Thai VI

ขอออกตัวก่อนนะว่าเพิ่งหัดลงทุน มาได้ เดือนกว่าละ การลงทุนแบบ VI นี่ยากมากเลย ผมแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรก ช่วงซื้อ ผมว่าไม่ยาก รอมันลงมาราคาที่เราพอใจก็ซื้อไว้ ขั้นที่2 ช่วงขาย ผมว่าก็ไม่ยาก รอมันขึ้นไปสัก 10 % ก็ขายหรือ 2-3% ขายให้ได้กำไรใครๆก็ทำได้  แต่ขั้นที่3 ช่วงถือ นี่ทำไงให้เราเชื่อมั่นในหุ้นที่เราวิเคราะห์มา ตอนหุ้นขึ้นก็ไม่ขาย ต้อนหุ้นลงก็ซื้อเพิ่มนี่ทำยากมาก คันมือ เห็นว่ามันได้สัก 5% ก็เยอะแล้วรีบขาย ตอนมันตกเกิน 5 % ก็รีบขาย ยากเนอะที่จะถือไว้ เมื่อไหร่ผมจะปรับตัวให้สามารถ ถือมันไว้ได้นาน เหมือนเป็นธุรกิจตัวเอง เหอๆๆ

boy2t เขียน:ขอออกตัวก่อนนะว่าเพิ่งหัดลงทุน มาได้ เดือนกว่าละ การลงทุนแบบ VI นี่ยากมากเลย ผมแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรก ช่วงซื้อ ผมว่าไม่ยาก รอมันลงมาราคาที่เราพอใจก็ซื้อไว้ ขั้นที่2 ช่วงขาย ผมว่าก็ไม่ยาก รอมันขึ้นไปสัก 10 % ก็ขายหรือ 2-3% ขายให้ได้กำไรใครๆก็ทำได้  แต่ขั้นที่3 ช่วงถือ นี่ทำไงให้เราเชื่อมั่นในหุ้นที่เราวิเคราะห์มา ตอนหุ้นขึ้นก็ไม่ขาย ต้อนหุ้นลงก็ซื้อเพิ่มนี่ทำยากมาก คันมือ เห็นว่ามันได้สัก 5% ก็เยอะแล้วรีบขาย ตอนมันตกเกิน 5 % ก็รีบขาย ยากเนอะที่จะถือไว้ เมื่อไหร่ผมจะปรับตัวให้สามารถ ถือมันไว้ได้นาน เหมือนเป็นธุรกิจตัวเอง เหอๆๆ

ผมว่าที่ยากกว่าน่าจะเป็นการ หามูลค่าที่แท้จริงมากกว่ามั้งครับ ยิ่งหาได้แม่นยำเท่าไหร่ ทุกอย่างจะง่ายมากๆทั้งการ ซื้อ ถือ และ ขาย

ก็ถ้าเรามีหุ้นอยู่ ตอนนี้ ราคา 1 บาทแต่มันควรจะเป็น 100 บาท ทำไมเราจะทนถือให้มันไป 100 บาทไม่ได้จริงมั้ยครับ

เหมือนเราเพิ่งเริ่มเรียนน่ะครับ 3^4 มันยังยากเลย
แต่เดี๋ยวพอศึกษาซักพักทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
มันจะเป็นflow ง่ายๆ

ที่อ่านมา ผมอยากให้คุณ boy2t ปรับแนวคิดก่อน
ตอนนี้ที่ไม่มั่นใจเป็นเพราะ อาจยังตีมูลค่าหุ้นไม่ชัดหรือเปล่าครับ

ถ้าเรารู้ว่า หุ้น มูลค่า 10 บาท
ซื้อมาได้ที่ 5 บาท ต่อให้มันขึ้นมาแล้ว 40% เป็น 7 บาท
เราก็ยังมีโอกาสกำไรเพิ่มขึ้นอีกต้ง เกือบ 3/7 หรือ อีกตั้ง 43% นะ
เห็นไหมครับ พอเราตีมูลค่าหุ้นได้แล้วเราจะสบายใจมากขึ้น
ถือหุ้นได้มั่นใจมากขึ้น

