กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โดย ผู้จัดการรายวัน 10 พฤศจิกายน 2550 07:09 น.


      กลุ่ม ปตท. ฟันกำไรมหาศาล งวด 9 เดือนรวมเฉียด 1.5 แสนล้านบาท ซ้ำเติมประชาชนที่ต้องแบกรับภาระราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น โดยปตท.รายเดียว ไตรมาส 3 กำไรโตแตะ 2.45 หมื่นล้านบาท มาจากการขายก๊าซฯและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งรับรู้รายได้บริษัทลูก โดยเฉพาะธุรกิจการกลั่นรวม 4 บริษัท "BCP-IRPC-RRC-TOP" ที่มีผลกำไรรวมเกือบ 3.5 หมื่นล้านจากค่าการกลั่นที่เพิ่ม
     
      ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จนล่าสุดราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ได้ปรับตัวขึ้นไปทะลุ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลให้ประชาชนต้องแบกรับภาระจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ในทางกลับกันผู้ประกอบธุรกิจพลังงานกลับหาผลประโยชน์จากภาวะการณ์ดังกล่าว จนสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
     
      จากการสำรวจผลประกอบการงวด 9 เดือนของกลุ่มปตท. ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรวม 8 บริษัท พบว่ายังสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แม้ว่าบางบริษัทจะมีกำไรสุทธิลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 146,964.59 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 151,160.67 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง 4,196.08 ล้านบาท คิดเป็น 2.78% (ตารางประกอบข่าว) ก็เนื่องจากบางบริษัทได้หยุดซ่อมบำรุง ทำให้ปตท.รับรู้รายได้จากบริษัทลูกน้อยลงเมื่อเทียบจากปีก่อน
     
      ปตท.งวด 9 เดือนกำไรลด 8 %
     
      นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า ไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 24,484 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 8.72 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 24,320 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 8.69 บาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 73,346 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 26.14 บาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 79,701 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 28.48 บาท หรือกำไรสุทธิลดลง 7.97%
     
      ทั้งนี้ PTT มีรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนปี 50 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณขายและราคาขายผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ โรงแยกก๊าซฯ และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ EBITDA ไตรมาส 3 ปรับตัวสูงขึ้น
     
      ขณะที่ EBITDA งวด 9 เดือนลดลงเล็กน้อย เกิดจากการเปลี่ยนสถานะของบริษัท โรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC จากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมปตท.จึงรับรู้ผลการดำเนินงานของ RRC ตามวิธีส่วนได้เสีย รวมทั้งในไตรมาส 1-2 ที่ผ่านมา บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH (บริษัทย่อย) ได้ปิดโรงงานเพื่อขยายกำลังการผลิตบำรุงรักษา และซ่อมบำรุงเครื่องจักร ส่งผลให้รายได้ EBITDA ของ PTTCH ลดลง
     
      นอกจากนี้ ไตรมาส 3 ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของบริษัทร่วมกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่ลดลง จากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Product to Feed Margin) ที่ต่ำลง แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น
     
      ส่วนงวด 9 เดือน ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีที่ดีขึ้น รวมทั้งการรับรู้ผลประกอบการของบริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ขณะเดียวกันบริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจการกลั่นมีผลประกอบการที่ดีขึ้น จากค่าการกลั่นที่สูงขึ้น และการรับรู้ผลการดำเนินงานของบริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) หรือ RRC เต็มเวลา 9 เดือน จากปี 49 สามารถรับรู้รายได้แค่ 4 เดือนเท่านั้น
     
      ไทยออยล์ยอดขายเกือบ 2 แสน ล.
     
      นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) กล่าวว่า ไตรมาส3 บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 2,509 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 1,019 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นลดลงจากเดิม 1.73 บาท เหลือ 1.23 บาท หรือกำไรลดลง 28.88% ขณะที่งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 14,555 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 6 ล้านบาท
     
      โดยได้รับผลกระทบจากการใช้กำลังการกลั่นลดลงประมาณ 8% และการแข็งค่าของเงินบาทที่ทำให้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง แม้ว่าราคาน้ำมันจะสูงขึ้นจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ สถานการณ์ความตึงเครียดของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน และการเข้าสู่ฤดูมรสุมในอ่าวเม็กซิโก ส่งผลให้ในไตรมาสนี้มีรายได้จากการขายรวม 63,312 ล้านบาท และ EBITDA 4,992 ล้านบาท ลดลง 14,495 ล้านบาท และ 660 ล้านบาท ตามลำดับ
     
      ส่วนงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้จากการขาย 199,810 ล้านบาท ลดลง 17,576 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาท แต่ EBITDA เพิ่มขึ้น 1,692 ล้านบาทเป็น 23,009 ล้านบาท
     
      PTTCH กำลังการผลิตเพิ่ม 15 %
     
      สำหรับ บมจ.ปตท.เคมิคอล หรือ PTTCH งวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 10,452.49 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่กำไรสุทธิ 12,948.62 ล้านบาท หรือลดลง 19.28% ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 52% จาก 4,858 ล้านบาท เป็น 6,246 ล้านบาท โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมา PTTCH ได้เพิ่มปริมาณการผลิตโอเลฟินส์จาก 386,052 ตัน เป็น 444,430 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 15% จากโครงการ De-bottleneck 1 ขณะที่ราคา HDPE (South East Asia-SEA) เฉลี่ยในไตรมาสนี้สูงขึ้น 35 % ขณะที่ราคาวัตถุดิบอ้างอิงแนฟทา (MOPS) อยู่ที่ 665 เหรียญสหรัฐต่อตัน
     
      อย่างไรก็ดี จากการที่วัตถุดิบส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากก๊าซธรรมชาติ ทำให้บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบถูกกว่าโรงงานที่ใช้แนฟทาโดยทั่วไป
     
      PTTEP กำไรสุทธิกว่า 2 หมื่นล้าน
     
      ขณะที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) งวด 9 เดือนมีรายได้รวมทั้งสิ้น 68,261 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 30,303 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 20,975 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.38 บาท เทียบกับปี 2549 กำไรสุทธิ 21,929 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.69 บาท เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายประการ ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลง อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลงจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐ และการปรับเพิ่มเงินเดือนและผลตอบแทนของเจ้าหน้าที่ภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้สามารถขยายตัวต่อไปได้
     
      ส่วนไตรมาส 3 ปีนั้นบริษัทได้ประสบผลสำเร็จในโครงการสำรวจในแปลง M 9 ประเทศสหภาพพม่า ซึ่งจะเร่งพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อเตรียมการพัฒนาแหล่งก๊าซดังกล่าวโดยเร็วต่อไป ส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 24,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 134 ล้านบาท หรือ 1% ที่มีรายได้รวม 23,896 ล้านบาท และทำให้มีกำไรสุทธิ 7,046 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.14 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่กำไรสุทธิ 6,813 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.08 บาท
     
      IRPC กำไรจากขายหุ้น 510 ล้านบาท
     
      นายบรรลือ ฉันทาดิศัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชีและการเงิน บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) กล่าวว่า ไตรมาส 3/50 กำไรสุทธิ 3,484.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 543.85 ล้านบาท ที่กำไรสุทธิรวม 2,940.74 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่ม 18% จากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 1,095.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 510.04 ล้านบาท และมีกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราวในหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ยังคงถืออยู่ 36.94 ล้านบาท บวกกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 228.16 ล้านบาท หรือลดลง 16%
     
      สำหรับงวด 9 เดือนกำไรสุทธิ 11,507.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,948.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.66 %
     
      บางจากรับอานิสงค์ค่ากลั่นเพิ่ม
     
      ด้าน บมจ.บางจากปิโตรเลียม หรือ BCP งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 1,346.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 877.96 ล้านบาท อันเป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นมีการปรับตัวตามความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก และผันแปรตามค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นงวด 9 เดือน และไตรมาส 3 ที่ 4.8% และ 5.8% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2549 ที่อยู่ที่ 3.3% และ 3.5% ตามลำดับ อันเป็นผลมาจากค่าการกลั่นรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรในงวดนี้เพิ่มขึ้น
     
      ขณะที่งบไตรมาส 3 บริษัทกำไรสุทธิ 508 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,801.15% จากปีก่อนที่ขาดทุน 29.85 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีการ Write Down สินค้าคงเหลือ จากราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ปีก่อนในช่วงปลายไตรมาส 3 ราคาน้ำมันเริ่มมีการปรับตัวลดลงมาก ทำให้ต้องตั้งสำรองมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงไว้จำนวน 350 ล้านบาท
     
      นอกจากนี้ ระดับราคาน้ำมันกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากการบันทึกรายการเจ้าหนี้การค้าและรายการลูกหนี้การค้าจะอ้างอิงราคาอยู่กับสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์สุทธิ แต่บริษัทได้มีนโยบายปรับสัดส่วนสินทรัพย์และหนี้สินที่อยู่ในรูปสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน
     
      โรงกลั่นระยองกำไรเฉียด 7 พัน ล.
     
      บมจ.โรงกลั่นน้ำมันระยอง หรือ RRC ผลงานงวด 9 เดือนปีนี้กำไรสุทธิเพิ่มจาก 6,940.52 ล้านบาท เป็น 7,364.86 ล้านบาท หรือ 6.11% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากปัญหา Subprime Lending ในสหรัฐฯ การผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ Subprime ทำให้กระทบตลาดการเงินของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate ลง 0.5% ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินลงทุนเข้าสู่ Commodity อื่นๆ และลงทุนในตลาดทุนในประเทศกำลังพัฒนาในช่วง เดือนกันยายนจึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
     
      อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในประเทศได้ 81% ของปริมาณจำหน่ายรวม ซึ่งเป็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปชนิดต่างๆ ให้กับ ปตท. เป็นหลัก และผลจากการที่สภาวะตลาดน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นตามที่กล่าวข้างต้นทำให้ บริษัทฯ มี Accounting GRM ในไตรมาสนี้สูงขึ้น
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

Re: กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โพสต์ที่ 2

โพสต์

[quote="vichit"]
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
Windy
Verified User
โพสต์: 543
ผู้ติดตาม: 0

Re: กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โพสต์ที่ 3

โพสต์

vichit เขียน:ปตท.งวด 9 เดือนกำไรลด 8 %
:!:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Sumotin
Verified User
โพสต์: 1131
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมว่า นักข่าวนี่รายงานใช้อารมณ์ มากกว่า พูดถึง fact นะครับนี่ น้ำมันมันแพงจริงๆ จะ 100 เหรียญแล้ว แต่ราคากลับ ไม่ได้สูงมาก ไม่ได้สะท้อนต้นทุนจริงๆ

น่าจะพูดในเชิงให้ ประชาชนประหยัดกันมากขึ้นมากกว่านะครับ
Timing is everything, no matter what you do.

CAGR of 34% in the past 15 years of investment
zephyr
Verified User
โพสต์: 915
ผู้ติดตาม: 0

Re: กลุ่ม ปตท.กำไร 1.5 แสนล้าน วิกฤตน้ำมันดันค่ากลั่นพุ่ง

โพสต์ที่ 5

โพสต์

[quote="noooon010"][quote="vichit"]
โพสต์โพสต์