Thai VI

"เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง"
คำพูดของเสี่ยยักษ์

ใครเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วมั้งครับ ส่วนผมยังไม่เกิดเพิ่งเริ่มลงทุนแค่ 6 เดือน 8)

น่าจะจริงนะครับ
จำนวนเงินที่น้อยๆ ทำให้เราไม่ค่อยคิดเสียดาย และพร้อมที่จะเสี่ยงมากขึ้น
จึงกล้านำจำนวนเงินทั้งหมดทุ่มลงไปในการเก็งกำไรได้
แต่พอเงินมากขึ้นเราก็ต้องคิดแล้วคิดอีก โดยอาจจะต้องทำได้แค่แบ่งไปแค่ยี่สิบ สามสิบเปอร์เซนต์เป็นกองหน้าไปก่อน แล้วแบ่งเงินที่เหลือเป็นกองหลัง
การทำกำไรก็เลยทำได้น้อยลง

ลืมบอกไป เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นเซียน พอร์ตผมยังเล็กกระจิ๊ดริ๊ดนิดเดียวอยู่เลย พอร์ตเก็งกำไรก็ไม่ได้มากมายอะไร เหอะๆ

มองด้านเดียวไม่ได้
ต้องดูด้านตรงข้ามไว้ด้วย
เผื่อเวลาที่มันทุกข์จะได้หาทางแก้ไขได้

เวลาสุขมากเกินไปก็ไม่ดี เดี๋ยวใจมันพองโต คนอื่นพูดแล้วไม่เชื่อ
ต้องเดินทางสายกลางไว้บ้าง

ให้ฟังหุไว้หู

ลูกไม่ท้อ เขียน:น่าจะจริงนะครับ
จำนวนเงินที่น้อยๆ ทำให้เราไม่ค่อยคิดเสียดาย และพร้อมที่จะเสี่ยงมากขึ้น
จึงกล้านำจำนวนเงินทั้งหมดทุ่มลงไปในการเก็งกำไรได้
แต่พอเงินมากขึ้นเราก็ต้องคิดแล้วคิดอีก โดยอาจจะต้องทำได้แค่แบ่งไปแค่ยี่สิบ สามสิบเปอร์เซนต์เป็นกองหน้าไปก่อน แล้วแบ่งเงินที่เหลือเป็นกองหลัง
การทำกำไรก็เลยทำได้น้อยลง

แล้วผลมันไม่ออกมาตรงข้ามกันเหรอครับ  :?:

mprandy เขียน:

แล้วผลมันไม่ออกมาตรงข้ามกันเหรอครับ

Buffer เขียน:"เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง"
คำพูดของเสี่ยยักษ์

ใครเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วมั้งครับ ส่วนผมยังไม่เกิดเพิ่งเริ่มลงทุนแค่ 6 เดือน 8)

เอ อาจจะเป็นผมที่ไม่เข้าใจตรงนี้ด้วยมั้ง คือที่เพิ่มจาก 2 เป็น 4 นี่ ผมนึกว่าเพิ่มจาก สองบาท เป็น สี่บาท ไม่ใช่เพิ่มจาก สองล้าน เป็น สี่ล้าน

ถ้าเพิ่มจากสองล้าน เป็นสี่ล้าน แล้วง่ายกว่า หนึ่งล้านเพิ่มเป็นสองล้าน อันนี้ ก็ไม่รู้แล้วหละครับ[/list]

แล้วจาก 2 ล้านเป็น 1ล้านล่ะครับ ยากมั้ย

ตอนมี 50,000 คิดว่า ถ้ามีสัก 100,000 คงจะมีความสุขมาก
พอมี 100,000 ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดว่า  ถ้ามีสัก 500,000 คงจะมีความสุขมาก
พอมี 500,000 ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดอีกว่า  ถ้ามีสัก 1 ล้าน คงจะมีความสุขมาก
พอมี 1 ล้าน ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดอีกว่า  ถ้ามีสัก 2 ล้าน คงจะมีความสุขมาก
พอมี 2 ล้าน ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดอีกว่า  ถ้ามีสัก 5 ล้าน คงจะมีความสุขมาก
พอมี 5 ล้าน ก็มีความสุขมาก แต่ ....






เมื่อ 5 ล้าน ลดลงเหลือ 1 ล้าน กลับไม่มีความสุข
แถมทุกข์ ยิ่งกว่า ตอนเริ่มต้นที่มีแค่ 50,000 เสียอีก

ถ้าเป็นการลงทุนจะหาหุ้นที่ได้1เด้ง คนที่มีเงินเยอะเสียเปรียบครับ เช่นถ้ามี1ล้านจะให้เป็น2ล้านนี่คงง่ายกว่ามี 100ล้านจะให้เป็น200ล้าน

แต่......

ถ้าเป็นเจ้ามือ ต้องการเล่นรอบเพื่อให้ได้1เด้ง ถ้ามีเงิน1ล้านจะให้เป็น2ล้าน ยังไงก็เสียเปรียบคนที่มีเงิน100ล้าน เพื่อจะให้เป็น200ล้านครับ

เมื่อก่อนก็เคยคิดนะครับ

แต่เลิกคิดแล้วครับ เรามองหุ้นเป็นหุ้น ดีกว่ามองหุ้นเป็นเงิน

มองหุ้นเป็นหุ้น ถ้าดูแล้ว โอเค ดี ไม่น่ามีปัญหา ก็มองมันเป็นหุ้น

ถ้ามองมันเป็นเงินแล้วล่ะก็ ลุกลี้ลุกลนพิกล ไม่อยู่สุขแน่ๆ

ลงทุนให้มีความสุข น่าจะพอแล้ว

ผลจากการmarkตามราคาตลาด นักลงทุนจึงมักคิดว่ามูลค่าสินทรัพย์เรามีค่าเท่านั้นจริงๆลืมนึกถึงต้นทุนที่เราซื้อจริงไป จึงควรถือลงทุนยาวๆ เพื่อให้หุ้นมันซึมสับผลกำไรเพิ่มมูลค่าให้กิจการไปเรื่อยๆ และยึดติดราคาตลาดมากนัก เวลาหุ้นลงมากๆจะได้ไม่กังวล

[quote="Accidental Hero"]ตอนมี 50,000 คิดว่า ถ้ามีสัก 100,000 คงจะมีความสุขมาก
พอมี 100,000 ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดว่า

[quote="chatchai"][quote="Accidental Hero"]ตอนมี 50,000 คิดว่า ถ้ามีสัก 100,000 คงจะมีความสุขมาก
พอมี 100,000 ก็มีความสุขมาก

แต่สักพัก ก็เริ่มคิดว่า

ตอบกระทู้ สี่ล้านไปแปดล้านง่ายกว่า หนึ่งล้านไปสองล้านหรอครับ ? ผมไม่เห็นด้วย และไม่เห็นจะรู้สึกเลย

เสริมคุณฉัตรชัย
เหมือนอย่างที่พระท่านว่า ถ้าเราไม่รู้จักความทุกข์ ก็จะไม่มีจุดเริ่มต้นให้เข้าว่าความสุขอยู่ตรงไหน

ก็คงเหมือนล้านแรกยากแหละครับ

พอมีล้านแรก ก็กลัวว่ามันจะหดหาย เลยแบบมีความกลัวความโลภเข้ามา

แต่พอล้านที่สอง ต้องลงไป 50% แหนะกว่าจะถึงล้านแรก ก็เลยมีความกลัวลดลง

ผมว่าเล่นหุ้นแค่ควบคุมจิตใจได้เนี่ย มีชัยไปเกินครึ่งเลย

Linzhi เขียน:ตอบกระทู้ สี่ล้านไปแปดล้านง่ายกว่า หนึ่งล้านไปสองล้านหรอครับ ? ผมไม่เห็นด้วย และไม่เห็นจะรู้สึกเลย

แสดงว่ามีอย่างน้อยตั้งสี่ล้านแล้วอ่ะ  :ep:

Buffer เขียน:"เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง"
คำพูดของเสี่ยยักษ์

ใครเกิดขึ้นกับตัวเองแล้วมั้งครับ ส่วนผมยังไม่เกิดเพิ่งเริ่มลงทุนแค่ 6 เดือน 8)

เข้าใจว่ามันง่ายขึ้น เพราะเราเริ่มรู้หลักการและจับทิศทางได้ครับ
เหมือนในหนังสือ The Richest Man in Babylon บอกไว้ว่า หลักการ มีค่ามากกว่าทองคำ(เงิน)

ผมว่ามีสองประเด็นนะ
1. ขนาดของเงิน

ถ้าเรามีสัก 1 ล้านบาท ไป 2 ล้าน ผมว่าในตลาดเงินของเราไม่ยากนัก
ที่จะทำ 2 ->4 ->8
แต่พอ 100 -> 200 น่าจะง่ายกว่า 200-> 400 ล้าน เพราะเรื่องสภาพคล่อง
อันนี้คือหุ้น

2. การคุมเกมส์การเงิน
ถ้าเราเห็นการลงทุนเป็นเหมือนหมากรุก เพราะเรื่องเงิน
เช่น ตอน จอร์จ โซรอสบุกเมืองไทยตอนค่าเงิน
เราเห็นุแน่ๆ ว่าอีกฝั่งไม่มีทุนรอนสู้เรา แล้วเรากำไร 99% ปริมาณเงินมันคุมเกมส์ได้

ดังนั้น ต้องดูว่า เราเล่นเกมส์อะไรอยู่
ถ้าเราเล่นเกมส์ที่เหมาะสมกับขนาดเงินของเรา มันก็เหมือนหุ้นตีแตกนั่นแหละครับ

คำพูดนั้นผมว่าฟังไปงั้นๆแหละครับ อย่าไปซีเรียส เพราะมีหลายปัจจัยเกินไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมันจะสำคัญมากกว่าจำนวนเงินที่คุณลงทุนด้วย ที่เค้าว่าอย่างนั้นมนน่าจะเป็นเพราะยิ่งนานไปก็ยิ่งเรียนรู้มากขึ้นเลยทำให้ล้านที่สองได้มาเร็วขึ้น

dome เขียน:ผลจากการmarkตามราคาตลาด นักลงทุนจึงมักคิดว่ามูลค่าสินทรัพย์เรามีค่าเท่านั้นจริงๆลืมนึกถึงต้นทุนที่เราซื้อจริงไป จึงควรถือลงทุนยาวๆ เพื่อให้หุ้นมันซึมสับผลกำไรเพิ่มมูลค่าให้กิจการไปเรื่อยๆ และยึดติดราคาตลาดมากนัก เวลาหุ้นลงมากๆจะได้ไม่กังวล

ผมว่าเป็นตรงกันข้ามมากกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะยึดติดกับต้นทุนในอดีต แล้วเอาต้นทุนในอดีตมาดสินใจซื้อขายในปัจจุบัน

อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้ว

ผมภูมิใจในเว็บของเรามากครับ

เป็นสังคมอุดมปัญญา(ชน)โดยแท้

สามัญชน เขียน:อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้ว

ผมภูมิใจในเว็บของเรามากครับ

เป็นสังคมอุดมปัญญา(ชน)โดยแท้

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

สามัญชน เขียน:อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้ว

ผมภูมิใจในเว็บของเรามากครับ

เป็นสังคมอุดมปัญญา(ชน)โดยแท้

ขออภัยท่านประทานครับ เพราะที่ผ่านมา ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยออกฟามเห็นให้มันอุดมปัญญาเท่าไหร่เลย  :la:  :la:  :la:

ผมคิดว่า ถ้าไม่มีการถอนเงินจากบัญชีมาใช้เลย ถ้าการทำได้สองเท่าตอนยอดเงินสูงจะง่ายกว่าตอนมีเงินน้อย ก็คงเป็นเพราะประสบการณ์  แต่ถ้ามีการถอนเงินออกมาใช้จ่ายตามความจำเป็นด้วย ก็อธิบายได้ง่ายครับว่าน่าจะมีสาเหตุจากการที่ค่าใช้จ่ายไม่ได้โตในอัตราเดียวกับการเติบโตของพอร์ต  

ตัวอย่างง่ายๆเช่น ช่วงแรกตอนเงินน้อยๆ ได้กำไร 5 แสน อาจจะต้องใช้ 2 แสน  ช่วงที่เงินมากขึ้น ได้กำไร 1 ล้าน อาจจะต้องใช้ 3 แสน ดังนั้นอัตราการเติบโตตอนเงินมาก ก็จะมากขึ้น

ตอนหุ้น Berkshire อยู่ 1,000 เหรียญ ก็คงมีคนบอกว่ายากที่จะไป 2,000
พอราคาไปถึง 2,000 ก็คงมีคนบอกว่ายากที่จะไป 4,000
พอราคาไปถึง 4,000 ก็คงมีคนบอกว่าต้องยากมากๆ ที่จะไป 8,000
พอราคาไปถึง 8,000 ไม่นานก็ทะลุ 10,000 และแล้วคอมวอลสตรีทก็แฮงก์
ต่อมาราคาหุ้น Berkshire ก็ทะลุ 16,000
จากราคา 16,000 ก็คงมีคนบอกว่าต้องยากมากๆ ที่จะไป 32,000
พอราคาไปถึง 32,000 ก็คงมีคนบอกว่าต้องยากมากๆๆๆ ที่จะไป 64,000
ตอนนี้ราคาหุ้น Berkshire ทะลุ 64,000 มานานแล้ว และกำลังจะวิ่งไปสู่ 128,000 8)

ผมไม่คิดว่าทั้งจำนวนเงินมากๆ หรือเงินเพียงจำนวนน้อยๆ จะทำให้การสร้างอัตราผลตอบแทนเท่าตัวนั้นยากขึ้น (แต่อาจจะนานขึ้น :lol: )
หากจะใช้คำว่ายากก็ต้องบอกว่ายากกันคนละแบบ
สำคัญที่สุดที่ตัวเราว่าเปิดกว้างทางความคิดและความรู้มากน้อยแค่ไหน หากเรายึดมั่นถือมั่นอยู่กับวิธีการจัดการพอร์ตลงทุนขนาดน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา มีพอร์ตไม่กี่สิบล้าน ก็คงหืดขึ้นคอครับ 8)

ผมว่านะครับ ตอนมี 1 ล้านเนี่ย จะเพิ่มเป็น 2 ล้านมันยาก เพราะว่า คุณมี 1 ล้านจริง แต่ลงทุนได้ไม่ถึงล้านหรอกครับ ค่าใช้จ่ายคุณมีตั้งเยอะ ไหนจะค่ารถ ไหนจะค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายสาระพัด สมมุติใช้จ่าย 5 แสน เหลือลงทุนแค่ 5 แสนเองครับ คิดเป็นผลตอบแทนที่ 300 % เพื่อจะให้ได้ 2 ล้าน

แต่พอมีสองล้านแล้วเนี่ย คุณมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายยังเหมือนเดิม การหาเพิ่มอีกมันก็ง่ายกว่าสิครับ เอาเงินต่อเงิน ถ้ามีทุนเยอะขึ้นมันก็ต่อง่ายขึ้น กรณีนี้คุณมีเงินลงทุน 1 ล้าน 5 แสนครับ  จะให้มี 4 ล้าน ก็คิดเป็นผลตอบแทน 167%

คราวนี้มีสี่ล้าน ถ้าค่าใช้จ่ายเท่าเดิม คุณก็มีเงินลงทุนตั้ง 3 ล้าน 5 แสนนะครับ  จะให้เป็น 8 ล้าน ก็ต้องมีผลตอบแทน 128%  

สรุปแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับเงินต้น และขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายนั่นแหละครับ

แต่ด้วยหลักการ VI ผมว่าล้านหลังๆจะง่ายขึ้นมาก

เพราะว่า

เรารู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
ผมใช้เวลา 25 ปีสร้างล้านแรกในชีวิต
ล้านต่อมาก็เร็วขึ้น ถ้าต้องใช้อีก 25 ปีแก่ก่อนได้ใช้ตัง  :\/:

อัตราทบต้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์มากๆ

[quote="sunrise"]แต่ด้วยหลักการ VI ผมว่าล้านหลังๆจะง่ายขึ้นมาก

เพราะว่า

เรารู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรให้ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม
ผมใช้เวลา 25 ปีสร้างล้านแรกในชีวิต
ล้านต่อมาก็เร็วขึ้น ถ้าต้องใช้อีก 25 ปีแก่ก่อนได้ใช้ตัง