ช่วงแรกอาจไม่มั่นใจในตัวเอง ผมว่าเป็นทุกคนนะ
ต้องใจเย็นๆ ให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ ผิดบ้างถูกบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
ช่วงแรก ขอให้หุ้นถูกสัก 6 จาก 10 ตัวก็ใช้ได้แล้วนะ
แต่ เราต้องเอาประสบการณ์ ที่เราลงทุน มาพัฒนาเรื่อยๆ
ผมเชื่อว่าคุณ boy2t จะสามารถ ทำให้เป็น 7/10  หรือ 8/10 หรือแม้กระทั่ง 9/10 ได้
ซึ่งการที่จะได้มาตรงนั้นคงต้องใช้เวลา และการพินิจพิเคราะห์ทั้งจุดที่เราทำถูก (ต้องทำต่อไป) และผิด (หาทางแก้ไข หรือ ไม่ทำความผิดพลาดอย่างเดิม)
อย่าเพิ่งยอมแพ้ และขอให้โชคดีนะครับ
เจอเส้นทางเป็นถนนราดยางแล้วแล้วอย่ายอมแพ้แค่เพราะต้นไม้มันรกที่ต้นทาง

[quote="sunrise"]เหมือนเราเพิ่งเริ่มเรียนน่ะครับ 3^4 มันยังยากเลย
แต่เดี๋ยวพอศึกษาซักพักทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
มันจะเป็นflow ง่ายๆ

ที่อ่านมา ผมอยากให้คุณ boy2t ปรับแนวคิดก่อน
ตอนนี้ที่ไม่มั่นใจเป็นเพราะ อาจยังตีมูลค่าหุ้นไม่ชัดหรือเปล่าครับ

ถ้าเรารู้ว่า หุ้น มูลค่า 10 บาท
ซื้อมาได้ที่ 5 บาท ต่อให้มันขึ้นมาแล้ว 40% เป็น 7 บาท
เราก็ยังมีโอกาสกำไรเพิ่มขึ้นอีกต้ง เกือบ 3/7 หรือ อีกตั้ง 43% นะ
เห็นไหมครับ พอเราตีมูลค่าหุ้นได้แล้วเราจะสบายใจมากขึ้น
ถือหุ้นได้มั่นใจมากขึ้น

ช่วงแรกอาจไม่มั่นใจในตัวเอง ผมว่าเป็นทุกคนนะ
ต้องใจเย็นๆ ให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ ผิดบ้างถูกบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
ช่วงแรก ขอให้หุ้นถูกสัก 6 จาก 10 ตัวก็ใช้ได้แล้วนะ
แต่ เราต้องเอาประสบการณ์ ที่เราลงทุน มาพัฒนาเรื่อยๆ
ผมเชื่อว่าคุณ boy2t จะสามารถ ทำให้เป็น 7/10

[quote="boy2t"]ขอออกตัวก่อนนะว่าเพิ่งหัดลงทุน มาได้ เดือนกว่าละ การลงทุนแบบ VI นี่ยากมากเลย ผมแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรก ช่วงซื้อ ผมว่าไม่ยาก รอมันลงมาราคาที่เราพอใจก็ซื้อไว้ ขั้นที่2 ช่วงขาย ผมว่าก็ไม่ยาก รอมันขึ้นไปสัก 10 % ก็ขายหรือ 2-3% ขายให้ได้กำไรใครๆก็ทำได้

ผมอยากให้คุณเจ้าของกระทู้เล่นตามที่อยากจะเล่นด้วยเงินน้อยๆก่อนในช่วงแรกครับ อย่าเพิ่งมาเป็น VI เลย มันเหมือนยังไม่ได้ลองของอ่ะครับ มันจะสงสัยในวิธีการต่างๆอยู่เยอะแยะ ลองไปเถอะครับ หลายๆแบบ แล้วค่อยหาว่าอะไรเหมาะกับเรา

