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ12.27 ล้านบาท และในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 3.70 ล้านบาท จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงขึ้นกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
CIG ปรับตัวเพิ่มขึ้น 289.40% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 86.72 ล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 22.27 ล้านบาท บริษัทฯ ชี้แจงว่ามีรายได้รวมในไตรมาสที่ 3 ของปี 2550 เป็นจำนวนเงิน 272.793 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวนเงิน 2.540 ล้านบาท หรือ 0.94 % โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการตั้งราคาขาย นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุงการบริหารการจัดการให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง
LVT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 237.78% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 61.52 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 44.65 ล้านบาท บริษัทฯชี้แจงว่าในไตรมาสที่ 3/2550 บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรขั้นต้น 53.06 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อนจำนวน 27.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 110.31 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสัญญาการให้บริการของโครงการปรับปรุงขบวนการผลิต (Plant Upgrade) ของโรงงานผลิตซีเมนต์ได้แก่โครงการ NSCI ในประเทศมาเลเซีย และ Cementos Yura ในประเทศเปรู อีกทั้งมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยโดยวิธีส่วนได้เสียในงบการเงินรวมจำนวน 4.88 ล้านบาท ประกอบด้วยส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท แอลเอ็นวี เทคโนโลยี ไพรเวท จำกัด 5.04 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท บีแอลวีที จำกัด 0.22 ล้านบาท และส่วนขาดทุนจากบริษัท แอลวีเทียนจินจำกัด 0.38 ล้านบาท
สุดท้ายคือ STAR กำไรพุ่ง 218.75% โดยงวด 9 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 15.30 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.80 ล้านบาท โดยในไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทฯ มียอดขาย 58.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.68 ล้านบาท(22.33%) โดยมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น 6.29 ล้านบาท (61.23%) ยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 4.39 ล้านบาท (11.67%) ทำให้กำไรขั้นต้นสูงขึ้นจาก 42.78% เป็น 46.70% ค่าใช้จ่าย ขายและบริหารเพิ่มขึ้น 0.94 ล้านบาท (6.03%) จากการส่งเสริมการขาย ดอกเบี้ยจ่ายลดลง0.71 ล้านบาท จากยอดเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคล 1.91 ล้านบาทและเนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าทำให้ยอดขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาก ขณะที่สภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากผลดังกล่าวทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับบริษัทที่ผลประกอบการปรับตัวลดลงมากที่สุดอันดับแรกคือ S2Y หดตัวลง -374.92% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -62.88 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุน-13.24 ล้านบาท บริษัทชี้แจงสาเหตุของขาดทุนสุทธิจำนวน 18.421 ล้านบาท สําหรับ ไตรมาส 3 ปี 2550 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ จํานวน 8.369 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 เนื่องจากสาเหตุจากไตรมาส 3 ปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 6.622 ล้านบาทเมื่อเทียบกับรายได้จากการดำเนินงานของไตรมาส 3 ปี 2549 ซึ่งมีรายได้รวม 15.292 ล้านบาท ลดลง8.670 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.70 สาเหตุเนื่องจากการชะลอกิจกรรมทางการตลาด ในระหว่างที่ผู้บริหารทำการประเมินความมีประสิทธิภาพของช่องทางทางการตลาดที่มีอยู่ รวมทั้งในการหาแหล่งรายได้ใหม่ อีกทั้งยังเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจดาวน์โหลดและในไตรมาส 3 ปี 2550 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีจำนวน 24.675 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 3 ปี 2549 มีจำนวน 6.766 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายมีสาเหตุเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง รวมทั้งการเพิ่มจำนวนของทรัพยากรบุคคลและการปรับปรุงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ
ถัดมาคือ PR124 หดตัวลง -351.19% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -48.48 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19.30 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาสที่สามของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 18.46 ล้านบาท ลดลง 45.44 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 71.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม 63.9 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้โครงการภาครัฐบาลหลายโครงการเลื่อนการดำเนินงานออกไป และผลกระทบจากความกังวลในสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของภาคเอกชน ทั้งนี้มีต้นทุนการให้บริการเท่ากับ 10.66 ล้านบาท ลดลง 27.56 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 72.11 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมีต้นทุนการให้บริการเท่ากับ38.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงตามสัดส่วนของการลดลงของรายได้
ในไตรมาสที่สามของปี 2550 บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 54.53 ล้านบาท เพิ่มขั้น 41.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งบริษัทมี ค่าใช้จ่ายเท่ากับ 12.6 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเต็มจานวนของมูลหนี้ทั้งหมดจากลูกค้า 2 ราย จานวน 46.14 ล้านบาท ซึ่งมาจากงานที่บริษัท ได้รับมอบหมายจากกรมประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์หนังสือประมวลภาพ ปวงประชามหาปิติ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พร้อมกล่องบรรจุ DVD ชุดปวงประชามหาปิติ จานวน 42.1 ล้านบาท และได้ส่งมอบงานดังกล่าวครบถ้วนแล้วและจากบริษัทเน็ทเทค มาร์เก็ตติ้งจากัดจานวน 4.04 ล้านบาท ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวในงวดนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอื่นๆมีจานวน 8.39 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้วจานวน 4.21ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 33.41 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2549 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 12.6 ล้านบาท เหตุจากการปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในใหม่
สุดท้ายคือ ACAP หดตัวลง -331.32% โดยงวด 9 เดือนปีนี้พลิกขาดทุน -92.02 ล้านบาท จากงวดเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 39.78 ล้านบาท สาเหตุของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ลดลงเนื่องจากรายได้ จากกิจกรรมที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจลดลงประมาณ 24.57 ล้านบาท แต่มีรายได้จาก กิจกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 145.23 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2550 บริษัทฯ มีการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใหม่จำนวน 2 พอร์ท ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วเท่ากับ 151.05 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายจากกิจกรรมที่ปรึกษาทางการเงินและวาณิชธนกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 3.06 ล้านบาท และ จากกิจกรรมบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 147.99 ล้านบาท สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากผลขาดทุนจากการตั้งสำรองการด้อยค่าของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ประมาณ 105.84 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 41.54 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทฯ มีภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 3.99 ล้านบาท
ตารางแสดงผลการดำเนินงานของบจ. ใน mai สำหรับงวด 9 เดือนปี 2550
ชื่อบริษัท 2550 2549 %
ACAP -92.02 39.78 -331.32
ADAM -53.17 -112.54 52.75
BOL 34.30 25.71 33.41
BROOK 42.65 109.17 -60.93
CHUO 3.94 16.71 -76.42
CIG 86.72 22.27 289.40
CMO -6.95 65.84 -110.56
CPR -3.37 11.27 -129.90
D1 -59.32 70.57 -184.07
DEMCO 127.22 85.54 48.73
DM 26.92 15.68 71.71
ETG 26.16 21.34 22.62
FOCUS 10.59 0.77 1,275.32
GFM 136.75 103.46 32.18
ILINK 57.68 81.96 -29.62
IRCP -24.26 84.68 -128.65
KASET -0.84 7.37 -111.40
L&E 29.53 63.47 -53.47
LVT 61.52 -44.65 237.78
MACO 20.69 42.34 -51.13
MBAX 50.31 48.38 3.99
MILL 49.50 47.68 3.80
PD 10.02 14.89 -32.71
PPM 62.79 116.52 -46.11
PR124 -48.48 19.30 -351.19
PYLON 16.89 21.79 -22.49
S2Y -62.88 -13.24 -374.92
SALEE 29.50 34.94 -15.57
SLC -9.09 4.85 -287.42
STAR 15.30 4.80 218.75
STEEL 4.95 21.89 -77.39
SWC 53.81 29.33 83.46
TIES 25.18 31.25 -19.42
TNDT 25.26 21.28 18.72
TPAC 53.37 36.36 46.78
TRC 81.96 44.32 84.93
TRT 57.37 44.09 30.12
UBIS 46.68 31.06 50.29
UEC 260.65 202.14 28.94
UKEM 18.05 30.54 -40.90
UMS 220.89 132.01 67.33
YUASA -127.64 -138.94 8.13
หมายเหตุ: PICO และ TAPAC ปิดงบ 31 ตุลาคม ; TNH ปิดงบ 31 กรกฎาคม ;TMW ปิดงบ 31 มีนาคม