Thai VI

มีเรื่องแปลกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบอยู่กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
คือ เหตุการณ์ว่า บริษัทต้องสำเร็จแบบโน้นแบบนี้ในอนาคต กี่ปี ก็ว่ากันไป
ตามที่ผู้บริหารออกมาบอกกล่าว หรือมีงานในมือ ปีหน้าเท่าไร แต่ไม่บอกว่าตอนนี้มีเท่าไร
มันหมายความว่า คุณอยู่กับปัจจุบันหรือเปล่า หรือ มองหาแต่อนาคตที่ลอยอยู่ในอากาศธาตุ ซึ่งต้องพิจารณาให้ดีว่า อากาศนั้นเป็นสิ่งที่สามารถแปรผันมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือเปล่า ในอนาคตอันใกล้นี้

เข้าใจประเด็นนะ แต่ว่า ต่างคนต่างมุมมอง คุณมองภาพนี้ว่าใหญ่แต่บางคนอาจเห็นว่ามันภาพเล็ก
แต่ก็อย่ามองซะไกลเกินไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่แน่นอน

สเต๊ปปี้หรือป่าวครับ  มองแต่อนาคต  สุดท้ายพลาด

เอสเอ็นซี  ก้อกะลังมองแต่อนาคต  หวังว่าคงไม่ซ้ำรอยเดิม :lol:  :lol:  :lol:

because future is an inescapable result of what present is มั้งครับ

ถ้าคิดงี้ก็มองสองอย่างพร้อมกันเปล่าครับ เอ๊ะ ชักงงๆ

ช่วงเวลาไหน ถึงจะเรียกว่าปัจจุบัน  ช่วงเวลาไหน ถึงจะเป็นอนาคต  แต่ละคนยังคิดต่างกันเลย

เจ้าของกระทู้ มองปัจจุบันหรืออนาคตครับ

ปัจจุบันมองว่าอะไรคืออะไร
จากนั้นดูว่าอนาคตมันคืออะไร
ต้องมีแผน 1 2 3 หรือมากกว่านั้นว่าคืออะไร

แล้วคุณล่ะ ปัจจุบันคุณมองหรือยัง
มาบอกว่าอนาคตดีอย่างโน้นอย่างนี้
แล้วปัจจุบันดีหรือเปล่า

ผมว่า ปัจจุบันดีไม่ดีไม่สำคัญ  

miracle เขียน:มีเรื่องแปลกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบอยู่กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
คือ เหตุการณ์ว่า บริษัทต้องสำเร็จแบบโน้นแบบนี้ในอนาคต กี่ปี ก็ว่ากันไป
ตามที่ผู้บริหารออกมาบอกกล่าว หรือมีงานในมือ ปีหน้าเท่าไร แต่ไม่บอกว่าตอนนี้มีเท่าไร
มันหมายความว่า คุณอยู่กับปัจจุบันหรือเปล่า หรือ มองหาแต่อนาคตที่ลอยอยู่ในอากาศธาตุ ซึ่งต้องพิจารณาให้ดีว่า อากาศนั้นเป็นสิ่งที่สามารถแปรผันมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือเปล่า ในอนาคตอันใกล้นี้

คุณมิราเคิลถามมา ทำให้ผมได้คิดถึงตัวผมเองว่าผมมองอะไร

ถ้าผมมองตัวผมเองในราคาหุ้นปัจจุบัน ผมว่าผมคงยังไม่ใช่นักลงทุนจริงๆเพราะผมกลับมามองเวลาผมทำธุรกิจ ผมมักจะมองการแพลนงานปฏิบัติการล่วงหน้า1เดือน  แพลนงานกลยุทธ์ล่วง3เดือน แพลนงานเชิงนโยบายล่วงทุกๆปี

ทำให้ผมติดนิสัยนั้นเวลาเลือกหุ้นที่จะลงทุน ผมมักจะเข้าไปเสาะหากลยุทธ์และนโยบายของบริษัทนั้นๆในอนาคตเพื่อที่จะดูผลปฎิบัติการในปัจจุบันของบริษัทนั้นๆครับว่าตรงตามเป้าหมายที่เราคาดไว้หรือเปล่า

