BWG เพื่อแผ่นดินลุกเป็นไฟ MILL พระเจ้าแจกทรัพย์คนจองอื้อ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 07, 2007 8:01 am
BWG เพื่อแผ่นดินลุกเป็นไฟ MILL พระเจ้าแจกทรัพย์คนจองอื้อ
14 พ.ย. ดีเดย์ BWG กำจัดขยะเพื่อแผ่นดิน ได้เวลาลุกเป็นไฟตามรอย MILL ที่เปิด
เทรดวันแรก พระเจ้าไม่ทำนักลงทุนผิดหวัง แจกทรัพย์คนจอง IPO อื้อ หลังปิดอย่างสวยงาม
5.80 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.90 บาทถึง 100% สร้างความหวังว่าหุ้นน้องใหม่ในวงการ จะต้อง
โชว์ลีลาวันแรกบวกไม่น้อยกว่า 50% จากราคาจอง 3 บาท ขณะที่โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมปี
51 ที่ 4.06 บาท
* 14 พ.ย.50 ดีเดย์เปิดเทรด BWG ตามรอย MILL-TNDT
14 พฤศจิกายน 2550 ดีเดย์สำหรับ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG)
จะเข้าซื้อขายในตลาดหลกทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยอยู่ในหมวดบริการ
เฉพาะกิจ ซึ่งนักลงทุนทั้งที่มีหุ้น IPO ในมือหรือยังไม่มี ต่างก็หวังว่า BWG จะไม่ทำให้นักลงทุน
ผิดหวัง
โดยเชื่อว่า BWG น่าจะเดินรอยตาม บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)
(MILL) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้เป็นวันแรก ซึ่งก่อนเปิดเทรดผู้บริหาร
กล่าวว่า 'คงแล้วแต่พระเจ้าจะกำหนด' ซึ่งก็ปรากฎว่าหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 4.90 บาท และปิดการ
ซื้อขายที่ 5.80 บาท จากราคาจอง 2.90 บาท หรือสูงกว่าจอง 100% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแตะ
จุดสูงสุดที่ 5.90 บาท และต่ำสุดที่ 4.90 บาท ซึ่งในการนี้ทำให้ 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' ที่ถือหุ้น
กว่า 6% มีกำไรทางบัญชีทันทีเฉียด 74 ล้านบาท และบริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน)
(TNDT) ที่เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก 28 กันยายน 2550 ได้ปิดที่ระดับ 5.50 บาท เพิ่ม
ขึ้น 77.41% จากราคาไอพีโอที่ 3.10 บาท โดยระหว่างวันมีราคาสูงสุดที่ 5.80 บาท ต่ำสุดที่
4.14 บาท
มีนักลงทุนหลายคนได้เรียก BWG อย่างน่าเอ็นดูว่า หุ้นเพื่อแผ่นดิน เพราะดำเนินธุรกิจ
ให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูลฯ ครบวงจรทั้งที่ไม่อันตราย (Non-Hazardous Waste)
โดยวิธีฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary Landfill) และสิ่งปฏิกูลฯ ที่เป็นอันตราย
(Hazardous Waste) โดยวิธีฝังกลบแบบปลอดภัย (Secured Landfill) รวมทั้งให้บริการ
บำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมด้วยวิธีทางชีวภาพและเคมี โดยมีศูนย์บริหารและจัดการกาก
อุตสาหกรรมตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยแห้ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี บนเนื้อที่รวมประมาณ 271 ไร่
สำหรับผลประกอบการในปี 2547 - 2549 และงวด 6 เดือน ปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้
จากการบริการ 159.53 ล้านบาท 273.58 ล้านบาท 466.85ล้านบาท และ 301.10 ล้านบาท
ตามลำดับ
* เชื่อหุ้นการเมืองมีลุ้นร้อนรับเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้
BWG ถูกจับตาว่าเป็นหนึ่งในหุ้นการเมืองหรือไม่ เพราะจากรายชื่อผู้ถือหุ้นที่นาม
สกุล 'เทพสุทิน' ที่เป็นแม่ทัพพรรคมัชฌิมาธิปไตยอยู่ในขณะนี้ ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตาม
มาว่า น่าจะมีส่วนทำให้ราคาหุ้น BWG ร้อนเป็นไฟได้เมื่อการเลือกตั้งได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็น
