Thai VI

คือผมมีปัญหากับตัวเองที่ไม่สามารถลืมราคาที่ซื้อมาได้ ทีนี้พอหุ้นคุณภาพดีที่ซื้อมาราคาขึ้นไป ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าคุณภาพมันดี ราคาที่ขึ้นก็พอช่วยบอกอะไรได้บ้าง แต่พอจะทำใจซื้อกลับไม่กล้า เพราะรู้สึกว่าเราซื้อได้ราคาต่ำกว่านี้ ครั้นจะรอให้ราคากลับมา มันก็ไม่กลับมาเสียที ดูแล้วคงไม่กลับมาแน่ด้วยอ่ะครับ

ทำไงดีครับ กรณีนี้คือ WG นะครับ ผมดูยังไงมันก็ดี แต่พอจะซื้อเพิ่มก็มานึกถึงราคาทุนที่เคยซื้อ ครั้นจะรอมันก็ไม่มาเสียที ตลาดตก แดงเต็มกระดานพี่ท่านก็เฉยๆ มีแรงซื้อเข้ามามากอีกต่างหาก เฮ้อ

วางรอขายที่ 46 ครับ แล้วพอขายได้แล้วก็ตั้งซื้อปริมาณใหม่ที่ 45.5 หรือ 45.75 ไปเลย จะได้มีทุนใหม่

อย่าไปซีเรียสเรื่องทุนครับ ว่าง ๆ ไปหาหนังสือ The New Buffetology (สงสัยสะกดไม่ถูก) ภาคภาษาไทยมาอ่านดูครับ ลองไปอ่านตอน Buffet ซื้อ Gaico แล้วจะได้สบายใจขึ้น

cryptonian_man เขียน:
ทำไงดีครับ กรณีนี้คือ WG นะครับ ผมดูยังไงมันก็ดี แต่พอจะซื้อเพิ่มก็มานึกถึงราคาทุนที่เคยซื้อ ครั้นจะรอมันก็ไม่มาเสียที ตลาดตก แดงเต็มกระดานพี่ท่านก็เฉยๆ มีแรงซื้อเข้ามามากอีกต่างหาก เฮ้อ

พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกครับ เพราะตอนตลาดกระทิงขวิด พี่ท่านก็นิ่งเฉย ๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเหมือนกัน พี่คนนี้ปีหนึ่ง ๆ แกขยับตัว 3-4 ครั้งครับ

akekarat เขียน:วางรอขายที่ 46 ครับ แล้วพอขายได้แล้วก็ตั้งซื้อปริมาณใหม่ที่ 45.5 หรือ 45.75 ไปเลย จะได้มีทุนใหม่

อย่าไปซีเรียสเรื่องทุนครับ ว่าง ๆ ไปหาหนังสือ The New Buffetology (สงสัยสะกดไม่ถูก) ภาคภาษาไทยมาอ่านดูครับ ลองไปอ่านตอน Buffet ซื้อ Gaico แล้วจะได้สบายใจขึ้น

เรื่องตั้งขายแล้วรับต่อเนี่ยน่าสนนะครับ เดี๋ยวลองทำดูดีกว่า

ส่วน หนังสือ New Buffettology (เขียนงี้ปล่าวหว่า) ผมก็อ่านแล้วครับ ผมว่า WG เนี่ยถือได้ สบายใจแต่ผมไม่ได้ซื้อไว้เยอะอ่ะครับ อยากหาโอกาสทยอยเก็บแต่พอมานึกว่ามันแพงกว่าที่เราซื้อมาแล้วมันเลยไม่กล้าอ่ะครับ

จริงครับที่ช่วงกระทิงมันก็นิ่งไม่ไหวติง ไอ้ผมตอนนั้นก็เพิ่งเริ่มลงทุน แย็บซื้อไว้ก็รอดูท่าทีก่อน พอท่าดีปุ๊บก็ไม่มีโอกาสได้ซื้ออีกเลย เฮ้อ

เหมือนผมเลย แต่ผมจำราคาที่ซื้อทั้งหมดไม่ได้หรอกครับเลยไม่กล้าขายถ้าปัจจัยลบไม่พอและยังมีมีตัวที่ดึงดูดเพียงพอที่จะขายแล้วไปซื้อ

ลองหาหนังสือ Temple Boxing ของคุณคลายเครียด มาอ่านสิครับ

จำได้ว่า ให้แนวทางว่า ถ้าผลประกอบการดีขึ้น หรือลดลง มากหรือน้อย
แล้วราคาปรับตัวขึ้น  ไม่ปรับตัวขึ้น หรือลดลง ควรจะทำอย่างไร

เขาบอกว่า
if someone makes you mad, forgive him.
if you cant forgive, then forget.
if you cant forget, then dont remember it.

สรุปว่า คราวหน้าไม่ต้องไปจำมัน
พูดเหมือนง่ายเนอะ

ลองซื้อเพิ่มดูครับ หลับหูหลับตาคลิ้ก หรือโทรไปหามาร์เลย
แต่ต้องวิเคราะห์ใหม่ ณ ราคาปัจจุบันก่อนนะครับ
ทำบ่อย ๆ ก็จะไม่ค่อยติดกับดักราคาต้นทุนเดิม

พักหลัง ผมเป็นตรงข้ามซะมากกว่า ขอซื้อหุ้นเพิ่มให้ได้จำนวนตามเป้าซะก่อน
แพงไม่ว่า เพราะว่าเรามีต้นทุนเดิมถูก
(แล้วก็ซื้อดอย ณ เวลาช่วงนั้น ๆ ทุกที แต่ถ้าหุ้นดี ก็ไม่ต้องกลัว)

บางตัวก็ทำใจขายได้ บางตัวก็ทำใจไม่ได้

ยิ่งกว่าอกหักอีกแหะ  :lol:  :lol:

ลองใช้วิธีจดใส่กระดาษ หรือสมุด แทนการเปิดดูจากพอร์ทอิเล็คโทรนิค เพราะมันจะเห็นการเทียบราคาตลาดอยู่ตลอดเวลา และจะเห็นสีเขียวๆแดงๆ

อำนาจของสี มีส่วนทำให้ใจสั่นได้เสมอ  :lol:

ทีนี้ พอเราทราบแน่ว่าเราจดไว้เรียบร้อยแล้ว ก็บอกสมองว่า เอาล่ะ ลบเมมโมรี่นี้ออกได้(ไม่ต้องกลัวจะลืมราคาหรอกเพราะฉันจดไว้ให้แกแล้ว) เพราะมันเปลืองเนื้อที่สมอง แล้วเอาพื้นที่ที่เหลือว่างอยู่ มาใช้คิดทำอย่างอื่นแทน จะมีประโยชน์กว่า

ลองคุยกะสมองดูค่ะ พูดกะเขาดีๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ
:lol:

แล้วทีนี้ ในแผ่นๆที่เราจดไว้แทนที่ถ้าตามในตารางอิเล็คโทรนิคของโบรค เขาจะเทียบราคาตลาดปัจจุบัน ...เราก็วางราคาเป้าหมายที่คาดไว้ ในช่องเทียบนั้นแทนซะ
แล้วในแผ่นย่อย หรืออีกหมวดย่อยของสมุด ให้อธิบายลงไปให้ตัวเองเข้าใจ ว่า เจ้าราคาเป้าหมายที่คาดนั้น เราเอามาจากไหน อย่างไร คำนวน คาดคะเน และแม้แต่เดาสุ่มนั้น มาได้ด้วยเหตุปัจจัยอะไรบ้าง ...เวลามีเหตุปัจจัยใหม่อะไรขึ้นมา จะได้ปรับให้มันซะใหม่ได้ โดยไม่ต้องมางง(หรือตื่นเต้น) ถ้าเวลาเกิดราคาเคลื่อนไหวแบบพิลึกพิสดาลแปลกๆ อะไรขึ้นมา

ดิฉันทำประมาณนี้ค่ะ ก็พอช่วยให้คลายความกังวล อึดอัด สับสน หรือแตกตื่นน้อยลงได้อยู่เหมือนกัน

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
ปล่อยวางซะ

ลงทุนต้องอดทนครับ ขันติสำคัญมากๆ
ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร ลองดูวิธีที่ผมใช้อยู่ก็ได้นะครับ
คือก่อนจะลงทุนซื้อหุ้นแต่ละตัวเนี่ยเหตุผลคืออะไรครับ จดไว้ในกระดาษเอาที่มองเห็นชัดเจน แล้วซื้อไปแล้วไม่ต้องไปมองราคาแล้วครับติดตามผลประกอบการรายไตรมาสดีกว่า ทุกครั้งที่ผลประกอบการออกมาก็นำไปเทียบเคียงกับเหตุผลที่จดไว้มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหรือเปล่า หากไม่มีก็ถือต่อ  Time frame ก็สำคัญครับก่อนลงทุนคิดว่าจะถือไว้นานแค่ไหนก็จดไว้ ส่วนราคาเพิ่มขึ้นเนี่ยจะซื้อเพิ่มหรือเปล่าถ้าหากภาพใหญ่ของบริษัทยังดีชัดเจนอยู่ผมว่าอย่าเกี่ยงราคาเลยครับ ในระยะยาวแล้วราคาหุ้นจะขึ้นลงตามกำไรเสมอ ต้นทุนเฉลี่ยต่างกันแค่ 2-3% ผมว่าในอีก 4-5 ปีข้างหน้าเนี่ย
ไม่ได้มีผลอะไรมากมายกะความรู้สึกตอนนั้นหรอกครับ

ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องเดินหน้าลุยเก็บหุ้นแล้วละครับ

ช่วงนี้ก็ไหลลงๆ มาให้เก็บถึงที่เสียด้วย อิอิ

เป็นเหมือนกันเลยครับ เค้าเรียกว่า อะไรเอฟเฟกต์นะ.... ในหนังสือจิตวิทยาการลงทุน

ผมว่า ถ้าคิดอยากจะลืม   ก็จะลืมยากอยู่นา

อย่างที่เค๊าว่า  อยากลืมกลับจำ........ อยากจำกลับลืม



ที่เราจำได้    หรือจดจำไว้    

ที่เป็นอย่างนี้ เพราะว่า เราให้ความสำคัญกับมัน

ถ้าเราปรับเปลี่ยนไป        ให้ความสำคัญกับอย่างอื่นแทน

เช่น ผลประกอบการ หรือ อื่นๆ

ก็คงพอได้

แต่จะให้ลืม  คงไม่ง่าย

ถ้าหากเราไม่ใช่ประเภท ขี้หลงหขี้ลืม