Thai VI

หุ้นตัวนั้นคือ TCB ด้วย pe 5.85 แถมอัตราการเติบโต 5 ปีซ้อน เป็นอย่างน้อย เป็นเครื่องรับประกันว่า โอกาสขาดทุนน่าจะน้อยมักๆ

ประกอบกับ eco คาร์แห่เข้ามา รถส่งออก นอกจากต้องมีแบต แล้วก็ยังต้องมีล้อ

แบตมีหลายเจ้า แต่ผงถ่านดำมีกี่เจ้าในประเทศ

อย่างไรก็ตาม หุ้นแขก ต้องเล่นแบบยิว

ชอบจริงๆ บิดต่ำ ออฟเฟอร์สูง ใครซื่อไล่ราคา ตบลง

พอ cut loss ก็เอาขึ้น

เหนียวจริงๆ นับถือจริงๆว่า ถ้ารักกันจริง ต้องเข้าใจแขกนะ

เอาเป็นว่า ณ ราคานี้ มาดูต่อกันว่า ในยุค หมดตัวเล่น tcb ราคา 25 บาท อีก 6 เดือน ถึง 1 ปีราคาเท่าไร

หมายเหตุผมไม่มีหุ้นตัวนี้ ไม่ใช่ไม่อยากซื้อ แต่เงินกำลังทำเงินอยู่ในหุ้นอีกตัว

ถ้าจะถามว่า หุ้นตัวไหน ที่กำไร ดี และ pe ต่ำ ประกอบกับแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ต้องโตในนาคต

ตัวไหนหละที่ดี พร้อมมากกว่า tcb บอกมาซัก 1 ตัว

ผมไม่เชื่อว่ามีนะ

draco รึปล่าวพี่ อิอิ  :lol:

draco กับ tcb ก็ลองมาดูกันว่าต่อไปเป็นไง

บางทีก็เทียบกันยากเด้อ

แต่พี่แต่งกับ draco นะ

แต่แอบรัก tcb คงมีโอกาสแวะเวียน ไปหาบ้าง ตามกาล

ปัจจัยเสี่ยง
วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต คาร์บอนแบล็ค คือ carbon black feed stock oil(CBFO) ซึ่งต้องนำเข้าคิดเป็น 90-95% ของต้นทุนวัตถุดิบทั้งหมด ราคา CBFO นั้นใกล้เคียงกับราคาดิบและน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นตามไปด้วย

ดีพร้อมต้องแม่เค้าครับพี่เจ๋ง TR

ผมส่ง prg เข้าประกวดก็แล้วกัน พี่เจ๋งวิจาร์ณด้วย

ติดหนึ่งในห้าบริษัทยอดเยี่ยมเมืองไทย ที่มาร์เกตแค้ปไม่ถึงพันล้านยูเอส

อาทิตย์หน้าถ้าแข็งกว่าตลาด  จะซื้อมาประดับพอร์ตซักร้อยหุ้น  :lol:  :lol:

คุณ wj

prg

กำไรไม่สม่ำเสมอ กำไรสุทธิ 151.62  183.17  67.17  193.28  143.66  

pe ก็สูง 10.88

ดู tcb ซิ กำไรโตตลอด กำไรสุทธิ 659.46  931.79  887.26  633.76  541.36  

แถม pe ยังต่ำ 5.85

คุณ wattae
ถ้า CBFO สูงขึ้น แล้วทำให้ TCB กำไรน้อยลง ก็น่าจะใช่ครับ

อย่างไรก็ตามเคยไป visit company นานแล้ว เห็นผู้บริหารตอบว่า ราคา CBFO คนะล demand supply กับ น้ำมัน

คือดูเหมือนไปด้วยกัน ว่า น้ำมันแพง CBFO ก็ต้องแพง แต่ ผู้บริหารตอบว่า อาจจะไม่เสมอไป ราคา CBFO ก็คือราคา CBFO ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับปริมาณ CBFO กับ ความต้องการ CBFO