ป.ล. ช่วงแรกอย่าเล่นโดยใช้เงินเกินครึ่งนึงนะครับ จริงๆผมว่าไม่เกิน 25% ก็โอแล้ว

ไม่เห็นยากเลย ยิ่งศึกษาจะรู้ว่า ยิ่งง่ายครับ

แต่ผลตอบแทนจะเท่าไหร่นั้นก็แล้วแต่เรา ปีนี้ผมได้มากกว่า 30% ในหุ้นที่ซื้อหลายตัว แต่ต้องจำใจขายเลยไม่ได้ถือยาวๆต่อ ขายหมูซะงั้น

ที่ยาก คือ เวลาหุ้นมันขึ้นทั้งตลาด เเต่ของเราไม่ไปไหน
 

สำหรับผมความยากอยู่ที่ 2 ร
1 รอที่จะซื้อ
2 รอที่จะขาย

หลังการวิเคราะห์แล้วนะครับ

มีปัญหาตรงไหน แก้ตรงนั้น

เช่น ถือไม่ค่อยทน

ก็ลองดูว่าถือไม่ค่อยทนเพราะอะไร

เช่น

1. ถ้ามันขึ้น ก็อยากขาย เพราะอะไร

2. ถ้ามันลง ก็อยากขาย เพราะอะไร

อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการซือขาย พื้นฐาน ความโลภ ความกลัว

มีปัญหาตรงไหน แก้ตรงนั้นครับ เรื่องยาก จะค่อยๆกลายเป็นเรื่องง่าย

ยกตัวอย่าง ซื้อหุ้นตัวนึง ศึกษามาอย่างดี คิดว่า ราคานี้ถูกกว่าพื้นฐาน และคิดว่าอนาคตอีกไม่นานเมื่อประกาศผลประกอบการ ผลประกอบการจะออกมาดีมาก และราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้น ก็เลยซื้อไว้ กะจะถือไว้

ต่อมา ราคาหุ้นที่ซื้อไว้ ไม่ค่อยไปไหนเลย

และเมื่อหันไปมองหุ้นตัวอื่น ที่เคยคิดว่า ดี แต่ก็ มีความเสี่ยง และในใจก็คิดว่าน่าจะขึ้น พอเห็นว่าราคาหุ้นวิ่งขึ้น ก็เกิดความเสียดาย

และคิดกลับไปกลับมา ว่า ขายตัวแรก ไปซื้อตัวที่สองก่อนดีหรือเปล่า

สรุปว่า การซื้อขายบ่อยๆ เกิดจากความพยายามของเราเอง ที่คิดแล้วคิดอีก เรื่องซื้อ ขาย ผลของการคิดอยู่เรื่อย ๆ ก็ออกมาเป็นการกระทำ อยู่เรื่อยๆ ก็คือซื้อขายบ่อยๆ

ถามว่าผิดหรือไม่ ซื้อขายบ่อยๆ คงไม่ผิด หากตั้งใจอยู่แล้ว

แต่ถ้าหากตั้งใจจะถือ ไม่ยากหรอก แค่ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ซื้อ แล้วถือ ราคาก็ไม่ต้องดู หรือดูก็ไม่ต้องไปคิดมาก เท่านี้ เราก็ไม่ต้องซื้อขายบ่อยๆ

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะต้อง

(1) เลือกหุ้นที่ดีๆ มี growth สูงๆ
(2) อดทนรอราคาซื้อที่เหมาะสม
(3) ลุยซื้อ
(4) exit หรือ cut loss ถ้าตัดสินใจพลาด
(5) อดทนรอกำไรที่จะได้รับ
(6) ปรับปรุงพอร์ตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

ความคิดดีๆเต็มกระทู้เลยอ่ะ  :D

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้นะครับ
ผมก็เป็นเหมือนกัน

ก็เลยต้อง ฝึก"วินัยทางอารมณ์" และ "ความรู้&เข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุน"ให้มากๆนะครับ

โชคดีในการลงทุนครับผม  :lol:

