Thai VI

เมื่อวาน คุยกับเพือนๆ ว่า ผมประเมินราคาหุ้นอย่างไร
แล้วถามเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกันว่าประเมินราคาหุ้นอย่างไร
บางคนก็ตามข่าว
บางคนก็ตามแรงซื้อของหุ้น
บางคนก็ตามมาร์เก็ตติ้งบอก
บางคนก็อ่านตาม research ในเว๊ป

เลยรู้สึกว่าการประเมินราคาหุ้นนี่มีหลายๆ แบบมาก
ผมใช้ การประเมินโดยใช้ p/e
แต่เน้นเรืองประเมินกำไร q/q หรือ ปีนั้นให้ใกล้เคียง
ส่วน p/e ผมตีตามความแข่งแกร่งโดยโมเดลธุรกิจครับ
เช่น p/e ของโรงพยาบาล modern trae ที่มีส่วนแบ่งเยอะๆ หรือว่า มีจุดเด่นอย่างแท้จริงๆ
p/e หุ้นก่อสร้างก็จะต่ำหน่อย ยกเว้นมีจุดเด่นอย่างแท้จริง
p/e วงจร ตีไม่เป็น ดูว่ากำไรมันจะโตเยอะหรือเปล่าเท่านั้นเอง  :lovl:

เลยอยากถามว่า พี่น้องๆ ใน thaivi ประเมินมูลค่าหุ้นอย่างไรครับ[/img]

เหมือนกัน ผมใช้ PE ครับ  

ผมก้อใช้ PE ครับ

บวกกับ Estimated Growth ปีต่อปี  8)  ...

หลังๆผมใช้ dcf แบบง่ายๆ คือให้รายการลงทุน = ค่าเสื่อม แต่ละปีไป แล้วก็เอา net profit มา discount เลย (แบบง่ายๆนะครับ ไม่คิดมาก)

ที่ทำแบบนี้เพราะพวกธุรกิจที่โตมากๆ บางทีต่อให้เราคิดว่าจะโตปีละ 30% ไปอีก 5 ปี ราคาตอนนี้ก็แพงไปแล้ว ถ้าดู p/e มันจะงงๆไม่รู้ว่าถูกหรือแพงกันแน่ไม่รู้จะเทียบกับอะไร

ช่วงหลังๆผมก็ใช้ DCF แล้วครับ แต่วิธีนี้ Assumption ค่อนข้างเยอะถ้าเทียบกับ PE ที่ดูตรงๆดี แต่ถ้าจะถือหุ้นระยะยาว น่าใช้วิธีนี้มากกว่านะครับ เพราะดูได้จริงๆว่าเราได้เงินมาจากการลงทุนแค่ไหน เมื่อ discount ด้วยความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ

P/E ครับ ค่อนข้างจะง่าย แต่ดัดแปลงเล็กน้อย

ผมเป็นคนขี้เกียจ ไม่ชอบคิดอะไรยากๆครับ เพราะฉะนั้นการประเมินมูลค่าหุ้นของผมจะมองที่ภาพรวมธุรกิจ โมเดลของธุรกิจนั้นๆ ดูมูลค่าหุ้นของธุรกิจที่เป็นคู่แข่งรึธุรกิจที่ใก้ลเคียงกันแล้วนำมาเปรียบเทียบ  ดูP/E นิดหน่อย นำมายำๆในหัว ก็จะได้มูลค่าหุ้นออกมาครับ ได้ผลดีนะครับ แต่ไม่รู้จะดีได้ตลอดไปรึป่าว :lol:

สำหรับผมก็ประเมินโดย ดูดวงหุ้น เอ๊ย ดูกำไรเงินสดในอนาคตครับ :lol:

ผมใช้ p/e ครับ แต่ก็ดู BV ควบไปด้วยครับ บางทีกำไรปีนั้นมันตก แต่ book เยอะกว่าราคาหุ้นมากมากก็ซื้อครับ แต่ยิ่งถ้าเจอ book สวยสวย P/E สวยสวย ธุรกิจดี ดี ยิ่งดีครับ