โดยส่วนตัวไม่เชื่อผู้บริหารครับ แต่ดูจากผลงานในอดีต ที่ CBFO น่าจะแพงขึ้น เพราะน้ำมันแพงขึ้น และค่าเงินอ่อน แต่ TCB กำไรเพิ่มขึ้น

เพราะฉะนั้น ณ เวลานี้ ค่าเงินบาทแข็ง TCB ก็น่าจะกำไรเพิ่มขึ้นอีก เพราะคุณ wattae บอกว่า นำเข้า 90-95 %

ก็ลองทำการบ้านหาข้อมูลกันนะครับ

หุ้นตัวนี้ผมถือมายาวนานมาก ผลประกอบการก็ไปได้ดี ไม่ทำให้ผิดหวัง
ราคาหุ้นก็เรื่อยๆมาเรียงๆ  (หลังจากเคยมีใครเอาไปปั่นเล่นเื่มื่อสักสามปีก่อน)

วันไปสัมมนา bizmodel กับพี่มน ก็เจอคุณพี่ผู้หญิงคนนึงที่ถือ TCB มานานพอกัน  ได้นั่งคุยกัน เชียร์ TCB กันไปกันมา

หุ้นมันตอนนี้ราคาต่ำดีจริงๆ นั่นหละ  แต่ไม่รู้จะมีตัวเร่งราคาหุ้นเ้ข้ามาเมื่อไร
เรื่องจะหวังปันผลเยอะๆ ก็คงยาก

ขอปักหมุดติดตามผลด้วยคนครับ อีกหนึ่งปีจะเป็นเช่นไร  

ผมทำงานบริษัทผลิตยางร่วมทุนกับฝรั่งเศส เวลาประกาศโบนัสให้พนักงานทีจะมีคำขวัญทุกๆปีอยู่คำหนึ่งว่า "เนื่องด้วยราคาต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นแล้วก็ ........  :lol: "  ผมคาดว่า TCB สามารถที่จะผลักภาระเรื่องต้นทุนให้กับลูกค้าได้ ดูภาพรวมคร่าวๆแล้วก็ o.k. นะครับ (กำไร,ROE,ROA ,NPMและหนี้สิน) แต่ขอไปดูข้อมูลในส่วนอื่นก่อนดีกว่าแล้วค่อยว่ากันอีกที  

ตอนนี้ carbon black จากจีนเริ่มเข้ามาตีตลาดเมืองไทยแล้วนะครับถึงแม้ว่าคุณภาพอาจด้อยกว่ากันเล็กน้อยแต่ราคาก็ต่ำกว่า black ไทยระยะยาวน่ากลัวครับ (เท่าที่ทราบ black ไทยมีรายใหญ่แข่งกันอยู่ 2 ราย คือ tcb กับ tcp)

เคยได้ยินไม่รู้จริงหรือเปล่า ว่า tcb ก็ไปเปิดโรงงาน คาร์บอนแบล็คที่จีนแล้ว

ผมไม่แน่ใจว่าตัวหุ้น tcb จะเป็นหุ้นแบบในบทความของคุณ invisible hand รึป่าวในหัวข้อว่า wealth หลักของเจ้าของนะครับ

ีพี่เจ๋ง prg มีหนี้ระยะยาวน้อยมากครับ หลักสิบล้านเห็นจะได้

TCB มีการลงทุนผลิตคาร์บอนแบล๊คที่เมืองจีน กับเม็กซิโก ครับ

ข้อดีอีกอย่างคือปริมาณกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกสม่ำเสมอ ทำให้การลงทุนเพิ่มไม่สร้างหนี้กับกิจการมาก ล่าสุดก็มีข่าวว่าจะลงทุนขยายกำลังการผลิตในเมืองไทยด้วย ส่วนเรื่อง CBFS จะมีผลแน่ๆ ครับ หากต้นทุนเพิ่มขึ้น (ส่วนใหญ่ก็เพิ่มนะตามราคาน้ำมันดิบ แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่ากับน้ำมันใสอื่นๆเช่นดีเซลหรือเบนซิน) แต่ส่วนใหญ่จะมี lag time ประมาณ 1 ไตรมาสครับ

