Thai VI

มีให้คิดอีกแล้วครับ

เนื่องจากทุกคนนั้นมีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆที่แตกต่างกัน
เช่น บ้างคนมีความรู้ทางการแพทย์ บ้างคนมีความรู้ทางด้านโยธาสร้างได้หมด เป็นต้น

แต่เมื่อมาเริ่มการลงทุนไม่ว่าเป็นกองทุน ลงทุนด้วยตัวเอง นั้นเสมือนพวกเขาต้องทำความรู้จักสิ่งใหม่สิ่งนี้ก่อน ต้องมีการซื้อหนังสือ หรือลงมือปฏิบัติใหม่อีกครั้งหนึ่ง เท่ากับทุกคนเริ่มต้นนับ 1 ใหม่เหมือนกัน ใช่ไหม

คำว่าเริ่มต้นในที่นี้คือ แบบว่าคนๆนั้นไม่มีความรู้อะไรมากก่อนเลย ถามการลงทุนคืออะไร เขาตอบได้เลยว่า ไม่รู้จัก มันหมายความว่าไง หรือไม่ก็ลงทุนไปแล้วได้ปีละเท่าไร กี่เปอร์เซ็นต์ต่อปีทำนองนี้

นับหนึ่งจากคำว่าการลงทุน...แต่ไม่ได้นับหนึ่งจากการเอาตัวรอด

แฮะๆ...ไม่เข้าใจสิ่งที่คุณอัศจรรย์กำลังจะสื่อให้เห็นจริงๆ ครับ

...ขอใหม่ได้ปะครับ

เขียนไว้ชัดเจนแล้ว

เปลี่ยนสนามรบจากเดิมที่อยู่ในความรู้ของพวกเราเอง
มาสู่สนามรบที่เรียกว่าการลงทุนนั้น คือสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิงทั้งหมด ความรู้ที่มีมาหรือวิธีปฏิบัติ ต้องทำการศึกษาใหม่ บ่มเพาะใหม่ทั้งหมดไม่ใช่หรือ

เมื่อลงสนามรบคือ นับ 1 แต่การเอาตัวรอดนั้นไม่ใช่การนับหนึ่ง
นั้นคือ อาจจะอยู่ที่ 100 1000 หรือไม่มีการเอาตัวรอด คือ Game Over ไปเลย สำหรับบ้างท่าน

เมื่อปรับตัวได้นั้นคืออะไร (อาจจะเป็นคำถามต่อไปที่ให้คิดกันครับ)

ถ้าคิดได้แบบนี้แล้ว บ้างครั้งอาจจะทำให้อะไรหลายอย่างดีขึ้นน่าครับ
เพราะทุกคนเคยนับหนึ่งเหมือนกันมาหมดแล้ว ไม่ว่าผม พี่พอใจ คุณโยโย่ พี่นริศ พี่สุมาอี้ เป็นต้น แล้วคุณเมือนับหนึ่งแล้ว คุณหาทางอยู่รอดในสงครามนี้หรือเปล่า

คำถามดีๆมันมีค่ามากกว่าคำตอบหลายล้านคำตอบ

เริ่ม Get ขึ้นมาอีกนิ๊ด
แต่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจตรงกันหรือเปล่า (ไม่ซีเรียสสักเท่าไร)

อาจจะไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ใหม่ เพราะทุกอย่างยังคงเดิม ยกเว้นกติกา

ไม่เหมือนเดิมน่าครับ
เช่น คุณหมอ เป็นต้น มีความรู้ในเรื่องการรักษาคนไข้
การรักษาอาการเจ็บปวดต่างๆ ชื่อโรคต่างๆ กล้ามเนื้อต่างๆ ลักษณะของโรคที่คนไข้เป็นไปได้