ตอนนี้ กำลังสนใจ set50future ครับ กำลังพยายามหา fair set50 อยู่ครับ วิธีที่ถูกต้องคือ ต้อง คิดมูลค่าหุ้นทั้งหมด 50 ตัว แล้วเอามาคูณ กับจำนวนหุ้น แล้วเอาไปเทียบกับ มูลค่าตลาดปีฐานใช่ไหมครับ  แล้วงี้ใครมันจะไปคิดได้นะ กว่าจะคิดได้ นานมากมากแน่เลย เพื่อนๆพี่พี่มีใครมีวิธีคิดง่ายกว่านี้ไหมครับ

คิด มูลค่าหุ้นยากแล้ว คิดของ set 50 นี่ยากกว่ากิจการเยอะเลย

Ryuga เขียน:สำหรับผมก็ประเมินโดย ดูดวงหุ้น :

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว  :!:

คุณ Ryuga รับดูดวงไหมคับจะฝากดูสักตัวสองตัว

sunrise เขียน:

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว

[quote="Basketman"]ผมเป็นคนขี้เกียจ ไม่ชอบคิดอะไรยากๆครับ เพราะฉะนั้นการประเมินมูลค่าหุ้นของผมจะมองที่ภาพรวมธุรกิจ โมเดลของธุรกิจนั้นๆ ดูมูลค่าหุ้นของธุรกิจที่เป็นคู่แข่งรึธุรกิจที่ใก้ลเคียงกันแล้วนำมาเปรียบเทียบ

Blueblood เขียน:หลังๆผมใช้ dcf แบบง่ายๆ คือให้รายการลงทุน = ค่าเสื่อม แต่ละปีไป แล้วก็เอา net profit มา discount เลย (แบบง่ายๆนะครับ ไม่คิดมาก)

ที่ทำแบบนี้เพราะพวกธุรกิจที่โตมากๆ บางทีต่อให้เราคิดว่าจะโตปีละ 30% ไปอีก 5 ปี ราคาตอนนี้ก็แพงไปแล้ว ถ้าดู p/e มันจะงงๆไม่รู้ว่าถูกหรือแพงกันแน่ไม่รู้จะเทียบกับอะไร

พี่เลือดสีฟ้าช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยครับ? พอดีหลังๆผมก็เริ่มรู้สึกว่า P/E อย่างเดียวเริ่มบอกยากว่าถูกหรือแพง ช่วยลองสมมุติเป็น scenario ก็ได้ครับ.. ขอบคุณครับ

ผมใช้ pe ผสม peg ครับ
pe ก็เอามาจากปัจจัยหลายๆอย่างของบริษัท ของอุตสาหกรรม ความแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงิน ฯลฯ
ส่วน peg นี่เอาไว้ปรับประมาณ pe ครับ .. ถ้าหุ้นตัวไหนคุณภาพดีมากๆ เช่นอนาคตโตเฉลี่ยปีละ 15-20% แรกๆผมก็จะให้ pe ประมาณ 8-10 เท่า .. แต่เมื่อ pe มันเกิน 10 เท่าไปแล้ว ผมก็อาจจะปรับเพิ่มถ้ายังเห็นว่าบริษัทยังมีคุณภาพดีมากๆและมีการเติบโตที่ดีอยู่ .. เช่นเป็น 12 เท่า .. ถ้าเกิน 12 อีก.. ผมก็ปรับไปเรื่อยๆ จนว่า pe จะถึง Growth ของบริษัทเป็น Maximun pe .. นี่เป็นสาเหตุที่ผมขายหุ้น 3 ทหารเสือไม่ลง  :lol:

yoyo เขียน: pe ก็เอามาจากปัจจัยหลายๆอย่างของบริษัท ของอุตสาหกรรม ความแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงิน ฯลฯ