ทางการแล้วในวันที่ 23 ธันวาคมนี้
โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ BWG ประกอบด้วย กลุ่มเหลืองวิริยะ ได้แก่ นายสุวัฒน์
เหลืองวิริยะ นายวันชัย เหลืองวิริยะ และนางสาวกมลา เหลืองวิริยะ ถือ 90.87 ล้านหุ้น คิดเป็น
28.40% กลุ่มวิระเทพสุภรณ์ ประกอบด้วย นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ นางอัญชุลี วิระเทพสุภรณ์
และนายเยี่ยมยศ วิระเทพสุภรณ์ ถือ 22 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.88% กลุ่มเอี่ยมสกุล ประกอบด้วย นาง
สาวระวีวรรณ เอี่ยมสกุล นางสาวสุชาดา เอี่ยมสกุล และนายฉัตรชัย เอี่ยมสกุล ถือ 15 ล้านหุ้น คิด
เป็น 4.69%
กลุ่มเนตรจารุ ประกอบด้วย นางสิริมา เนตรจารุ และนางสาววชิราภรณ์ เนตรจารุ ถือ 8.4
ล้านหุ้น คิดเป็น 2.63 % Yamazen Holdings Company Limited เป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่
ดำเนินธุรกิจด้านการจัดการของเสียทั้งของรัฐบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ
ญี่ปุ่น โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นซึ่งมีสัญชาติญี่ปุ่น ณ วันที่ 3 เมษายน 2550 ประกอบด้วย บริษัท แอคโค่
เพาเวอร์ จำกัด , โคอิชิโระ โอกุดะ , ทากามิสึ โอกุดะ , ห้างหุ้นส่วนนิคโค แคปปิตอล ฟอร์ อินเวส
เม้นท์ , ฮิตาชิ โซเซน คอร์เปอร์เรชั่น ลิมิเต็ด และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ ถือ 7.2 ล้านหุ้น คิดเป็น
2.25%
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอสเส็ค จำกัด เป็นผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคลให้แก่ผู้
ลงทุนซึ่งประกอบด้วย นางพร เทพสุทินนางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน นายสุรพันธ์ พัฒนพิฑูรย์ นาง
ปิยอร รักษ์ตานนท์ชัย นายพัฒนชาติ จิวะพรทิพย์ นางสาวอุทัยรัตน์ เอื้อสงวนกุลนางรำไพ จิระเสวี
จินดา และนายวุฒิชัย ปรุงพัฒนสกุล ถือ 6 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.87%
* ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาฯ มั่นใจไม่ผิดหวังแน่ ชี้ให้ส่วนลด 60%
ด้านผู้บริหาร BWG นำโดย นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เบตเตอร์
เวิลด์ กรีน (BWG) มั่นใจว่า หุ้น BWG ที่เสนอขาย 80 ล้านหุ้น จะได้รับความสนใจสูง มี บริษัท
หลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกัน
การจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BWG ซึ่งภายหลังจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ บมจ.เบต
เตอร์ เวิลด์ กรีน จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 320 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 320 ล้าน
หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ1 บาท ซึ่งหุ้นของกลุ่มเหลืองวิริยะจะลดลงจาก 37.86% เหลือ 28.40%
ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบัน
การเงิน ลงทุนเพื่อขยายการดำเนินงาน และสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน
'มั่นใจว่า BWG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็ง
แกร่งโดยในธุรกิจให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูลฯ ครบวงจร มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ใน
อันดับต้นๆ ของประเทศ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีอัตรา
การเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวในอัตราเฉลี่ยประมาณ 25-30%
ต่อปี' นายสุวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด กล่าว
