Thai VI

มีแรงจูงใจอะไรในการลงทุนในหุ้นกันบ้างครับ  :P

มีใครได้แรงจูงใจจากหนังฮ่องกงแบบผมบ้าง

ผมได้แรงบันดาลใจจากเซียนเต่า ครับ  8)  ...

ขี้เกียจทำธุรกิจเอง

เพราะว่า ได้ทำธุรกิจตัวเองแล้ว สนุกดีครับ หากจะตั้งบริษัทฯ ลูก บริษัทฯ นี้ก็จะเป็นบริษัท ถือแต่หุ้นครับผม

วันๆ ดูแต่ ticker สนุกดีครับ

อยากมีร้านอาหารเป็นของตัวเองค่ะ

อยากร่ามเป็นเจ้าของกิจการที่คิดว่าดีและคิดว่าตัวเราเองไม่สามารถสร้างได้ด้วยตนเองได้ ตลอดจนหวังผลตอบแทนอย่างน้อยควรจะชนะเงินเฟ้อ

หุ้นหลายๆตัว มีความได้เปรียบกว่าการเปิดกิจการของตัวเอง

เช่น

1.มีทีมบริหารมืออาชีพ
2.ต้นทุนทางการเงินต่ำ
3.ได้มาตรฐาน ต่างๆ เช่น iso
4.มีขนาดใหญ่ ได้กำไรจากขนาด
5.สามารถเปลี่ยนการลงทุนได้หากกิจการ ดูท่าทางไม่รอด ต่างจากการทำเอง ถ้าเลือกกิจการผิด จะขายก็ยาก จะทำต่อก็แย่

สรุปคือ ลงทุนในหุ้น ได้เป็นเจ้าของกิจการโดยไม่ต้องปวดหัว มีคนปวดหัวแทน หมดเกือบทุกเรื่อง

เรื่องของเรามีเพียง เลือกหากิจการทีน่าลงทุน ในราคาที่น่าเอาทุนไปลง

เห็นเพื่อนลงทุนแล้วมันได้กำไรดี เลยตามแห่ค่ะ

ครือไงอ่ะ แมงเม่าดีๆนี่เองค่ะ ตอนเริ่มต้น :lol:  :lol:  :lol:

ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ชอบดู ลุ้นให้ ขึ้นไปเยอะๆ  มาทำงานยิ่งเจอว่าหุ้น สอดคล้องกับแนวทางที่อยากลงทุน ได้เป็นเจ้าของกิจการ มีผลตอบแทนที่ดี กว่าทิ้งไว้ในธนาคารให้เงินเฟ้อกัดกร่อน

ไม่อยากเป็นลูกจ้าง
ไม่อยากทำธุรกิจเอง ปวดหัวมาก
แต่อยากรวย  :!:

เลยต้องหาอะไรที่ ทำงานแล้วไม่ปวดหัวมาก แต่ใช้การวิเคราะห์ แล้วทำเงินได้มากกว่าเงินเฟ้อ
ตอนนั้นมีเงินเก็บที่หามาเองในชีวิต ที่รู้สึกว่าเยอะแล้วต้องการให้เงินต่อเงิน

นึกอะไรไม่ออกยกเว้นหุ้นนี่แหละ

หุ้นนี่นะไม่ปวดหัว

กำไรดี หุ้นขึ้น กำไรดี หุ้นลง

ขาดทุน หุ้นขึ้น ขาดทุน หุ้นลง

ไม่มีข่าว หุ้นขึ้น ไม่มีข่าว หุ้นลง

ข่าวร้าย หุ้นขึ้น ข่าวร้าย หุ้นลง

ข่าวดี หุ้นขึ้น ข่าวดี หุ้นลง

ซื้อตัวไหน ตัวนั้นลง ตัวไม่ซื้อขึ้น

พอไปซื้อตัวที่ขึ้น มันดันลง ตัวที่ขาย ขึ้นต่อ

อิอิ น่าปวดหัว เจรงๆ

สั้นๆ ผมจะรวยครับ

เมื่อก่อนไม่เคยคิดครับ เพราะรู้สึกว่าเหมือนการพนัน ไร้เหตุผล พอมาอ่านหนังสือ ดร.นิเวศน์ ก็โป๊ะเชะ ใช่เลย ก็เลยมาลงทุนในหุ้นครับ :lol:

jung_oh เขียน:สั้นๆ ผมจะรวยครับ

อ้นนั้น เป็นเหตุผลแรกๆครับ

แต่พอได้ เข้ามาเล่นจริงๆ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น

ผมว่า มันเป็นอะไรที่ท้าทายมากมากกก

เริ่ม มา ผมก็ สนใจแต่แนว VI เลย แล้ว คิดว่า คงจะพยายามดำเนินแนวทางนี้ต่อไป

เว็บ Thaivi.com ตอนนี้ เป็นเว็บที่เปิดคอมปุ๊บ ก็ต้องเข้ามาอ่าน ทำงานแล้วอยากอู้ ก็ต้องเปิด Thaivi พักเที่ยง หลังกินข้าว ก็ต้อง Thaivi

ตอนนี้เป็นโรค Thaivi ลิซึ่ม อิอิ

[quote="Jeng"]

ผลตอบแทน

เพื่อที่จะมีกินมีใช้เมื่อแก่โดยไม่ต้องทำงานหนัก
มีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ ที่ตัวเองชอบ