แต่ข้อเสียคือปันผลน้อยไปหน่อยครับ  :oops:

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับกับปันผลอันน้อยนิด  :roll:  ประมาณ 20% ของ EPS   ถ้าได้สัก 40 % ก็น่าจะดีขึ้นหน่อย  8)

[quote="ayethebing"]TCB มีการลงทุนผลิตคาร์บอนแบล๊คที่เมืองจีน กับเม็กซิโก ครับ
ข้อดีอีกอย่างคือปริมาณกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกสม่ำเสมอ ทำให้การลงทุนเพิ่มไม่สร้างหนี้กับกิจการมาก ล่าสุดก็มีข่าวว่าจะลงทุนขยายกำลังการผลิตในเมืองไทยด้วย ส่วนเรื่อง CBFS จะมีผลแน่ๆ ครับ หากต้นทุนเพิ่มขึ้น (ส่วนใหญ่ก็เพิ่มนะตามราคาน้ำมันดิบ แต่อาจจะไม่รุนแรงเท่ากับน้ำมันใสอื่นๆเช่นดีเซลหรือเบนซิน) แต่ส่วนใหญ่จะมี lag time ประมาณ 1 ไตรมาสครับ

แต่ข้อเสียคือปันผลน้อยไปหน่อยครับ

tcb ก็ดี .. แต่ผมชอบแม่เค้ามากกว่า

ดูผ่านๆผมก็ชอบนะ แต่ติดที่ไม่ค่อยปันผลเลย แบบนี้คนถือหุ้นก็ได้แค่กำไรใน Book Value ที่เพิ่ม แต่ดู ROE > 12% มาตลอด เจ้าของอาจจะมีเหตุผลที่ดีในการเก็บเงินไว้ก็ได้

สรุปการลงทุนของ TCB

บริษัทย่อย
- "น้องหนิง" เหลียวหนิง เบอร์ล่า คาร์บอน ผลิตคาร์บอนแบล็ค Operate แล้วครับ กำลังผลิต 55,000 ตันต่อปี
- เบอร์ลา คาร์บอน เม็กซิโก ยังไม่ได้ผลิตแต่เอาแน่ครับ แต่ไม่รู้จะประกาศเมื่อไหร่ การลงทุนเห็นว่า กำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปีครับ

บริษัทร่วม
- พีที อินโด เทกซ์ไทล์ (อินโดนีเซีย) ผลิตเส้นด้ายครับ
- อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคอล (ไทย) ผลิต epoxy resin
- อเล็กซานเดรีย ไฟเบอร์ (อียิปต์) ผลิต acrylic fiber โรงงานอยู่ติดกับ อเล็กซานเดรีย คาร์บอน แบล็คคับ ซึ่งผลิตคาร์บอนแบล็คในกลุ่ม เบอร์ล่าเหมือนกันแต่ TCB ไม่ได้ถือหุ้น

ทั้ง TCB กับ TR ปันผลหน่อมแน้มทั้งคู่ครับ  :roll:

burengnong เขียน:ผมไม่แน่ใจว่าตัวหุ้น tcb จะเป็นหุ้นแบบในบทความของคุณ invisible hand รึป่าวในหัวข้อว่า wealth หลักของเจ้าของนะครับ

ผมก็เจ้าของคนนึงเหมียนกัลลนะ 555  :lol:

เคยมองไว้ตั้งแต่กลางปี ตั้งแต่ตอนราคา 16บาทก่าๆ ดันไม่ซื้อรอต่อราคา เลยอดเลย

เพราะผมมัวแต่ถือคติ เจองู เจอแขก ตีหัวแขกก่อน 555

เลยไม่ได้ซื้อไว้เลย สงสัยต้องตีหัวตัวเองเสียก่อนแล้ว

Symbol TCB  
 Headline อนุมัติขยายกำลังการผลิต  
 Date/Time 17 Oct 2007 09:11:00  
 
 
 
 ทีซีบี 055/2007

                                                                                วันที่ 16 ตุลาคม 2550



เรื่อง    แจ้งมติคณะกรรมการ - อนุมัติขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ



เรียน      กรรมการและผู้จัดการ

             ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย



              ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550
ได้มีมติให้บริษัทลงทุนเพื่อเพิ่มสายการผลิตที่ 6 เพื่อผลิตคาร์บอนแบล็ค ดังมีรายละเอียดดังนี้



รายละเอียดการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ

1. การลงทุน   :  เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยเพิ่มสายการผลิตที่ 6
2. กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น    :    ประมาณ 75,000-80,000 ตัน ต่อปี
3. กำลังการผลิตทั้งหมด    :      ประมาณ 280,000-285,000 ตันต่อปี (หลังจากขยายการผลิตแล้ว)
4. เริ่มผลิต    :         บริษัทจะเริ่มผลิตในสายการผลิตที่ 6 ได้ประมาณเดือนธันวาคม 2551
5. มูลค่าโครงการลงทุน  :    ประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะลงทุนในค่าใช้จ่ายลงทุนและเงินหมุนเวียน
6.แหล่งเงินทุน    :    เงินทุนเกือบทั้งหมดมาจากเงินสะสมของบริษัทฯ
7. เหตุผล   :    เพื่อสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ
8. ผลประโยชน์ที่จะได้รับ   :    เพื่อจะได้มีส่วนแบ่งการตลาดและกำไรที่เพิ่มขึ้น

.ความเห็นของคณะกรรมการบริษัท

               คณะกรรมการของบริษัทฯมีความเห็นชอบให้บริษัทขยายกำลังการผลิต เพื่อความก้าวหน้า
ในธุรกิจคาร์บอนแบล็ค โดยเพิ่มสายการผลิตที่ 6 เพื่อจะได้มีส่วนแบ่งการตลาดและกำไรที่เพิ่มขึ้น
       

                จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

                                                               ขอแสดงความนับถือ



                                                            (นายซับบารามาน  ศรินิวสัน)
                                                               ประธานบริษัทฯ


..............................................

ขยายกำลังการผลิต อีก 75000-80000 ของเดิม 205000

แสดงว่าขยายงานเพิ่มอีก 36.58 % -39.02 %

โดยไม่ต้องเพิ่มทุน

ว๊าว วันนี้ราคาลงมาตั้งเยอะ เหลือ 24.40 pe เหลือเท่าไรกันนี่

หุ้นที่โตชัดเจน โตแน่ๆ กำไรเดิมก็โตตลอด และ pe ก็ยังต่ำ

โอย น่าสนใจจริงๆ

cryptonian_man เขียน:เคยมองไว้ตั้งแต่กลางปี ตั้งแต่ตอนราคา 16บาทก่าๆ ดันไม่ซื้อรอต่อราคา เลยอดเลย

เพราะผมมัวแต่ถือคติ เจองู เจอแขก ตีหัวแขกก่อน 555

เลยไม่ได้ซื้อไว้เลย สงสัยต้องตีหัวตัวเองเสียก่อนแล้ว

ผมมีอคติคล้ายๆกัน  :twisted:  แย่จังเรา

1.   MERRILL LYNCH,PIERCE,FENNER & SMITH INC.  695,200 45.58 0.23  

2.   MR.MITSUTOSHI TAURA  111,000 7.28 0.04  

3.   CLARIDEN LEU AG  100,000 6.56 0.03  

4.   KIM ENG SECURITIES PTE. LTD.  90,900 5.96 0.03  

5.   MR.PETER JOHN EDMONDSON  80,000 5.25 0.03  

6.   MR.RAJ KUMAR LOHIA  50,600 3.32 0.02  

7.   MR.ADRIAN RICHARD HOWARD DUNN  40,000 2.62 0.01  

8.   MR.HITOSHI SAGESAKA  23,500 1.54 0.01  

9.   MR.TOSHIFUMI HANAI  20,000 1.31 0.01  

10.   MR.BRENT LEE BARGMANN  20,000 1.31 0.01  

11.   MR.UDAI CHAND GUNECHA  20,000 1.31 0.01  

12.   MRS.AGRAWAL, USHA  19,600 1.29 0.01  

13.   MR.RALPH PETER GANZER  16,000 1.05 0.01  

14.   MR.SUSUMU MIYASHITA  15,000 0.98 0.00  

15.   MR.KAPOOR MANJUL KUMAR  15,000 0.98 0.00  

16.   OCBC SECURITIES PRIVATE LIMITED.  15,000 0.98 0.00  

17.   MR.KIRPAL SINGH  15,000 0.98 0.00  

18.   MR.KHIEW KEAT THAM  14,000 0.92 0.00  

19.   น.ส.อุมาพร เดชาวิจิตร  10,000 0.66 0.00  

20.   UOB KAY HIAN PRIVATE LIMITED  10,000 0.66 0.00  

21.   MR.DAVID MATTHEW BRODERICK  10,000 0.66 0.00  

22.   MR.NIRMAL KUMAR DALAN  10,000 0.66 0.00  

23.   MRS.CHEN SU RUAY- FEN  10,000 0.66 0.00  

24.   MR.HANS - ULRICH KESSLER  10,000 0.66 0.00  

25.   MR.BEAT GOTZ  10,000 0.66 0.00  

26.   MR.VINAY KUMAR VERMA  8,750 0.57 0.00  

http://www.set.or.th/set/nvdr/nvdrholder.do

สรุปได้ว่า หุ้นอย่าง tcb หากลงมาซัก 20 บาท ก็ซื้อๆไปเถิด เดี่ยวก็กำไร

book 21

กำไรโตตลอด 5 ปี ขึ้นไป

และมีสัญญานโตชัดเจนคือขยายกำลังการผลิต

ปีนี้บอกว่ากำไรโตกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย มองให้แย่สุด คือ กำไรเท่าปีที่แล้วละกัน

ปีที่แล้วกำไร 3.11 ราคา 20 บาท ก็ pe 6.43

แต่หากว่ากำไรเล็กน้อย ที่ผู้บริหารประกาศไว้ คือ กำไรเพิ่มขึ้นมหาศาล

แต่เล็กน้อยสำหรับเค๊า อิอิ ก็มาติดตามกัน

สมัยนี้ข่าวเชื่อยากจริงๆ

จำได้แม่นๆ สมัยก่อน pttep บอกว่า หากขุดไม่เจอ จะขาดทุน โห หุ้นลงเอา ลงเอา แล้วมาซักพัก ก็บอกว่า ขุดเจอ หลุมใหญ่มาก ก๊าซเยอะมาก

การขุดเจอหลุมใหญ่มาก มีสองประเด็น คือเจอปั๊บประกาศปุ๊บ หรือ เจอปุ๊บ อุบไว้ก่อน แล้วรอให้หุ้นลงเยอะๆ ค่อยประกาศ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าประเด็นไหน

ใครพูดอะไรกัน ก็รับผิดชอบกันเองเด้อ

อยากทราบเหตุผล ของที่คิดว่า ตัวแม่ดีกว่า ครับ

และ ก้อยากทราบเหตุผลของ คนที่ว่าตัวลูกดีกว่าด้วยครับ

ส่วนของผม  ผมแอบเทใจให้ตัวลูกนะ เพราะปีหน้ามีการเพิ่มกำลังการผลิต
แถม บริษัทก็ติดอันดับของFrobe ด้วย

อืม แม่ lst ยังรักลูก upoic เลย ทำไมแม่ tr ทำเช่นนี้