Thai VI

สภาวะตลาดในช่วงนี้ มีแต่ความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง ซึ่งหุ้นจะปรับตัวขึ้นต่อ หรือปรับตัวลงทันที นั้นสามารถเกิดได้ตลอดเวลา ดังนั้นการเลือกหุ้นในการลงทุนจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งจากการทำข้อมูลใน i-Concensus SET100 ในรอบใหม่นี้  จะเห็นว่า ราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ มีการปรับราคาเป้าหมายเฉลี่ยส่วนใหญ่เพิ่มมากขึ้น นับเป็น 75 หลักทรัพย์  ส่วนราคาเป้าหมายที่มีการปรับค่าลดลง มี 11 หลักทรัพย์ และ ไม่มีข้อมูล 14 หลักทรัพย์  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สถานะทางการดำเนินกำไรของบริษัท ส่วนใหญ่ ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอยู่ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และภาพรวมเศรษฐกิจที่ น่าจะดีขึ้นกว่า ในช่วง ไตรมาสที่ 2


โดยเมื่อดูข้อมูลเชิงลึกจะเห็นว่ามี ถึง 16 หลักทรัพย์ที่มีราคาเป้าหมายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 30% เมื่อเทียบกับ i-Consensus 14 Jun07  ที่ผ่านมา (หรือ 3 เดือน) ตามลำดับได้แก่  ASL, KEST, KGI, ATC, ITD, TTA, BAY, PS, QH, CCET , ASP, BANPU, ROJANA, PTTCH, PTTEP, LPN แต่อย่างไรก็ดี หุ้นบางตัวได้มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมาแล้ว หากเทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ย ดังนั้น เมื่อกรองเฉพาะหุ้นที่มีผลตอบแทนคาดหวังจากราคาหุ้นปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเป้าหมายเฉลี่ย จากหุ้นในกลุ่มที่มีการปรับเป้าสูงสุด จะเหลือเพียง หุ้นที่ยังพอมี upside gain มากกว่า 10% คือ LPN, ROJANA, CCET, QH, PS, BAY, ITD


ส่วนหุ้นที่มีราคาเป้าหมายปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีเพียง 11ตัว ได้แก่ AH, SC, SSI, TMB, GSTEEL, SAMART, PDI, VNG, HANA, THAI, GLOW

ดังนั้นหากพิจารณาหุ้น ที่จะใช้เพื่อการลงทุนในระยะกลางถึงยาว น่าจะมองถึงหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง หรือเราอาจสังเกตุ การเปลียนแปลงของราคาเป้าหมายของหุ้นในอดีตที่ผ่านมาว่ามีการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหรือเปล่า ในช่อง Last Target Average

นอกจากนี้หุ้นเหล่านี้ควรมี ผลตอบแทนคาดหวังจากราคาหุ้นปัจจุบัน เทียบกับราคาเป้าหมายเฉลี่ย ที่มากกว่า 20% ซึ่งจะได้แก่ PLE, KTB, SATTEL, BBL, SPALI, TCAP, CK, LPN, BECL, KBANK, KK, DELTA, ERAWAN, STEC, CPF, ADVANC, HMPRO, MAJOR

สามารถ downoad ตารางได้ที่ http://www.investorchart.com/index.php? ... 46&Ntype=5