ว่า นอกจากความโดดเด่นทางด้านปัจจัยพื้นฐาน BWG แล้ว การกำหนดราคาขายไอพีโอที่ 3
บาท/หุ้น มีค่าพีอี เรโชว์ ประมาณ 9 เท่า ในขณะที่ค่าพีอี เรโชว์ ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 23 เท่า และ
ค่าพีอีของตลาดอยู่ที่ระดับ 12 เท่า ถือเป็นราคาที่ให้อัตราส่วนลดกับนักลงทุนกว่า 60% เมื่อ
เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม และคิดเป็นส่วนลดประมาณ 25%
* โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมปีหน้าสูงสุด 4.06 บาท
ด้านบรรดาโบรกเกอร์หลายสำนัก ได้ประเมิน BWG ว่ามีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ
อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด หรือ KTBS วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันมีโรงงาน
อุตสาหกรรมจำนวนกว่า 1 แสนโรงงาน ซึ่งตามข้อกำหนดของทางการมีโรงงานที่จะต้องจัดเก็บ
ขยะอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดให้ถูกต้องกว่า 6 หมื่นโรงงาน นับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ของบริษัทฯทั้งหมด แต่พบว่ามีโรงงานที่จัดเก็บเข้าระบบจริงเพียง 5 พันโรงงานเท่านั้น โดยใน
ส่วนนี้เป็นลูกค้าของ BWG มากกว่า 1,000 ราย จึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
นอกจากนั้น ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นช่วยหนุนการทำตลาดของ
BWG เนื่องจากภาวะมลพิษต่างๆ ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เข้มงวด และกระจายทั่วถึงไปสู่กลุ่มโรงงาน
อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานร่วม
กับเอกชนเพื่อสอดส่องดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจการบริการจัดเก็บปฏิกูลสามารถ
เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ด้านการขยายตัวของ BWG มาจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการซึ่งเพิ่มขึ้นและการขยายตัว
ของฐานลูกค้าเดิม โดยรายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 467 ล้าน
บาท ในปี 2549 ขยายตัวมากกว่า 3 เท่าภายในเวลาเพียง 2 ปี ขณะที่มี Net Margin อยู่ระหว่าง
15 -19%.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมี D/E ในระดับต่ำเพียง 0.6 เท่า ฝ่ายวิจัยฯมองราคาที่
เหมาะสมปี 51 ของ BWG ไว้ที่ 4.00 บาท โดยมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของกำไรใน
อนาคตที่มีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 7%ต่อปี (Conservative) มี
ROE เฉลี่ยที่ 16% โดยคาดบริษัทฯจะให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5 -6%ต่อปี
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ระบุว่าจุดเด่นของ BWG ซึ่ง
ดำเนินธุรกิจกำจัดกากขยะด้วยวิธีฝังกลบคือ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Barrier of entry สูง และ
เป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีช่องว่างในการดึงลูกค้าจากนอกระบบเข้าสู่ระบบได้อีกมาก จากปริมาณ
กากที่เข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมากคิดเป็นไม่ถึง 5% สำหรับ Non-
Hazardous Waste และ ไม่ถึง 10% สำหรับ Hazardous Wasteโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ
กฏระเบียบของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้นเติบโตสูงจนครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้ง Non-
Hz และ Hz
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2550 ของบริษัทไว้ที่ 94 ลบ. เติบโต 31.8% และ 113 ลบ.