ขอออกตัวก่อนนะว่าเพิ่งหัดลงทุน มาได้ เดือนกว่าละ การลงทุนแบบ VI นี่ยากมากเลย ผมแบ่งเป็น 3 ขั้น ขั้นแรก ช่วงซื้อ ผมว่าไม่ยาก รอมันลงมาราคาที่เราพอใจก็ซื้อไว้ ขั้นที่2 ช่วงขาย ผมว่าก็ไม่ยาก รอมันขึ้นไปสัก 10 % ก็ขายหรือ 2-3% ขายให้ได้กำไรใครๆก็ทำได้  แต่ขั้นที่3 ช่วงถือ นี่ทำไงให้เราเชื่อมั่นในหุ้นที่เราวิเคราะห์มา ตอนหุ้นขึ้นก็ไม่ขาย ต้อนหุ้นลงก็ซื้อเพิ่มนี่ทำยากมาก คันมือ เห็นว่ามันได้สัก 5% ก็เยอะแล้วรีบขาย ตอนมันตกเกิน 5 % ก็รีบขาย ยากเนอะที่จะถือไว้

น่าจะเข้าใจความหมายอะไร  คลาดเคลื่อนครับ
ช่วงซื้อ
ช่วงถือ
ช่วงขาย

แล้วการเลือกอุตสาหกรรมเลือกหุ้น
กรองงบการเงินต้องทำก่อนซื้อครับ
สงสัยชอบเรียนลัดเน๊อะ

แวะมาแซว

Jeng เขียน:มีปัญหาตรงไหน แก้ตรงนั้น

เช่น ถือไม่ค่อยทน

ก็ลองดูว่าถือไม่ค่อยทนเพราะอะไร

เช่น

1. ถ้ามันขึ้น ก็อยากขาย เพราะอะไร

2. ถ้ามันลง ก็อยากขาย เพราะอะไร

อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการซือขาย พื้นฐาน ความโลภ ความกลัว

มีปัญหาตรงไหน แก้ตรงนั้นครับ เรื่องยาก จะค่อยๆกลายเป็นเรื่องง่าย

ยกตัวอย่าง ซื้อหุ้นตัวนึง ศึกษามาอย่างดี คิดว่า ราคานี้ถูกกว่าพื้นฐาน และคิดว่าอนาคตอีกไม่นานเมื่อประกาศผลประกอบการ ผลประกอบการจะออกมาดีมาก และราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้น ก็เลยซื้อไว้ กะจะถือไว้

ต่อมา ราคาหุ้นที่ซื้อไว้ ไม่ค่อยไปไหนเลย

และเมื่อหันไปมองหุ้นตัวอื่น ที่เคยคิดว่า ดี แต่ก็ มีความเสี่ยง และในใจก็คิดว่าน่าจะขึ้น พอเห็นว่าราคาหุ้นวิ่งขึ้น ก็เกิดความเสียดาย

และคิดกลับไปกลับมา ว่า ขายตัวแรก ไปซื้อตัวที่สองก่อนดีหรือเปล่า

สรุปว่า การซื้อขายบ่อยๆ เกิดจากความพยายามของเราเอง ที่คิดแล้วคิดอีก เรื่องซื้อ ขาย ผลของการคิดอยู่เรื่อย ๆ ก็ออกมาเป็นการกระทำ อยู่เรื่อยๆ ก็คือซื้อขายบ่อยๆ

ถามว่าผิดหรือไม่ ซื้อขายบ่อยๆ คงไม่ผิด หากตั้งใจอยู่แล้ว

แต่ถ้าหากตั้งใจจะถือ ไม่ยากหรอก แค่ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ซื้อ แล้วถือ ราคาก็ไม่ต้องดู หรือดูก็ไม่ต้องไปคิดมาก เท่านี้ เราก็ไม่ต้องซื้อขายบ่อยๆ

ขอบคุณพี่เจ๋ง ครับ

ผมเองก้อประสบปัญหาไม่ทน เอ๊ย ถือไม่ทน ทั้งๆที่เลือกมาพอควร ราคาขึ้นมาพอควร ก้อห้ามใจไม่อยู่เคาะขายไว้