ตอบตรงๆ เลย

เบื่อและไม่อยากเป็นลูกจ้าง
แต่ไม่มีปัญญาทำธุรกิจเอง

สำหรับผมคิดว่ามันท้าทายและสนุกดีอ่ะครับ เหมือนเล่นเกม แต่ดีกว่าเพราะได้รางวัลเป็นเงินจริงๆ

กระจายการลงทุนครับ มีหลายอย่างแล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นให้ผลตอบแทนดีกว่า

ที่สำคัญยังได้ร่วมเป็นเจ้าของกิจการดีๆหลายแห่ง

อยากรวยครับ ตอนแรกคิดอย่างนี้จิงๆ ดูแล้วเป็นวิธีที่รวยเร็ว รวยง่าย

แต่ตอนแรกก็กลัวเป็นแมงเม่าเลยอ่านหนังสือดร. มากหน่อย เข้าเวบนี้มากหน่อย เลยตัดสินใจเป็น VI ดีที่สุด

แต่ไหงพอลงทุนกลับไปเผลอตัวเผลอใจเป็นของนายตลาดทุกที

ขี้เกียจครับ
จะทำธุรกิจเองก็เหนื่อย ขี้เกียจอีก
ใช้เงินทำงานแทนให้ดีกว่า

คือธุรกิจไหนดี ผมขอเข้าไปมีเอี่ยวด้วยแล้วกัน ขี้เกียจสร้างเอง

ยังดีที่ไม่ขี้เกียจวิเคราะห์หุ้น เพราะมันสนุกดีเหมือนกัน

เห็นเพื่อนเล่นบอกว่าเป็นหนทางที่ทำให้รวยได้โดยไม่ต้องเหนื่อยมาก ใช้เงินทุนไม่สูงมาก ตอนนั้นเพื่อนคิดจะเด็ดดอกฟ้า เค้าเลยศึกษาวิธีมาหลายอย่างที่ทำให้รวย ทั้งงานขายประกัน, amway, เปิดกิจการเอง, อสังหา สุดท้ายได้บทสรุปเป็นหุ้นครับ

เป็นเครื่องมือหนึ่งที่คัดเลือกไว้ใช้เพื่อให้บรรลุแผนการเกษียณจากงานประจำของผมครับ

ตอนแรกผมมองเลยนะว่า หุ้นคือการพนัน แต่หลังจากอ่านหนังสือหลายๆเล่มและเข้าเว็บนี้บ่อยมาก แล้วทุกอย่างก็เริ่มที่จะเปลี่ยนไป ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าหุ้นไม่ใช่การพนันแต่เป็นการลงทุนในกิจการใดกิจการหนึ่งที่ผู้ลงทุนคิดว่ากิจการนั้นเหมาะสมกับเงินที่ผู้ลงทุนยอมที่จะจ่ายให้เพื่อให้เกิดดอกผลตามที่ผู้ลงทุนต้องการ

ผมลงทุนเพราะอ่านหนังสือ Rich Dad Poor Dad ครับ ไปยืนอ่านที่ B2S จนจบ ไม่ได้ซื้อเพราะเสียดายตังค์ (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีครับ)

อ่านจบก็ค้นพบความจริงว่า บนโลกนี้มีคนอยู่สองประเภทคือ คนที่ทำงานเพื่อเงิน กับคนที่ให้เงินทำงาน ผมเคยเป็นคนประเภทแรก เพราะที่โรงเรียนและที่บ้าน ไม่เคยสอนว่าถ้าจะให้เงินทำงานต้องทำอย่างไร พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้เลยอยากให้เงินทำงานแทนบ้าง

ลงทุนในหุ้นเพราะตอนนี้ยังต้องทำงานให้บริษัทคนอื่นอยู่ ถ้ามีบริษัทเป็นของตัวเองเมื่อไรคงลงทุนในหุ้นน้อยลง (แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีบริษัทเป็นของตัวเองเสียที)  :oops:

เหตุผลของผม

ซื้อแล้วก็รอรอรอรอรอรอรอรอรอรอ ไม่ต้องทำอะไร
เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้อีก เก็บเป็นทองต้องไปหาที่เก็บอีก เก็บเงินสดฝากธนาคารก็แพ้เงินเฟ้อ      มีที่ดิน บ้านเช่า โรงงานก็ต้องดูแล

อยากรวย

ผมว่าคำตอบเรื่องผลตอบแทน และการสร้างความมั่งคั่งนั้นคงเหมือนกันเกือบหมด

แต่สำหรับคนที่ชอบคิดชอบทำ หลงใหลในการทำธุรกิจและการลงทุน

ผมว่าการลงทุนในหุ้นเปรียบเสมือนงานศิลปะอย่างหนึ่งเลยนะครับ

เพราะมันคือการมองธุรกิจ ศึกษาธรรมชาติและเรียนรู้ลักษณะของธุรกิจนั้นๆอย่างลึกซึ้ง

สุดท้ายแล้ว มันก็คือศิลปะในการทำธุรกิจ .... พอได้เริ่มศึกษาศาสตร์ในศิลปะนี้แล้ว

ผลงานจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม ถ้าทำมาถูกทางที่เราพอใจ ผมก็มีความสุขแล้วนะ