เติบโต 22.3% สำหรับปี 2551 โดยแนวโน้มการเติบโตในปี 2550-2551 นี้ จะมาจากการขยาย
ฐานลูกค้าประเภท Hz และ โครงการ Blending ซึ่งเริ่มในเดือน ก.ย.2550 สำหรับ Liquid
blending และ ต้นปี 2551 สำหรับ Solid project ความเสี่ยงหลักสำหรับประมาณการณ์คือ
อัตรากำไรขั้นต้นFair Value 3.5 บาท (10x 2551 PER) Upside คือโครงการเตาเผาฯ
Downside คือคดีฟ้องร้องฯ และฝ่ายวิจัยฯ ประเมินมูลค่าของ BWG ได้ที่ 3.5 บาท (อ้างอิง 10
เท่า PER ปี2551)
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด คาดว่า กำไรปกติของ BWG จะเพิ่ม
ขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ทำให้แนวโน้มสิ่ง
ปฏิกูลจากอุตสาหกรรมในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเข้มงวดของภาครัฐ ในการ
ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธุรกิจการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้
แล้ว ยังคงมีโอกาสในการขยายตัวต่อไปในอนาคต ประเมินมูลค่าของ BWG โดยใช้วิธี P/E
Ratio ที่ 10 เท่า และใช้ EPS จากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้นจะได้ราคาเป้าหมายที่
3.78 บาทต่อหุ้น
ส่วนบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด คาดว่าผลการดำเนิน
งานของ BWGปี 2550 จะเติบโตถึง 50% อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจากบริษัทหันมาเน้นให้
บริการสิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายที่มีอัตราการให้บริการสูงกว่า ทำให้กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท กำไร
สุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท ขณะที่ปี 2551 รายได้ของบริษัทยังคงเติบโต 19% อยู่ที่ 831 ล้านบาท
จากการขยายธุรกิจปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่เป็นของเหลวและของแข็ง ทำให้กำไรสุทธิในปี
2551 อยู่ที่ 144 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับ
ปี 2550 และปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 0.21 บาทตามลำดับ
สำหรับ Fair Price ปี 50 และ 51 เท่ากับ 3.46 บาทและ 4.06 บาทตามลำดับ โดยใช้
วิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 12.5% เทียบเท่ากับ P/E Ratio ที่ระดับ 9 เท่าหรือ PBV ที่ 1.7
เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล(Dividend yield) เท่ากับ 5.2%
อย่างไรก็ตาม นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ ฝ่ายวิจัย บล.
เคจีไอ กล่าวถึงการปรับขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาหุ้น MILL ในการซื้อขายวันแรก ว่า ไม่ทราบถึง
แรงจูงใจที่ระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้น IPO ดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถพิจารณาพื้น
ฐานของบริษัทฯ ได้ เพราะเป็นหุ้นใหม่ที่เพิ่งเข้าทำการซื้อขาย ส่วนแนวโน้มการปรับตัวของรา
คานหุ้นนั้น ยังเป็นการยากที่จะคาดเดา เนื่องจากเป็นหุ้น IPO จึงยังไม่มีพื้นฐานที่เข้ามารองรับ
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นดังกล่าวเข้าทำการซื้อขายวันแรก แล้วมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง จะเป็น
การส่งสัญญาณที่ดีแก่หุ้น IPO ที่จะเข้าเทรด อย่าง BWG หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่อง
จากหุ้นแต่ละตัวมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องมีการพิจารณาเป็นรายตัวไป
* ธ.ค.นี้ มีข่าวดีเซ็นสัญญาเตาเผาขยะพิษมูลค่า 1.5 พันลบ.
ปัจจุบัน BWG ยังมีข่าวดีรออยู่คือ การรับจัดการเตาเผาขยะพิษของกรมโรงงานที่
นิคมอุตสาหกรรมบางปูมูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่ผู้บริหารคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาภายในเดือน
ธันวาคมนี้ โดยสัญญาดังกล่าวบริษัทฯ จะเป็นผู้รับบริหารจัดการขยะพิษเพื่อนำไปกำจัดในเตาเผา
ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 20 ปี และในเงื่อนไขสัญญาเมื่อครบปีที่ 20 บริษัทฯ จะสามารถต่อระยะ
เวลาสัญญาได้อีก 10 ปี
ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาดังกล่าวอยู่ระว่างขั้นตอนการรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอยู่ โดย
เตาเผาขยะพิษดังกล่าวถือเป็นเตาเผาขยะพิษแห่งแรกในประเทศไทย ผู้บริหารจึงมั่นใจว่าจะมี
ฐานลูกค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานที่มีขยะพิษเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
14 พ.ย. ดีเดย์ BWG กำจัดขยะเพื่อแผ่นดิน ได้เวลาลุกเป็นไฟตามรอย MILL ที่เปิด
เทรดวันแรก พระเจ้าไม่ทำนักลงทุนผิดหวัง แจกทรัพย์คนจอง IPO อื้อ หลังปิดอย่างสวยงาม
5.80 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.90 บาทถึง 100% สร้างความหวังว่าหุ้นน้องใหม่ในวงการ จะต้อง
โชว์ลีลาวันแรกบวกไม่น้อยกว่า 50% จากราคาจอง 3 บาท ขณะที่โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมปี
51 ที่ 4.06 บาท
* 14 พ.ย.50 ดีเดย์เปิดเทรด BWG ตามรอย MILL-TNDT
14 พฤศจิกายน 2550 ดีเดย์สำหรับ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG)
จะเข้าซื้อขายในตลาดหลกทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นวันแรก โดยอยู่ในหมวดบริการ
เฉพาะกิจ ซึ่งนักลงทุนทั้งที่มีหุ้น IPO ในมือหรือยังไม่มี ต่างก็หวังว่า BWG จะไม่ทำให้นักลงทุน
ผิดหวัง
โดยเชื่อว่า BWG น่าจะเดินรอยตาม บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน)
(MILL) ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาด mai วันที่ 6 พฤศจิกายนนี้เป็นวันแรก ซึ่งก่อนเปิดเทรดผู้บริหาร
กล่าวว่า 'คงแล้วแต่พระเจ้าจะกำหนด' ซึ่งก็ปรากฎว่าหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 4.90 บาท และปิดการ
ซื้อขายที่ 5.80 บาท จากราคาจอง 2.90 บาท หรือสูงกว่าจอง 100% โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแตะ
จุดสูงสุดที่ 5.90 บาท และต่ำสุดที่ 4.90 บาท ซึ่งในการนี้ทำให้ 'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' ที่ถือหุ้น
กว่า 6% มีกำไรทางบัญชีทันทีเฉียด 74 ล้านบาท และบริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน)
(TNDT) ที่เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก 28 กันยายน 2550 ได้ปิดที่ระดับ 5.50 บาท เพิ่ม
ขึ้น 77.41% จากราคาไอพีโอที่ 3.10 บาท โดยระหว่างวันมีราคาสูงสุดที่ 5.80 บาท ต่ำสุดที่
4.14 บาท
มีนักลงทุนหลายคนได้เรียก BWG อย่างน่าเอ็นดูว่า หุ้นเพื่อแผ่นดิน เพราะดำเนินธุรกิจ
ให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูลฯ ครบวงจรทั้งที่ไม่อันตราย (Non-Hazardous Waste)
โดยวิธีฝังกลบแบบถูกหลักสุขาภิบาล (Sanitary Landfill) และสิ่งปฏิกูลฯ ที่เป็นอันตราย
(Hazardous Waste) โดยวิธีฝังกลบแบบปลอดภัย (Secured Landfill) รวมทั้งให้บริการ
บำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรมด้วยวิธีทางชีวภาพและเคมี โดยมีศูนย์บริหารและจัดการกาก
อุตสาหกรรมตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยแห้ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี บนเนื้อที่รวมประมาณ 271 ไร่
สำหรับผลประกอบการในปี 2547 - 2549 และงวด 6 เดือน ปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้
จากการบริการ 159.53 ล้านบาท 273.58 ล้านบาท 466.85ล้านบาท และ 301.10 ล้านบาท
ตามลำดับ
* เชื่อหุ้นการเมืองมีลุ้นร้อนรับเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้