สงสัยต้องไปฝึกขมิบ จิตให้แข็งแรงหน่อยจะได้ทนๆ

ชักออกนอกกระทู้นะเนี่ย

ผมว่าวิธีไม่ให้ขายง่ายสุดคือไม่ดูราคาหุ้น

รองมาอย่าเข้าเว็ปโบรกเกอร์

ถ้าขั้นสูงสุด ลืมพาสเวิร์ดโบรกเกอร์ไปเลยครับ ของผมนี่ต้องจิ้ม forget password ทุกครั้งก่อนล็อคอิน

ปล. เลวร้ายกว่านี้ที่เคยเจอคือผมลืมเลขบัญชีตัวเอง(ที่ใช้ล็อคอินด้วย) ต้องไปค้นตู้เอกสารที่บ้่าน

แล้วจะเล่าประจานตัวเองทำไมเนี้ย  :oops:

ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน 555

แต่รู้อยู่อย่าง คือตอนที่ยุ่งๆกะเรื่องอื่น และไม่มีเวลาดูจอ แค่นั้นแหละ ก็ทำให้ไม่มีการซื้อขาย

Jeng เขียน:

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขอบคุณพี่เจ๋ง ครับ 

ผมเองก้อประสบปัญหาไม่ทน เอ๊ย ถือไม่ทน ทั้งๆที่เลือกมาพอควร ราคาขึ้นมาพอควร ก้อห้ามใจไม่อยู่เคาะขายไว้ 

สงสัยต้องไปฝึกขมิบ จิตให้แข็งแรงหน่อยจะได้ทนๆ 

ชักออกนอกกระทู้นะเนี่ย

ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน 555

แต่รู้อยู่อย่าง คือตอนที่ยุ่งๆกะเรื่องอื่น และไม่มีเวลาดูจอ แค่นั้นแหละ ก็ทำให้ไม่มีการซื้อขาย

แต่บางทีผมไม่มีเวลามานั่งหน้าจอแต่ไปตั้งราคาขายเล่นๆ ไว้ ไม่คิดว่ามันจะมาถึง อย่างวันนี้ ตั้ง stanly ไว้ที่ 144 เห็นเป็นราคาช่วงสุดท้ายเมื่อวาน ไม่คิดว่ามันจะมาถึง พอมาเปิดดูจอตอนเที่ยง ผงะเลย รีบขายหมูไปทำไมเนี่ย

สงสัยต้องคุมตัวเองให้มากแล้ว ผมเลยกะว่าจะล้างปอดใหม่ เริ่มใหม่เสียเลย

ผมดูราคาหุ้นแทบทุกวัน เปิดมามองสีเขียวๆในพอร์ต ยิ้มในใจแล้วก็ปิดไป

BHT เขียน:ผมดูราคาหุ้นแทบทุกวัน เปิดมามองสีเขียวๆในพอร์ต ยิ้มในใจแล้วก็ปิดไป

ดูบ่อยๆก็อยากขาย ไม่ว่าจะกอดเงินแทนหุ้นหรือว่า cut loss ก็ตาม เป็นเหมือนกันไหมค่ะ แต่พอไม่ดูก็กังวล ถ้าเขียวหมดก็ดีไป ถ้าแดงๆด่างๆ (เขียวผสมแดง) ก็อดใจไม่ไหวต้องดู

รักจะเป็น VI คงต้องมั่นใจในการบ้านที่ตัวเองทำมากกว่านี้ เฮ้อ

555 อ่านมามีแต่คนขายหมู ไหนบอกเป็น VI เหอๆๆๆ เจอสับขาหลอก ยังไม่ได้ขายสักตัวกะว่า10 % จะขาย  เขียวเอาๆ ไม่กล้าขายเลย วิดวิ้วๆ การบ้านทำยังอะก่อนจะซื้อ ไม่มีขาย จะได้ไม่ขายหมูนะ จะบอกให้

boy2t เขียน:555 อ่านมามีแต่คนขายหมู ไหนบอกเป็น VI เหอๆๆๆ เจอสับขาหลอก ยังไม่ได้ขายสักตัวกะว่า10 % จะขาย  เขียวเอาๆ ไม่กล้าขายเลย วิดวิ้วๆ การบ้านทำยังอะก่อนจะซื้อ ไม่มีขาย จะได้ไม่ขายหมูนะ จะบอกให้

อ่านดูแล้วงงๆ นะครับ vi ก็ขายหมูได้นะครับ ไม่เห็นจะแปลกอะไีรเลย ก็ถ้าเราคิดว่า หุ้นมันเกินมูลค่าที่มันควรจะเป็นแล้วก็ขาย ได้นะครับ

ขายแล้วจะขึ้นไปอีก ก็ไม่เกี่ยวว่าจะไม่ได้เป็น vi นี่ครับ

krisy เขียน: ดูบ่อยๆก็อยากขาย ไม่ว่าจะกอดเงินแทนหุ้นหรือว่า cut loss ก็ตาม เป็นเหมือนกันไหมค่ะ แต่พอไม่ดูก็กังวล ถ้าเขียวหมดก็ดีไป ถ้าแดงๆด่างๆ (เขียวผสมแดง) ก็อดใจไม่ไหวต้องดู

รักจะเป็น VI คงต้องมั่นใจในการบ้านที่ตัวเองทำมากกว่านี้ เฮ้อ

ดูทุกวันเหมือนกันครับ เห็นสีเขียวแล้วมีความสุข

แต่เห็นเขียวๆ แล้วยิ่งทำใจขายไม่ลง ยิ่งขึ้นยิ่งไม่อยากขาย

แต่เมื่อไรเห็นสีแดงโผล่มา มักทำใจไม่ได้ ขายทุกที เพราะไม่อยากให้มีสีแดงใน port

ความผิดพลาดครั้งใหญ่คือ ขาย MINT-W3 ไปเมื่อเดือน เม.ย.

ถ้าไม่ต้องเอาเงินมาใช้ ก็ปล่อยให้มันเขียวต่อไปครับ อีกอย่างก็มุมมองเปลี่ยนแล้วไม่ชอบก็ขาย

ผมไม่เคยขายหมู
เพราะหุ้นที่ซื้อไม่เคยวิ่งซะที T T

เกิดที่ใจ จบที่ใจ
แค่นั้นอ่ะ
ใครทำได้ก็ได้เลย

ผมว่าการเป็น VI นี่ กับ การขายหมู ติดดอย มันห่างกันแค่ปลายจมูกเอง มันอยู่ที่มุมมองนะ บางที่คิดว่าอย่างงั้น คือถ้าตอนที่เราวิเคราะห์ซื้อหุ้นมา ตลาดเหงาหงอย ซื้ออารายมันก็ไม่ค่อยขึ้นค่อยลง ส่วนมากมีแต่ลงไม่ค่อยมีขึ้น แต่ พอตลาดคึกคักฝรั่งเข้ามาบุก มันมีแต่ขึ้นไม่ค่อยลง ผมเลยงงว่า VI ตอนตลาดเหงาๆ จะเรียกว่าเป็นพวกติดดอยเปล่าหุ้นที่ซื้อไว้มันลงเอาๆ ถ้ามั่นใจในการวิเคราะห์ ส่วนตอนฝรั่งเข้า เห็นหุ้นที่เราซื้อไว้มันขึ้นๆเอาๆ 10% ก็แล้ว 15% ก็แล้ว ถ้าเราขายไปตอน 10% แล้วมันวิ่งไป 30% เราขายหมูเปล่า หรือถ้ามันวิ่งลงมา 8% แต่เราขายไปตอน 10% เราจะดีใจเปล่า พอดีเพิ่งหัดลงทุนในแนวนี้มาเดือนกว่าละ อย่ารำคาญผมที่ถามเพราะต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ครับ 555 เด็กใหม่หัดเป็น VI แต่ผมมั่นใจในการลงทุนแบบ VI แต่ผมอาจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมต้องทำได้ ตอนนี้หุ้นที่ถือไว้เริ่มจะ ถึงเดือนละ

แหมคุณน้องครับ ถือมา 1 เดือนเอง เพิ่งเริ่มจิงๆ เรยนะเนี่ย

VI ส่วนใหญ่ถือหุ้นแบบยาวลืมครับ  อย่างผมเนี่ย broker อาจจะไม่อยากจะข้องแวะเลยเพราะเสียค่า comm ให้เค้าปีนึงน้อยมั๊กๆ อายุเฉลี่ยของหุ้นในปอดประมาณ 5-7 ปีทั้งสิ้นครับ  

การวิเคราะห์และทำความเข้าใจกับกิจการที่ลงทุนสำคัญที่สุดกับการเป็น VI สำคัญรองลงไปคือจังหวะการซื้อและยอมตัดใจขายหากวิเคราะห์ผิด สำคัญน้อยลงไปอีกคือการขายครับ (เพราะถ้าข้อแรกถูกแล้วคุณไม่ควรต้องขายเลย)

ลองเปลี่ยนการตั้งเป้าผลตอบแทนเป็นเด้งสิครับ อย่างหุ้นขึ้นมา 30 % ก็ได้ 0.5 เด้ง รับรองนาน ๆ ได้ขายที เพราะกว่าจะได้ซักเด้งก็นานล่ะ :lol:

boy2t เขียน:ผมว่าการเป็น VI นี่ กับ การขายหมู ติดดอย มันห่างกันแค่ปลายจมูกเอง มันอยู่ที่มุมมองนะ บางที่คิดว่าอย่างงั้น คือถ้าตอนที่เราวิเคราะห์ซื้อหุ้นมา ตลาดเหงาหงอย ซื้ออารายมันก็ไม่ค่อยขึ้นค่อยลง ส่วนมากมีแต่ลงไม่ค่อยมีขึ้น แต่ พอตลาดคึกคักฝรั่งเข้ามาบุก มันมีแต่ขึ้นไม่ค่อยลง ผมเลยงงว่า VI ตอนตลาดเหงาๆ จะเรียกว่าเป็นพวกติดดอยเปล่าหุ้นที่ซื้อไว้มันลงเอาๆ ถ้ามั่นใจในการวิเคราะห์ ส่วนตอนฝรั่งเข้า เห็นหุ้นที่เราซื้อไว้มันขึ้นๆเอาๆ 10% ก็แล้ว 15% ก็แล้ว ถ้าเราขายไปตอน 10% แล้วมันวิ่งไป 30% เราขายหมูเปล่า หรือถ้ามันวิ่งลงมา 8% แต่เราขายไปตอน 10% เราจะดีใจเปล่า พอดีเพิ่งหัดลงทุนในแนวนี้มาเดือนกว่าละ อย่ารำคาญผมที่ถามเพราะต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ครับ 555 เด็กใหม่หัดเป็น VI แต่ผมมั่นใจในการลงทุนแบบ VI แต่ผมอาจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมต้องทำได้ ตอนนี้หุ้นที่ถือไว้เริ่มจะ ถึงเดือนละ

ผมว่า คุณ boy2t แปล ความหมายของคำว่า VI แปลว่่าต้องถือยาวๆ หรือป่าวครับ ผมว่าไม่น่าจะเป็นอย่างงั้นนะครับ

แต่โดยส่วนมากแล้วจะถือยาวเพราะว่า เวลาแค่ไม่กี่เดือนไม่สามารถให้ผู้บริหาร และ ตัวบริษัท ได้แสดงศักยภาพ อย่่างที่เราคิดไว้มากกว่าครับ

ส่วน ราคาแล้วในระยะยาวก็ควรจะสะท้อน ตามความสามารถของบริษัท เช่นกัน

เห็นด้วยคับว่ายาก

ปัจจุบัน ยังไม่ถึงหลังคอร์ทเลย  โดนด่าอีกต่างหาก