ปัจจัยส่วนใหญ่เช่นความแข็งแกร่ง ฐานะการเงิน มันเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ เวลาจะแปลงให้ออกมาเป็นเลข PE นี่ทำยังไงครับ ใช้วิธ๊เปรียบเทียบกับกิจการที่ใกล้เคียงกันหรือยังไงครับ

[quote="yoyo"]ผมใช้ pe ผสม peg ครับ
pe ก็เอามาจากปัจจัยหลายๆอย่างของบริษัท ของอุตสาหกรรม ความแข็งแกร่ง ฐานะทางการเงิน ฯลฯ
ส่วน peg นี่เอาไว้ปรับประมาณ pe ครับ .. ถ้าหุ้นตัวไหนคุณภาพดีมากๆ เช่นอนาคตโตเฉลี่ยปีละ 15-20% แรกๆผมก็จะให้ pe ประมาณ 8-10 เท่า .. แต่เมื่อ pe มันเกิน 10 เท่าไปแล้ว ผมก็อาจจะปรับเพิ่มถ้ายังเห็นว่าบริษัทยังมีคุณภาพดีมากๆและมีการเติบโตที่ดีอยู่ .. เช่นเป็น 12 เท่า .. ถ้าเกิน 12 อีก.. ผมก็ปรับไปเรื่อยๆ จนว่า pe จะถึง Growth ของบริษัทเป็น Maximun pe .. นี่เป็นสาเหตุที่ผมขายหุ้น 3 ทหารเสือไม่ลง

สิ่งแรกที่ผมใช้คือ PE และ PEG เหมือนคุณ Yoyo ครับ

เลือกวิธี ประเมิน มูลค่าต้องเหมาะสมกับหุ้นด้วยนะครับ

เช่นถ้าหุ้น cyclical stocks ก็ห้ามใช้ P/E DCF เลย

ถ้าหุ้น DIVIDEND เช่น พวก SAUCE WG  ก็ใช้ DDF

ส่วนผมชอบหุ้นที่มีกำไรเเน่นอน ไม่เเกว่งมาก
ใช้ DCF  ประเมิน เเล้วคิด discout rate ที่ 15 %
( ผมต้องการผลตอบเเทนอย่างน้อย 15 % ต่อปี)

ได้ราคาที่เหมาะสม ถ้าหุ้น ราคาต่ำกว่ามูลค่าก็ ซื้อ
ง่ายๆอย่างงี้อะคับ

ผมไม่ค่อยชอบ P/E เพราะมันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ
บางคนบอกว่า หุ้นนี้ควร P/E เท่าโน้นเท่านี้
เมืองนอกให้ P/E เท่านี้ มันดูไม่ค่อยเเนนอนเท่าไหร่
เเละอิงกับราคาหุ้นมากเกินไป

8)  8)

Ryuga เขียน:สำหรับผมก็ประเมินโดย ดูดวงหุ้น เอ๊ย ดูกำไรเงินสดในอนาคตครับ :lol:

8) ผมว่าพี่ริวงะ สารภาพออกมาแล้ว ดูดวงชัวร์
    กระทิงวิ่งกันฝุ่นตลบ
    พี่ไปนั่งอ่าน แฮรี่เล่มจบอยู่ตั้งหลายวัน ไม่สนตลาดเลย
    อย่างนี้เล่นของแน่นอน..แฮ่...

โดยหลักการก็คือ เดาเอาค่ะ  :lovl:

ก็คือ เดา growth ก่อน ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อ่านๆ ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยเปื่อย จากนั้นก็กะๆเอา  :lol:

แล้วก็เอา pe มาคูณ ง่ายๆ
pe จะให้เท่าไหร่ ก็ดูว่า growth ทำได้เท่าไหร่ แล้วดู pe ปีก่อนๆเทียบ growth ปีก่อนๆ ให้พอมองออกว่า นิสัยหุ้นตัวนั้นๆ pe สูงขึ้นในอัตราเร่งเท่าไหร่ของอัตราเพิ่มของ growth

แต่จะปรับ pe ก็มองไปข้างหน้านิดนึงก่อนด้วย (เดาอีกแหละค่ะ :lol: )
เดาว่าปีหน้าจะดีขึ้น หรือ ทรง หรือแย่ลง อันนี้ pe อาจปรับสปีดได้ว่า ให้pe สูงขึ้นด้วยอัตราเร่งตามปกติของมันหรือไม่

สุดท้ายที่ต้องไม่ลืมดู คือดูเทรนด์ของกร๊าฟมัน แค่ดูความน่าจะเป็นทั้งทางขึ้นและทางลง ประมาณแบบ ถ้าหลุดแนวนี้ ลงไปเท่าไหร่ ถ้าตัดแนวนี้ขึ้นไปได้ ความน่าจะเป็นคือไปไหน ประมาณไหน แต่ก็ไม่เอาเป็นสาระมากนัก
เพราะเข้าใจว่าการจะดูกร๊าฟ จะต้องพริ้วตามมันให้ทัน ความคิดเห็นต้องพริ้วไหวไปตามที่มันทำให้ดู แล้วเอามาประมวลกะเรื่องจริงๆที่น่าจะเกิด หรือกะลังเกิดขึ้นอยู่ ว่ามันกระทบเป้าหมายที่คาดมั้ย

สรุป เป้าหมายที่เรา(หรือใคร)ตั้ง ไม่ได้สำคัญไปกว่า ทางเดินระหว่างทางนั้นๆ เพราะทิศทางการเดิน เป็นตัวบอกว่า จะไปถึงเป้าได้จริง(จะตามกำหนดเวลาหรือไม่ก็ตาม) หรือหลงทิศไปแล้ว



สรุปอีกที ก็โดยรวมๆคือ เดาค่ะ
(จะมาพูดทำไมเนี่ย ........... :lovl: )

พอมีคำถาม ก็มานั่งคิดว่าเราดูอไรเป็นหลัก

1. ดูความแข็งแกร่งของตัวธุรกิจเป็นหลัก
2. ผู้บริหารต้องเก่ง และโปร่งใส
3. ดู cashflow และ ROE ในงบการเงิน
4. ซื้อตอนหุ้นตกๆนั่นแหละ ข่าวร้ายๆมักจะเป็นโอกาสเสมอ
5. กำลังจะลองทำ DCF อยู่...  :D  :D  (เพราะเพิ่งอ่าน Buffett Wayจบ ก็เลยอยากลองใช้ดู)

ของผมดูตามคนถือครับ  :lol:

ล้อเล่นน่ะครับ จริง ๆ เพิ่มเติมจาก pe, peg ดู mkt cap, ยอดขาย, กับกำไร มันได้ feeling กว่า อัตราส่วน

sunrise เขียน:

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว

007-s เขียน:

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว

qingwen เขียน:ส่วนผม ดูเสียงโวยวายใน TVI ถ้าโวยวายมาก แสดงว่าต่ำกว่ามูลค่าแล้ว

555 ผมก็หันมาดูแบบนี้เหมือนกันครับ แต่ส่วนใหญ่ดังปุ๊บ วิ่งปั๊บ ตามไม่เคยทันสักตัว ตั้งแต่ BOL , DM อะไรพวกนี้ ดังใน TVI ปุ๊บ แรงวิ่งมาไม่หยุดเลย จะเข้าซื้อก็เริ่มไม่กล้าละครับ

007-s เขียน:

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว

Forecast Period
Base Year
NOPLAT 2003 2004 2005 2006 2007 2008 2009

Sales 15,449,139,620 18,875,830,203 19,701,315,846 21,725,158,177 24,983,931,904 27,482,325,094 28,856,441,349
Sales growth (%) 22.2% 4.4% 10.3% 15.0% 10.0% 5.0%

Operating Income 1,235,791,794 1,516,715,410 1,257,667,338 664,079,421 1,249,196,595 1,374,116,255 1,442,822,067
Operating Margin (%) 8.0% 8.0% 6.4% 3.1% 5.0% 5.0% 5.0%

Interest Expense / Sales 0.11% 0.05% 0.05% 0.04% 0.05% 0.05% 0.05%
Interest Expense 17,159,847 8,974,102 9,150,560 8,886,387 12,491,966 13,741,163 14,428,221


Cash Taxes $312,212,704 $390,725,184 $306,061,010 $153,428,423 $312,299,149 $343,529,064 $432,846,620
Tax rate (%) 25.3% 25.8% 24.3% 23.1% 25.0% 25.0% 30.0%
NOPLAT 923,579,090 1,125,990,226 951,606,328 510,650,998 936,897,446 1,030,587,191 1,009,975,447

Change in NWC $322,506,844 437,884,466 63,459,724 294,886,922 391,052,847 299,807,183 164,893,951


Incremental Cap Ex 204,274,364 70,106,920 635,975,132 531,148,348 0 0 288,564,413
Asset sales 0 2,497,523 144,859 0 0 0 0
Investment (Inflow) 526,781,208 510,488,909 699,579,715 826,035,270 391,052,847 299,807,183 453,458,364

Free Cash Flow 396,797,882 615,501,317 252,026,613 -315,384,272 545,844,599 730,780,008 556,517,083

WACC 12.0%
Forecast year -   -   -   1 2 3
PV of FCF 487,361,249 582,573,348 396,117,867
3,104,813,270

Terminal Value 6,214,884,309
PV of Terminal Value 2,510,087,536


Value of operating assets 5,614,900,807
Short-term investments 0
Marketable securities 0
Total firm value 5,614,900,807
Long Term Debt 570,150,450
Value of Common Equity 5,044,750,357

Share Outstanding 22,000,000.00
Share Price 229

W/C needs (% sales) 12.8% 7.7% 14.6% 12.0% 12.0% 12.0%
Inc fixed cap needs (%) 1.3% 0.4% 3.2% 2.4% 0.0% 0.0% 1.0%
Capex/Sales 3.7% 2.6% 5.4% 4.7%

WC $1,437,209,390 $1,968,409,508 $1,994,100,714 $2,284,865,636
Fixed Asset $2,472,497,482 $2,668,048,167 $3,239,150,867 $3,719,316,911
Capex $575,716,566 $485,616,492 $1,070,719,833 $1,024,232,900
Depre $371,442,202 $415,509,572 $434,744,701 $493,084,552


ทำแนวนี้แหละครับ ไม่บอกว่าหุ้นอะไร เดาเอาเองครับ

Ryuga เขียน:

อย่างนีเจ๋งสุดแล้ว

พี่ฉัตร....

ใช่คนที่เขียนลงกรุงเทพธุรกิจหรือเปล่าครับ

ไม่แน่ใจว่าพี่หมายถึงหมอ(ดิฉันก็จำชื่อหมอไม่ได้อีกแหละ รู้สึกจะชื่ออะไรเทพๆเนี่ยแหละ)ที่ทำนายหุ้นรายตัวรึเปล่านะคะ ...ถ้าคนนั้นก็ไม่ใช่ค่ะ


แต่ท่านนี้เป็นพวกนักวิชาการ ประมาณ ดร.แบบประมาณ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐศาสตร์ค่ะ(เข้าใจว่าระดับอาจารย์เลย) ท่านไม่ค่อยได้ออกสื่อมากนัก
หลังๆจะมาเขียนลงหนังสือพิมพ์เลยรึเปล่า อันนี้ไม่ทราบค่ะ ....เพราะที่บ้านดิฉันไม่รับหนังสือพิมพ์ค่ะ :lol:  :lol:  :lol:

คือ ท่านนี้ จะทำนายรอบเศรษฐกิจของประเทศ อะไรแนวๆนี้ค่ะ  :D