BWG ถูกจับตาว่าเป็นหนึ่งในหุ้นการเมืองหรือไม่ เพราะจากรายชื่อผู้ถือหุ้นที่นาม
สกุล 'เทพสุทิน' ที่เป็นแม่ทัพพรรคมัชฌิมาธิปไตยอยู่ในขณะนี้ ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตาม
มาว่า น่าจะมีส่วนทำให้ราคาหุ้น BWG ร้อนเป็นไฟได้เมื่อการเลือกตั้งได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็น
ทางการแล้วในวันที่ 23 ธันวาคมนี้
โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ BWG ประกอบด้วย กลุ่มเหลืองวิริยะ ได้แก่ นายสุวัฒน์
เหลืองวิริยะ นายวันชัย เหลืองวิริยะ และนางสาวกมลา เหลืองวิริยะ ถือ 90.87 ล้านหุ้น คิดเป็น
28.40% กลุ่มวิระเทพสุภรณ์ ประกอบด้วย นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ นางอัญชุลี วิระเทพสุภรณ์
และนายเยี่ยมยศ วิระเทพสุภรณ์ ถือ 22 ล้านหุ้น คิดเป็น 6.88% กลุ่มเอี่ยมสกุล ประกอบด้วย นาง
สาวระวีวรรณ เอี่ยมสกุล นางสาวสุชาดา เอี่ยมสกุล และนายฉัตรชัย เอี่ยมสกุล ถือ 15 ล้านหุ้น คิด
เป็น 4.69%
กลุ่มเนตรจารุ ประกอบด้วย นางสิริมา เนตรจารุ และนางสาววชิราภรณ์ เนตรจารุ ถือ 8.4
ล้านหุ้น คิดเป็น 2.63 % Yamazen Holdings Company Limited เป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่
ดำเนินธุรกิจด้านการจัดการของเสียทั้งของรัฐบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศ
ญี่ปุ่น โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นซึ่งมีสัญชาติญี่ปุ่น ณ วันที่ 3 เมษายน 2550 ประกอบด้วย บริษัท แอคโค่
เพาเวอร์ จำกัด , โคอิชิโระ โอกุดะ , ทากามิสึ โอกุดะ , ห้างหุ้นส่วนนิคโค แคปปิตอล ฟอร์ อินเวส
เม้นท์ , ฮิตาชิ โซเซน คอร์เปอร์เรชั่น ลิมิเต็ด และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ ถือ 7.2 ล้านหุ้น คิดเป็น
2.25%
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอสเส็ค จำกัด เป็นผู้บริหารกองทุนส่วนบุคคลให้แก่ผู้
ลงทุนซึ่งประกอบด้วย นางพร เทพสุทินนางสาวณัฐธิดา เทพสุทิน นายสุรพันธ์ พัฒนพิฑูรย์ นาง
ปิยอร รักษ์ตานนท์ชัย นายพัฒนชาติ จิวะพรทิพย์ นางสาวอุทัยรัตน์ เอื้อสงวนกุลนางรำไพ จิระเสวี
จินดา และนายวุฒิชัย ปรุงพัฒนสกุล ถือ 6 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.87%
* ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาฯ มั่นใจไม่ผิดหวังแน่ ชี้ให้ส่วนลด 60%
ด้านผู้บริหาร BWG นำโดย นายสุวัฒน์ เหลืองวิริยะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เบตเตอร์
เวิลด์ กรีน (BWG) มั่นใจว่า หุ้น BWG ที่เสนอขาย 80 ล้านหุ้น จะได้รับความสนใจสูง มี บริษัท
หลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกัน
การจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ BWG ซึ่งภายหลังจากเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ บมจ.เบต
เตอร์ เวิลด์ กรีน จะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 320 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 320 ล้าน
หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ1 บาท ซึ่งหุ้นของกลุ่มเหลืองวิริยะจะลดลงจาก 37.86% เหลือ 28.40%
ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้นำไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบัน
การเงิน ลงทุนเพื่อขยายการดำเนินงาน และสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน
'มั่นใจว่า BWG จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็ง
แกร่งโดยในธุรกิจให้บริการบริหารและจัดการสิ่งปฏิกูลฯ ครบวงจร มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ใน
อันดับต้นๆ ของประเทศ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีอัตรา
การเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการขยายตัวในอัตราเฉลี่ยประมาณ 25-30%
ต่อปี' นายสุวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ นายชูพงศ์ ธนเศรษฐกร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด กล่าว
ว่า นอกจากความโดดเด่นทางด้านปัจจัยพื้นฐาน BWG แล้ว การกำหนดราคาขายไอพีโอที่ 3
บาท/หุ้น มีค่าพีอี เรโชว์ ประมาณ 9 เท่า ในขณะที่ค่าพีอี เรโชว์ ของกลุ่มอยู่ที่ระดับ 23 เท่า และ
ค่าพีอีของตลาดอยู่ที่ระดับ 12 เท่า ถือเป็นราคาที่ให้อัตราส่วนลดกับนักลงทุนกว่า 60% เมื่อ
เทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรม และคิดเป็นส่วนลดประมาณ 25%
* โบรกเกอร์ให้ราคาเหมาะสมปีหน้าสูงสุด 4.06 บาท
ด้านบรรดาโบรกเกอร์หลายสำนัก ได้ประเมิน BWG ว่ามีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจ
อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด หรือ KTBS วิเคราะห์ว่า ปัจจุบันมีโรงงาน
อุตสาหกรรมจำนวนกว่า 1 แสนโรงงาน ซึ่งตามข้อกำหนดของทางการมีโรงงานที่จะต้องจัดเก็บ
ขยะอุตสาหกรรมเพื่อเข้าสู่ระบบบำบัดให้ถูกต้องกว่า 6 หมื่นโรงงาน นับเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ของบริษัทฯทั้งหมด แต่พบว่ามีโรงงานที่จัดเก็บเข้าระบบจริงเพียง 5 พันโรงงานเท่านั้น โดยใน
ส่วนนี้เป็นลูกค้าของ BWG มากกว่า 1,000 ราย จึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
นอกจากนั้น ภาครัฐและเอกชนให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นช่วยหนุนการทำตลาดของ
BWG เนื่องจากภาวะมลพิษต่างๆ ที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รัฐบาลมีนโยบายควบคุมการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เข้มงวด และกระจายทั่วถึงไปสู่กลุ่มโรงงาน
อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานร่วม
กับเอกชนเพื่อสอดส่องดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจการบริการจัดเก็บปฏิกูลสามารถ
เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น
ด้านการขยายตัวของ BWG มาจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการซึ่งเพิ่มขึ้นและการขยายตัว
ของฐานลูกค้าเดิม โดยรายได้ของบริษัทฯเพิ่มขึ้นจาก 142 ล้านบาท ในปี 2547 เป็น 467 ล้าน
บาท ในปี 2549 ขยายตัวมากกว่า 3 เท่าภายในเวลาเพียง 2 ปี ขณะที่มี Net Margin อยู่ระหว่าง
15 -19%.ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมี D/E ในระดับต่ำเพียง 0.6 เท่า ฝ่ายวิจัยฯมองราคาที่
เหมาะสมปี 51 ของ BWG ไว้ที่ 4.00 บาท โดยมองเห็นศักยภาพในการเติบโตของกำไรใน
อนาคตที่มีการขยายตัวอย่างสม่ำเสมอในอีก 5 ปีข้างหน้าไม่ต่ำกว่า 7%ต่อปี (Conservative) มี
ROE เฉลี่ยที่ 16% โดยคาดบริษัทฯจะให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5 -6%ต่อปี
ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์ ไอ วี โกลบอล จำกัด (มหาชน) ระบุว่าจุดเด่นของ BWG ซึ่ง
ดำเนินธุรกิจกำจัดกากขยะด้วยวิธีฝังกลบคือ อยู่ในอุตสาหกรรมที่มี Barrier of entry สูง และ
เป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีช่องว่างในการดึงลูกค้าจากนอกระบบเข้าสู่ระบบได้อีกมาก จากปริมาณ
กากที่เข้าสู่ระบบกำจัดอย่างถูกต้องอยู่ในระดับที่ต่ำมากคิดเป็นไม่ถึง 5% สำหรับ Non-
Hazardous Waste และ ไม่ถึง 10% สำหรับ Hazardous Wasteโดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ
กฏระเบียบของภาครัฐที่เข้มงวดมากขึ้นเติบโตสูงจนครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ทั้ง Non-
Hz และ Hz
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2550 ของบริษัทไว้ที่ 94 ลบ. เติบโต 31.8% และ 113 ลบ.