ถ้าเป้าหมายชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง ก็ถือต่อ ถ้าไม่เข้าเป้า ต้องหาให้เจอในจุดที่พลาดว่า เป็นปัญหาชั่วคราวหรือค้างคืน เอ้ย.ถาวรครับ

สรุปว่าหุ้นมันขึ้นๆนี่ ผมรอดูงบ เทียบกับเป้าหมายในใจ ก่อนตัดสินใจครับ

ปัจจุบัน  เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว  ทุกคนเห็นแล้ว  เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นหรือเลวลงไม่ได้

แต่อนาคต  เป็นสิ่งไม่แน่นอน  ทุกคนยังไม่เห็น  สามารถสร้างภาพให้คนอื่นเห็นได้ว่าดีขึ้นหรือเลวลงได้

ซึ่งบ่อยครั้งที่การลงทุนประสบความสำเร็จ  เกิดจากการสร้างภาพอนาคตให้ดี  ขายได้กำไรโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าดีดังคิดหรือไม่

ราคาหุ้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการในอนาคตของบริษัทแล้วคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันไม่ใช่หรือครับ แล้วไม่มองอนาคตแล้วจะประเมินมูลค่ากันได้ไงครับ

เห็นด้วยกับคุณ JL ปัจจุบันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ สำคัญว่าอนาคตจะเป็นไงมากกว่า

เพราะเวลาขับรถ ต้องมองกระจกหน้าเป็นหลัก ยิ่งมองได้ไกลยิ่งดี แต่อย่างว่า ใกล้ๆก็อาจจะหลอกได้

แล้วกระจกข้างก็ต้องดู หน้าปัดก็ต้องมอง กระจกหลังก็ต้องดูเหมือนกัน....

แต่ขับรถดูแต่กระจกหลังเนี่ย... ไม่ได้นะ
ขับรถดูแค่ระยะ 100 เมตรก็ยิ่งน่ากลัว....ขับรถเร็วๆมากเกินไป ก็น่ากลัวเหมือนกัน ยกเว้น ขาซิ่ง

เอ๊ะ...นี่ผมพูดเรื่องอะไรหว่า  :?:

บางคนบอก ปัจจุบันไม่สำคัญ ใคร ๆ ก็มองอนาคตกันทั้งนั้น
อีกคนบอก อนาคตจะดีได้ยังไง ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับปัจจุบัน
อีกคนว่า ถ้าปัจจุบันดี ก็จะเป็นรากฐานสู่อนาคตที่ดี
สุดท้ายว่า ก็อดีตเค้าทำมาดี ปัจจุบันและอนาคตก็ต้องดีสิ

ผมว่ามันก็เหมือนการเล่นคำเล่นความหมายน่ะแหละครับ เอาเป็นว่า สำคัญทั้ง อดีต ปัจจุบัน และก็อนาคต จะดีที่สุด  :lol:   :lol:    :lol:

ถ้าพูดถึงราคา มันต้องใช้ตัวนี้ใช่ไหมในการเปรียบเทียบ
คือค่า P/E หรือ PE
P คือ ราคา ณ เวลา ปัจจุบันใช่ไหม
E คือ กำไรที่ทำได้ในอดีต

นั้นหมายความว่า PE คือค่าในปัจจุบันและอดีตผสมกันอยู่
แต่ตัวนี้ตัวเดียวอาจจะโดนหลอกได้อีกเหมือนกัน
จริงมีค่าอื่นๆ มาใช้งานควบคู่กันไปด้วย
ค่าที่สำคัญที่มักใช่ควบคู่คือ ROE
อันนี้คือ การคืนกำไรกลับมาให้ผู้ถือหุ้น
ROE มันคือ การมองอดีตอีกเหมือนกัน ตัวนี้ใช้หลักที่ว่า
ความสำเร็จครั้งหนึ่ง นำซึ่งความสำเร็จครั้งต่อไป
มันก็คืออดีตอีกเหมือนกัน

แล้วปัจจุบันกับอนาคตมันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย

ปัจจุบันคือ ภาพที่บริษัทยังคงดำเนินการได้ปกติไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลง หรือมีอะไรกระทบหรือเปล่า

อนาคตคือ สิ่งที่บริษัทคาดหวังไว้ว่าจะเป็นในอีก กี่เดือน กี่ปี เขียนแผนธุรกิจหรือกำลังดำเนินการอยู่ หรือมีอยู่ในมือแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ บ้างครั้งสำเร็จคือสิ่งที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เลย ถ้าล้มเหลวงก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

แล้วนักลงทุนและ ใช้อะไรในการวัด ว่าตัวเองอยู่ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

ผมเป็นคนที่มองกิจการปัจุบัน 20%
มองควาเป็นไปได้ในอนาคต 80%

ตอนนี้พอรท์ผมขยาย 21%
นี่แสดงว่าถ้าผมมองปัจจุบันมากขึ้น พอร์ตก็จะเติบโตมากขึ้น  :lol:





ปล. ไม่เห็นจะเกียว  8)

ถ้าไม่มีปัจจุบันก็ไม่มีอนาคต

ผมเลยมองแต่หุ้นที่ปัจจุบันกำลังมีข่าวร้าย หรือผลประกอบการในปัจจุบันแย่

แต่เห็นว่าอนาคตมันไม่แย่อย่างปัจจุบัน

มองอดีต ปัจจุบันและอนาคต  ล้วนสำคัญทั้งนั้น  

จะเดาอนาคตให้แม่นยำได้อย่างไรถ้าไม่รู้อดีตและปัจจุบัน  อดีตที่ดีอาจจะนำไปสู่อนาคตที่ดีแต่ก็ไม่แน่เสมอไป  อดีตปัจจุบันและอนาคตจึงผูกพันเกี่ยวเนื่องกันอย่างนี้

แต่ล้วนสำคัญด้วยกันไม่ได้แปลว่าสำคัญเท่ากัน

ผมว่าการมองอนาคตสำคัญกว่าอดีตมาก  

เพราะอดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็แล้วไปแล้ว  อนาคตเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นเราสัมผัสได้จับต้องได้มากกว่าอดีตที่เราได้แต่หวนหาเท่านั้นเอง

มองปัจจุบันและอดีต  เราจะเจอหุ้นก้นบุหรี่  เจอหุ้นแข็งแกร่ง เจอหุ้นปันผล หุ้นทรัพย์สินมาก

มองอนาคต เจอหุ้นเติบโต  ซึ่งเป็นสุดยอดหุ้นในใจของหลายๆคน

แต่หุ้นวัฏจักรต้องมองทั้งอดีตและอนาคตครับ

การมองปัจจัยเชิงปริมาณ = เป็นการมองปัจจุบันจากงบการเงิน
การมองปัจจัยเชิงคุณภาพ = เป็นการมองอนาคต โดยใช้จินตนาการ

สำคัญอยู่ที่ว่าเรามองอนาคตได้แม่นยำแค่ไหน และควรระวังจะตกอยู่ในกับดักหรือหลุมพลางของความคิดที่ตนเองสร้างไว้ครับ

ผมยังโดนบ่อยเลย :lol:

แมลงเม่าหุ้น มองแต่ปัจจุบัน ไม่มองทั้งอดีตและอนาคต


มนุษย์หุ้น  มองได้แต่ปัจจุบัน แต่มองไม่ค่อยเห็นอนาคต


เซียนหุ้น  มองได้ทั้งอดีด ปัจจุบัน และมองเห็นอนาคต


ดังนั้นคนส่วนใหญจึงเป็นได้แค่แมลงเม่าหุ้น และมนุษย์หุ้น
รวมทั้งตัวผมเองด้วย


               

[quote="คลายเครียด"]แมลงเม่าหุ้น มองแต่ปัจจุบัน ไม่มองทั้งอดีตและอนาคต


มนุษย์หุ้น

mprandy เขียน:นึกภาพหน้าปกหนังสือออกเลย ว่าแต่ว่าเฮียคลายเคลียดทำไม่ไม่ใส่แมงเม่าหุ้นในหน้าปกอ่ะ

ใส่แล้ว หน้าปกอาจจะดูรกเกินไป
เลยให้มนุษย์หุ้นนั่งสู้กับยักษ์ตลาดหุ้นแบบสบายๆครับ

(แต่ยอดขายหนังสือไม่ค่อยจะสบายนะ  
จนป่านนี้ขายได้ประมาณพันหกร้อย  พันเจ็ดร้อยเล่มแค่นั้นเอง)

 :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:

เมื่อกี้พิมพ์ตกข้อความสำคัญไป
สำหรับมนุษย์หุ้น ที่ถูกต้องคือ

มนุษย์หุ้น  มองได้แต่"อดีตและปัจจุบัน" แต่มองไม่ค่อยเห็นอนาคต

เหมือนเล่นหมากรุกมั้งครับ ตาปัจจุบันเห็นทั้งคู่
ตาอนาคตยิ่งหลาย ๆ ตาข้างหน้า เห็นไม่เหมือนกันเลย และแพ้ชนะก็ตรงนี้

miracle เขียน:ถ้าพูดถึงราคา มันต้องใช้ตัวนี้ใช่ไหมในการเปรียบเทียบ
คือค่า P/E หรือ PE
P คือ ราคา ณ เวลา ปัจจุบันใช่ไหม
E คือ กำไรที่ทำได้ในอดีต

นั้นหมายความว่า PE คือค่าในปัจจุบันและอดีตผสมกันอยู่
แต่ตัวนี้ตัวเดียวอาจจะโดนหลอกได้อีกเหมือนกัน
จริงมีค่าอื่นๆ มาใช้งานควบคู่กันไปด้วย
ค่าที่สำคัญที่มักใช่ควบคู่คือ ROE
อันนี้คือ การคืนกำไรกลับมาให้ผู้ถือหุ้น
ROE มันคือ การมองอดีตอีกเหมือนกัน ตัวนี้ใช้หลักที่ว่า
ความสำเร็จครั้งหนึ่ง นำซึ่งความสำเร็จครั้งต่อไป
มันก็คืออดีตอีกเหมือนกัน

แล้วปัจจุบันกับอนาคตมันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย

ปัจจุบันคือ ภาพที่บริษัทยังคงดำเนินการได้ปกติไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลง หรือมีอะไรกระทบหรือเปล่า

อนาคตคือ สิ่งที่บริษัทคาดหวังไว้ว่าจะเป็นในอีก กี่เดือน กี่ปี เขียนแผนธุรกิจหรือกำลังดำเนินการอยู่ หรือมีอยู่ในมือแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ บ้างครั้งสำเร็จคือสิ่งที่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เลย ถ้าล้มเหลวงก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

แล้วนักลงทุนและ ใช้อะไรในการวัด ว่าตัวเองอยู่ อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

คุณมิราเคิลอย่าไป fix สิว่า P/E หรือ ROE มันเป็นเรื่องของอดีตและปัจจุบันเท่านั้น   คุณต้องมองตัวเลขอนาคต (คาดการณ์)  ผิดถูกใกล้ไกลแค่ไหนเป็นอีกเรื่องนึง  อย่าง PE คุณต้องดู Forwarding PE (ปีถัดๆไป - คาดการณ์) ไม่ใช่ Trailing PE

น้อมรับคำสอนครับ

ประเด็นนี้ อาจจะเป็นประเด็นที่สำคัญมากๆ
เพราะว่าหลายครั้งมันถกเถียงกันไม่สิ้นสุดว่า
ควรอยู่กับปัจจุบันหรือ อนาคตดี
แต่ทุกอย่างต้องมีปัจจุบันวางแผนไว้เพื่ออนาคต
ซึ่งจุดนี้สำคัญมาก หากไม่มีปัจจุบันที่ถูกทางแล้วอนาคตที่เป็นไปจะได้หรือเปล่า

แวะมาดูกระทู้ดีๆ  8)  ...

ผมมองแค่ปีสองปีนี้เองว่าจะดีขึ้นมั้ย มองอดีตว่าเป็นอย่างไรมาบ้าง เพราะอดีตมันก็บอกได้หลายอย่าง ไม่งั้นจะเรียนประวิติศาสตร์กันทำมัย

miracle เขียน:มีเรื่องแปลกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ชอบอยู่กับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง
คือ เหตุการณ์ว่า บริษัทต้องสำเร็จแบบโน้นแบบนี้ในอนาคต กี่ปี ก็ว่ากันไป
ตามที่ผู้บริหารออกมาบอกกล่าว หรือมีงานในมือ ปีหน้าเท่าไร แต่ไม่บอกว่าตอนนี้มีเท่าไร
มันหมายความว่า คุณอยู่กับปัจจุบันหรือเปล่า หรือ มองหาแต่อนาคตที่ลอยอยู่ในอากาศธาตุ ซึ่งต้องพิจารณาให้ดีว่า อากาศนั้นเป็นสิ่งที่สามารถแปรผันมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือเปล่า ในอนาคตอันใกล้นี้

เป็นการไขว่คว้าค้นหาความมั่นคง...เพื่อให้เกิดความมั่นใจ /หรือสนับสนุนแนวทาง (วิธีคิด) ของตนเองในปัจจุบัน

แล้วตกลงว่าเขาอยู่ในปัจจุบัน หรือ อนาคต ?

อดีต ปัจจุบัน อนาคต มันไม่สำคัญเท่ากับ การมีสติ

[quote="Muffin"]เพราะเวลาขับรถ ต้องมองกระจกหน้าเป็นหลัก ยิ่งมองได้ไกลยิ่งดี แต่อย่างว่า ใกล้ๆก็อาจจะหลอกได้

แล้วกระจกข้างก็ต้องดู หน้าปัดก็ต้องมอง กระจกหลังก็ต้องดูเหมือนกัน....

แต่ขับรถดูแต่กระจกหลังเนี่ย... ไม่ได้นะ
ขับรถดูแค่ระยะ 100 เมตรก็ยิ่งน่ากลัว....ขับรถเร็วๆมากเกินไป ก็น่ากลัวเหมือนกัน ยกเว้น ขาซิ่ง

เอ๊ะ...นี่ผมพูดเรื่องอะไรหว่า

Luty97 เขียน:

แต่อย่างไงก็ตามผมคิดว่าถ้าผมจะประเมินราคาหุ้น ผมมองอนาคตเป็นหลัก

ส่วนอดีตผมเน้นเรื่องประวัติผู้บริหาร ปัจจุบันผมมองราคาหุ้น และอนาคตผมมองการเติบโตของ EPS เป็นหลัก เพื่อหา PE ในอนาคต และผมจะไม่มอง PE อดีต

ชอบมากๆ อยากพูดได้แบบนี้แหล่ะ  :lol:

มองอดีต คิดปัจจุบัน ฝันอนาคต  :lol:

คนทำธุรกิจทุกคน ก็ต้องคาดการณ์อนาคตด้วยกันทุกคน
โดยอาศัยข้อมูล จากอตีดและปัจจุบันเป็นฐาน
แล้วพยายามคาดการณ์อนาคต

แล้วก็มีทั้งคน คาดการณ์อนาคตผิด และ คาดการณ์อนาคตถูก

คนคาดการณ์อนาคตถูก มากกว่าผิด  50% ขึ้นไป ก็เป็นผู้ชนะ
คนคาดการณ์อนาคตผิด มากกว่าถูก  50% ขึ้นไป  ก็เป็นผู้แพ้

คนคาดการณ์อนาคตถูก มากกว่าผิด มากๆ ระดับ 80% ถึง 90%
ก็ได้เป็นเซียน แต่จะมีสักกีคนที่ได้เป็นเซียน  ในตลาดหุ้น

สำหรับผม ไม่มีปัญญาจะเป็นเซียน
ก็ขอเป็น แค่คนซื้อตั่วมานั่งดูและเก็บข้อมูล  เกมสงครามการเงิน  
ได้ปันผลจากการค้าขายของบริษัท สักปีละใกล้ๆ 10%
แทนเงินฝากธนาคาร ก็พอใจแล้ว