กับการลงทุน ซึ่งเป็นเกี่ยวกับเรื่องของ ธุรกิจ งบการเงิน การตรวจสอบ
การเปิดปิดของตลาดหุ้น โบรกเกอร์ กฏ-กติกาต่างๆ พวกนี้มันคงละอย่างกันเลย ซึ่งเหล่านี้เปิดตำราการลงทุนไม่ใช่วันสองวันในการศึกษาหมด แถมเมื่อศึกษาเสร็จ มีการปฏิบัติต่อด้วย การปฏิบัตินี้ต้องใช้ทุนทรัพย์ มากบ้างน้อยว่าแล้วแต่คนไป ตั้งแต่เริ่มศึกษานั้นคือการเริ่มนับ 1 ไปเรื่อยแล้ว เริ่มปฏิบัติบ้างที่อาจจะเตรียมตัวกันเป็นปีสองปี หรือยาวนานกว่านั้นหรือสั้นกว่านั้น อาจจะเริ่มจากการลงทุนจากกองทุนรวมมาก่อนก็ได้

ผมยังไม่ได้ผมถึงเรื่องการปรับตัวน่าครับ
เรื่องการปรับตัวนี้แล้วแต่คนน่าครับ
เพราะสภาพสิ่งแวดล้อมของแต่ละคนที่กระโดดเข้ามาในสนามรบของการลงทุนนี้แตกต่างกันไป แต่คนที่ปรับตัวเท่านั้นที่อยู่รอดได้

เห็นชัดหรือยังครับ

ไม่มั้งครับ ผมรู้สึกว่าการลงทุนเป็นเรื่องธรรมชาติ และการลงทุนก็เป็นเรื่องปกติด้วย เพียงแต่ว่าแต่ละคนเค้าลงทุนต่างๆ กันไปตามความชอบ :lol:
แต่ถ้าหมายถึง การลงทุนในตราสารทุน ก็เป็นเรื่องสนุกดีครับ ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดนี่นา :lol:

ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดนี้ล่ะครับ
ทุกอย่างถึงต้องมีการเรียนรู้
จาก 0 ขึ้นมาคือ 1 แล้วไปเรื่อย ...

ผมมองว่าเป็นการต่อยอดมากกว่าเป็นการเริ่มจาก 0 นะ  :lol:

เช่นคนที่พื้นฐานมาจากสายวิทยาศาสตร์
เช่นหมอ วิศวะ ก็จะถูกบ่มเพาะวิธีการคิดให้เป็นระบบ
เชื่ออะไรที่พิสูจน์ได้ มีเหตุมีผล
การลงทุนที่เหมาะสมกับคนกลุ่มนี้ก็อาจจะเป็นแนว VI

คนที่มีความเลื่อมใส ศรัทธาในศาสนา
ก็อาจจะเห็นว่าหนังสือธรรมะนี่แหละ เป็นหนังสือสอนการลงทุนชั้นดี

คนที่ผ่านโลกมามากก็อาจจะมองทะลุถึงขั้นที่ว่า
ชีวิตคือการลงทุน การลงทุนกับการใช้ชีวิตมันสอดประสานไปกันหมด

คนที่มีนิสัยกล้าได้ กล้าเสีย
ก็อาจจะเล่น Futures หรือซื้อหุ้นตามข่าว เข้าออกเร็ว

คนที่มีลักษณะ เชื่อง่าย ไม่ชอบค้นคว้า
ก็มักจะซื้อตามคนอื่น หรือซื้อตามนักวิเคราะห์

ผมเลยมองว่ามันเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เราเป็นอยู่
มากกว่าจะเป็นการเริ่มต้นใหม่  :D

ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดนี้ล่ะครับ
ทุกอย่างถึงต้องมีการเรียนรู้
จาก 0 ขึ้นมาคือ 1 แล้วไปเรื่อย ...

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
[/code]

8)  .....เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป.....

เริ่มจาก 0 ครับ
เริ่มต้นจากเพื่อนชวนครับ ไม่รู้ไรเลยนอกจากข่าวเศรษฐกิจที่มาคั่นก่อนดูละคร (ไม่เห็นเกี่ยวกับเราตรงไหน)
ต่อมาเริ่มลงทุนตามเขา และก็ขาดทุนตามเขา เพราะไม่รู้วิธี
ต่อมาเจ็บตัวเลยต้องดูว่าคนที่เขากำไรเขาทำอย่างไรกัน
ต่อมาเลยพอเอาตัวรอดได้ครับ คนที่เริ่มพร้อมๆกับผมก็เลิกไปหลายคนแล้ว
ผมวัวหายแล้วล้อมคอกครับ (แต่ยังไม่เลิก) :lol:

คิดว่าไม่ใช่ครับ

ถ้าเด็กเกิดใหม่มาเริ่มหัดลงทุน ผมเห็นด้วยว่าเริ่มต้นจาก 1 จริงๆ

แต่ถ้าคนที่มีประสบการณ์ต่างๆ กันมาเริ่มลงทุน ผมว่าไม่ได้เริ่มจาก 0 ครับ เพราะแต่ละคนก็มีฐานความรู้แตกต่างกัน บางคนอาจจะมีฐานความรู้ทางด้านการเงิน ทางด้านเศรษฐศาสตร์ และธุรกิจดีอยู่แล้ว พอเค้าเริ่มลงทุนก็อาจจะเริ่มที่ 8 เลยก็ได้ (ก็แค่ปรับทัศนคติ การบริหารเงิน และเวลาเท่านั้น)

บางคนเป็นนักเรียน นักศึกษา พอมาเริ่มลงทุนก็อาจจะเริ่มที่ 2.5 ก็ได้

ดังนั้นผมจึงเห็นว่าแต่ละคนเริ่มต้นลงทุนไม่ได้ที่ 1 เหมือนกัน

[quote="HVI"]ผมมองว่าเป็นการต่อยอดมากกว่าเป็นการเริ่มจาก 0 นะ

ผมไม่ได้เริ่มต้นจาก 0 นะ
พ่อเล่นหุ้นอยู่ก่อน
เคยเห็นเคยฟังมาบ้าง

พอมาจับเองโดยใช้วิธีการคำนวณ มันเห็นชัด
เพราะใช้การมอง fundamental เป็นหลัก
ว่าหุ้นคือการที่เรามีส่วนลงทุนในบริษัทมหาชน เราเป็นส่วนหนึ่ง
ถ้ามีสินค้าปัจจุบันราคา 10 บาทมาขายในราคาแบกับดินที่ 7 บาทเราควรซื้อแล้วขายในราคาที่แท้จริง
หรือถ้าเรามองไปในอนาคตที่น่าจะเป็นได้ เราอาจซื้อหุ้นที่ปีหน้า ราคา 12 บาท ในราคา 7บาทในปีนี้ก็ได้ครับ  

ผมว่าตัวเองมีอะไรงัดมาใช้ให้ได้เยอะที่สุด
แล้วก็อย่าหยุดพัฒนาตัวเองนะครับ

[quote="HVI"]ผมมองว่าเป็นการต่อยอดมากกว่าเป็นการเริ่มจาก 0 นะ

จริงๆก็มองให้ง่ายไว้สิครับ อย่าไปติดซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นใคร อาชีพอะไร ก็สามารถศึกษาและลงทุนได้ครับและไม่ยากอย่างที่คิด แต่ถ้าไม่คิดเลยก็จะเป็นเรื่องยากครับ

แล้วมันจะต่างอะไรกันมากมาย ไม่ว่าจะนับศูนย์หรือ 1000  ถ้าปลายทั้งมันอยที่ 100000000000 อ่ะครับ

อิอิ

ผมว่ามันก้อแค่เป็นการเพิ่มทักษะให้กับตัวเราเรื่อยๆนะครับ  สะสมมากจน ทำให้เรามีอิรสภาพทางการเงินได้
ยังไงก้อขอคำแนะนำด้วยนะครับ  น้องใหม่อยู่เลย

การลงทุน ไม่ใช่ การเริ่มต้น ใหม่หรอกครับ

การลงทุน เป็นการเรียนรู้ใหม่ มากกว่า

บางท่าน มีพื้นฐาน ทางธุรกิจ ทางบัญชี มา ก็เรียนรู้ ได้เร็วกว่า
อย่างผม เริ่มเรียน มานานแล้ว แต่ยังไม่ไปไหนสักที  :oops:

ขอบคุณที่ตอบน่าครับ
ประเด็นนี้มีความคิดหลากหลายมากๆๆ