เติบโต 22.3% สำหรับปี 2551 โดยแนวโน้มการเติบโตในปี 2550-2551 นี้ จะมาจากการขยาย
ฐานลูกค้าประเภท Hz และ โครงการ Blending ซึ่งเริ่มในเดือน ก.ย.2550 สำหรับ Liquid
blending และ ต้นปี 2551 สำหรับ Solid project ความเสี่ยงหลักสำหรับประมาณการณ์คือ
อัตรากำไรขั้นต้นFair Value 3.5 บาท (10x 2551 PER) Upside คือโครงการเตาเผาฯ
Downside คือคดีฟ้องร้องฯ และฝ่ายวิจัยฯ ประเมินมูลค่าของ BWG ได้ที่ 3.5 บาท (อ้างอิง 10
เท่า PER ปี2551)
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด คาดว่า กำไรปกติของ BWG จะเพิ่ม
ขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและการเติบโตของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ ทำให้แนวโน้มสิ่ง
ปฏิกูลจากอุตสาหกรรมในประเทศยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และความเข้มงวดของภาครัฐ ในการ
ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ธุรกิจการให้บริการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้
แล้ว ยังคงมีโอกาสในการขยายตัวต่อไปในอนาคต ประเมินมูลค่าของ BWG โดยใช้วิธี P/E
Ratio ที่ 10 เท่า และใช้ EPS จากกำไรปกติปี 51 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้นจะได้ราคาเป้าหมายที่
3.78 บาทต่อหุ้น
ส่วนบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด คาดว่าผลการดำเนิน
งานของ BWGปี 2550 จะเติบโตถึง 50% อยู่ที่ 700 ล้านบาท หลังจากบริษัทหันมาเน้นให้
บริการสิ่งปฏิกูลที่เป็นอันตรายที่มีอัตราการให้บริการสูงกว่า ทำให้กำไรสุทธิ 123 ล้านบาท กำไร
สุทธิต่อหุ้น 0.38 บาท ขณะที่ปี 2551 รายได้ของบริษัทยังคงเติบโต 19% อยู่ที่ 831 ล้านบาท
จากการขยายธุรกิจปรับปรุงคุณภาพสิ่งปฏิกูลที่เป็นของเหลวและของแข็ง ทำให้กำไรสุทธิในปี
2551 อยู่ที่ 144 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.45 บาท และคาดว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสำหรับ
ปี 2550 และปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 0.21 บาทตามลำดับ
สำหรับ Fair Price ปี 50 และ 51 เท่ากับ 3.46 บาทและ 4.06 บาทตามลำดับ โดยใช้
วิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 12.5% เทียบเท่ากับ P/E Ratio ที่ระดับ 9 เท่าหรือ PBV ที่ 1.7
เท่า และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล(Dividend yield) เท่ากับ 5.2%
อย่างไรก็ตาม นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจ และธุรกิจ ฝ่ายวิจัย บล.
เคจีไอ กล่าวถึงการปรับขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาหุ้น MILL ในการซื้อขายวันแรก ว่า ไม่ทราบถึง
แรงจูงใจที่ระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้น IPO ดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถพิจารณาพื้น
ฐานของบริษัทฯ ได้ เพราะเป็นหุ้นใหม่ที่เพิ่งเข้าทำการซื้อขาย ส่วนแนวโน้มการปรับตัวของรา
คานหุ้นนั้น ยังเป็นการยากที่จะคาดเดา เนื่องจากเป็นหุ้น IPO จึงยังไม่มีพื้นฐานที่เข้ามารองรับ
ส่วนกรณีที่ราคาหุ้นดังกล่าวเข้าทำการซื้อขายวันแรก แล้วมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง จะเป็น
การส่งสัญญาณที่ดีแก่หุ้น IPO ที่จะเข้าเทรด อย่าง BWG หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เนื่อง
จากหุ้นแต่ละตัวมีพื้นฐานที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องมีการพิจารณาเป็นรายตัวไป
* ธ.ค.นี้ มีข่าวดีเซ็นสัญญาเตาเผาขยะพิษมูลค่า 1.5 พันลบ.
ปัจจุบัน BWG ยังมีข่าวดีรออยู่คือ การรับจัดการเตาเผาขยะพิษของกรมโรงงานที่
นิคมอุตสาหกรรมบางปูมูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่ผู้บริหารคาดว่าจะได้เซ็นสัญญาภายในเดือน
ธันวาคมนี้ โดยสัญญาดังกล่าวบริษัทฯ จะเป็นผู้รับบริหารจัดการขยะพิษเพื่อนำไปกำจัดในเตาเผา
ดังกล่าวเป็นระยะเวลา 20 ปี และในเงื่อนไขสัญญาเมื่อครบปีที่ 20 บริษัทฯ จะสามารถต่อระยะ
เวลาสัญญาได้อีก 10 ปี
ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาดังกล่าวอยู่ระว่างขั้นตอนการรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอยู่ โดย
เตาเผาขยะพิษดังกล่าวถือเป็นเตาเผาขยะพิษแห่งแรกในประเทศไทย ผู้บริหารจึงมั่นใจว่าจะมี
ฐานลูกค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานที่มีขยะพิษเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก