หรือหุ้นไทยจะทะลุ 1000 !!!
โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 15, 2007 10:24 pm
ญี่ปุ่นแห่เปิดบัญชีซื้อหุ้นไทย
โพสต์ทูเดย์ นักลงทุนญี่ปุ่นแห่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่าน บล.ยูไนเต็ด พันบัญชี สภาพคล่องล้น-เยนแครี่เทรดหนุนเงินไหลเข้าเอเชียต่อ ญี่ปุ่น ซื้อกิจการไทยเพิ่ม
นายเจเรมี เหลียว กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูไนเต็ด (US) กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้ารายย่อยชาวญี่ปุ่นมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทแล้วจำนวน 1 พันบัญชี ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเพิ่งเริ่มทำการตลาดเมื่อเดือน มิ.ย. 2549 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตสัดส่วนของผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นจะมีความสำคัญต่อธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของบริษัทอย่างมาก
กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า สาเหตุ ที่ทำให้ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงในการลงทุน แต่ถือว่าจะสร้างผลตอบแทนสูงสุดด้วย
ไพบูลย์
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่า ภาวะการกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นที่มีต้นทุนต่ำเพื่อนำไปลงทุนต่อ (เยนแครี่เทรด) นั้นเชื่อว่าจะยังคงมีต่อไป เพราะธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำที่สุด ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ รวมถึงตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์นี้ด้วย
นอกจากนี้เชื่อว่าจะมีทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาซื้อกิจการในไทยเพิ่ม โดยธุรกิจที่อยู่ในความสนใจของทุนญี่ปุ่นประกอบด้วยธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นันแบงก์) ประกันภัย ธุรกิจบัตรเครดิต เป็นต้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เช่นการเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท แคปปิตอล โอเค ของกลุ่มโอริกซ์จากประเทศญี่ปุ่น สาเหตุเป็นเพราะปัญหาสภาพคล่องที่ล้นโลกอยู่ในปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ลงทุนสถาบันต้องหาแหล่งลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนสูงที่สุด ขณะที่การจะหาผลตอบแทนจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างเช่นสหรัฐ ยุโรป หรือในประเทศญี่ปุ่น ทำได้ยากขึ้น
ทุนที่เคลื่อนย้ายทุกวันนี้เป็นเพราะสภาพคล่องที่มันล้นโลกอยู่ จะเห็นได้ว่าพอปัญหาซับไพรม์เกิดความชัดเจนขึ้นไม่ทันไร หุ้นต่างๆ ก็กลับมาทำสถิติสูงสุดอีก และขึ้นมาสู่ระดับก่อนเกิดซับไพรม์ในเวลาอันรวดเร็ว สภาพคล่องที่ล้นโลกทำให้คนต้องหาแหล่งสร้างผลตอบแทนที่ดี ขณะที่ผลตอบแทนในประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นหรือสหรัฐก็สู้ไทยไม่ได้ นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่น่าลงทุนอย่างมาก โดยคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ประมาณ 20% โดยได้นับรวมกลุ่มการเงินและธนาคารด้วย หากไม่รวมธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตในอัตรา 15%
การขยายตัวที่สูง เพราะเทียบฐานกำไรที่ต่ำในปี 2550 ซึ่งคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะติดลบถึง 8% ปี 2550 เป็นปีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองกันมาก แต่ปีหน้าทุกอย่างจะดีขึ้น โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งจะขจัดปัญหาการเมืองออกไป ทำให้มีการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวที่ดี
โพสต์ทูเดย์ นักลงทุนญี่ปุ่นแห่เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่าน บล.ยูไนเต็ด พันบัญชี สภาพคล่องล้น-เยนแครี่เทรดหนุนเงินไหลเข้าเอเชียต่อ ญี่ปุ่น ซื้อกิจการไทยเพิ่ม
นายเจเรมี เหลียว กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูไนเต็ด (US) กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้ารายย่อยชาวญี่ปุ่นมาเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านบริษัทแล้วจำนวน 1 พันบัญชี ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเพิ่งเริ่มทำการตลาดเมื่อเดือน มิ.ย. 2549 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในอนาคตสัดส่วนของผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นจะมีความสำคัญต่อธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ของบริษัทอย่างมาก
กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า สาเหตุ ที่ทำให้ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงในการลงทุน แต่ถือว่าจะสร้างผลตอบแทนสูงสุดด้วย
ไพบูลย์
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่า ภาวะการกู้เงินจากประเทศญี่ปุ่นที่มีต้นทุนต่ำเพื่อนำไปลงทุนต่อ (เยนแครี่เทรด) นั้นเชื่อว่าจะยังคงมีต่อไป เพราะธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศที่มีต้นทุนดอกเบี้ยต่ำที่สุด ทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ รวมถึงตลาดหุ้นไทยจะได้รับอานิสงส์นี้ด้วย
นอกจากนี้เชื่อว่าจะมีทุนจากญี่ปุ่นเข้ามาซื้อกิจการในไทยเพิ่ม โดยธุรกิจที่อยู่ในความสนใจของทุนญี่ปุ่นประกอบด้วยธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นันแบงก์) ประกันภัย ธุรกิจบัตรเครดิต เป็นต้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก เช่นการเข้ามาซื้อหุ้นบริษัท แคปปิตอล โอเค ของกลุ่มโอริกซ์จากประเทศญี่ปุ่น สาเหตุเป็นเพราะปัญหาสภาพคล่องที่ล้นโลกอยู่ในปัจจุบันนี้ ทำให้ผู้จัดการกองทุนหรือผู้ลงทุนสถาบันต้องหาแหล่งลงทุนที่จะสร้างผลตอบแทนสูงที่สุด ขณะที่การจะหาผลตอบแทนจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างเช่นสหรัฐ ยุโรป หรือในประเทศญี่ปุ่น ทำได้ยากขึ้น
ทุนที่เคลื่อนย้ายทุกวันนี้เป็นเพราะสภาพคล่องที่มันล้นโลกอยู่ จะเห็นได้ว่าพอปัญหาซับไพรม์เกิดความชัดเจนขึ้นไม่ทันไร หุ้นต่างๆ ก็กลับมาทำสถิติสูงสุดอีก และขึ้นมาสู่ระดับก่อนเกิดซับไพรม์ในเวลาอันรวดเร็ว สภาพคล่องที่ล้นโลกทำให้คนต้องหาแหล่งสร้างผลตอบแทนที่ดี ขณะที่ผลตอบแทนในประเทศพัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่นหรือสหรัฐก็สู้ไทยไม่ได้ นายไพบูลย์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นประเทศที่น่าลงทุนอย่างมาก โดยคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะเติบโตสูงที่สุดในภูมิภาคนี้ประมาณ 20% โดยได้นับรวมกลุ่มการเงินและธนาคารด้วย หากไม่รวมธุรกิจดังกล่าวจะเติบโตในอัตรา 15%
การขยายตัวที่สูง เพราะเทียบฐานกำไรที่ต่ำในปี 2550 ซึ่งคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะติดลบถึง 8% ปี 2550 เป็นปีที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรองกันมาก แต่ปีหน้าทุกอย่างจะดีขึ้น โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งจะขจัดปัญหาการเมืองออกไป ทำให้มีการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวที่ดี