หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 7:43 pm
โดย metro
สมมตินะครับมี บริษัท 2 บริษัท สมมติ คือ บริษัท A และ บริษัท B
บริษัท A ..
กำไรทั้งปี 40 ล้าน ก่อนภาษี ไม่มีค่าเสื่อมราคา
บริษัท B ..
กำไรทั้งปี 40 ล้าน ก่อนภาษี แต่มีค่าเสื่อม 30 ล้านบาท ซึ่งมาจากค่าเสื่อมของ"ตึก"ล้วนๆเพียวๆ
กำไรสุทธิก่อนภาษี เท่ากับ 10 ล้านบาท และยังต้องตัดค่าเสื่อมไปอีก 10 ปี
ถ้าอัตราการโตทุกอย่างเท่ากัน ..
พี่ๆจะเลือกบริษัท A ที่เสียภาษีมากกว่าเพราะไม่มีค่าเสื่อมมาตัด แต่กำไรออกมาสวยกว่าและสามารถปันผลได้มากกว่า
หรือ ..
บริษัท B ที่เสียภาษีน้อยกว่า แต่เงินสดในบริษัทจะมากกว่าเพราะเสียภาษีน้อยกว่าจากการตัดค่าเสื่อม แต่ก็ปันผลได้น้อยกว่า
ขอบคุณครับ :D
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 7:57 pm
โดย chatchai
ผมดูกระแสเงินสดอิสระ เป็นคำตอบสุดท้ายครับ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 8:06 pm
โดย vivitawin
ถ้าในอนาคต บังเอิญ บริษัท B ขายตึกได้ในราคาสูงมากอาจจะเป็นเท่าๆตัวล่ะครับ
คล้ายๆกับให้เลือกว่า จะเอาลงทุนเช่าตึกแถวมาแบ่งให้เช่าหรือเซ้งต่อ ก็กินส่วนต่าง margin กันไป ไม่ต้องจมเงิน
กับ
การซื้อตึกแถวมาเลย แล้วเก็บกินค่าเช่าเรื่อยๆไม่ได้มากอะไร แต่รอในอนาคตข้างหน้าอาจขายตึกแถวต่อได้ในราคาสูงมากๆ
ผมว่าแล้วแต่คนชอบครับ
ปล.ผมยังไม่ได้มองมุมผลประโยชน์ของภาษีเลยนะครับ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 8:37 pm
โดย contrarian
SST (ทำคลังสินค้า) ช่วงปี46-48 กำไรสุทธิสูงถึง 30% กว่า
เป็นเพราะหักค่าเสื่อมหมดแล้วใช่ไหมครับ
ปล.ผมดู financial highlight แวบๆ ยังไม่ได้เจาะรายละเอียด
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 9:46 pm
โดย Oatarm
พี่ๆจะเลือกบริษัท A ที่เสียภาษีมากกว่าเพราะไม่มีค่าเสื่อมมาตัด แต่กำไรออกมาสวยกว่าและสามารถปันผลได้มากกว่า
หรือ ..
บริษัท B ที่เสียภาษีน้อยกว่า แต่เงินสดในบริษัทจะมากกว่าเพราะเสียภาษีน้อยกว่าจากการตัดค่าเสื่อม
เรื่องค่าเสื่อมนี่ เคยได้ยินมาว่า จะมาหักจากกำไรสุทธิ จากการดำเนินงานไม่ได้นะครับ จึงเป็นเหตุไม่สามารถประหยัดภาษีได้
ใครเป็นนักการบัญชีช่วยคอนเฟิร์มหน่อยครับ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 10:02 pm
โดย สามัญชน
A,B เขาขายให้เราที่ราคาเท่าไหร่ครับ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 10:16 pm
โดย Series7
ถ้าบริษัท A ไม่มีค่าเสื่อม ตลอดชีวิต ก้อคงเลือกคะ สำหรับตัวเองจะเลือกบริษัท คงดู free cash flow เอาไป discount กับ wacc คะ แค่ค่าเสื่อม มันจิ๋วมาก ในความคิด เพราะถึงเป็น non cash expense บริษัทไม่ได้จ่ายเป็นกะตังซะหน่อย ..ตึกก้อยังอยู่กับที่ไม่ได้ไปไหน .. ไม่รู้ว่า ค คิดนี้ใช้ได้ไหม เนี้ย :lol: ส่วนเรื่อง depre กับ tax ไม่ออก ค. คิดเห็นคะ เพราะไม่รู้ จะไปศึกษาก่อน
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 10:18 pm
โดย contrarian
ปิ๊ง ! ขอตอบ ครับ
คิดแบบสั้นๆ เร็วๆ
ซื้อบริษัท A ได้ปันผลเยอะกว่า
ราวๆปีที่ 7-9 จึงไปซื้อ บริษัท B เพราะพอหมด ปีที่ 10 ตัดค่าเสื่อมหมด กำไรจาก 10 ล้านจะเป็น 40 ล้าน เหมือนบริษัท A
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 10:42 pm
โดย เพื่อน
ผมว่าต้องดูค่า BV ด้วยครับ
เพราะบริษัทB เลือกที่จะเปลี่ยนเงินสดเป็นทรัพย์สิน ในขณะเดียวกันก็สามารถลดภาษีลงได้ด้วย
แต่ทรัพย์สินนั้นน่าจะเป็นทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทได้ด้วย เช่นอาคารใหม่ที่จะช่วยขยายกำลังการผลิตในอนาคตอันใกล้ และที่สำคัญ เมื่อหมดภาระตัดค่าเสื่อมไปแล้วสินทรัพย์นั้นยังมีมูลค่าจริงเหลืออยู่มาก ก็จะกลายเป็นกำไรแฝงที่มองไม่เห็นในงบการเงิน(อาจต้องมีค่าบำรุงรักษาลหลงเหลือต้องตัดเป็นค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง)
กรณีทรัพย์สินนั้นเป็นอาคาร มักจะมีมูลค่าเหลืออยู่มาก สามารถทำประโยชน์ไปได้อีกนานหรือตัดขายหรือให้เช่าทำกำไรก็ย่อมได้...แต่ถ้าเป็นอาคารที่สร้างบนที่ดินเช่า มูลค่าของอาคารก็จะกลายเป็น0ไปพร้อมๆกับสัญญาเช่าที่ดินครับ....ถ้าไม่ได้ต่อสัญญายิ่งซ้ำร้าย เพราะต้องหางบสร้างอาคารขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ประกอบกิจการ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 11:08 pm
โดย metro
สามัญชน เขียน:A,B เขาขายให้เราที่ราคาเท่าไหร่ครับ
ราคาเท่ากันอะครับ แบบว่าทุกอย่างเท่ากันหมดอะครับ เลยอยากรู้ว่าถ้าพี่ๆจะเลือกลงทุน พี่ๆจะเลือกบริษัทไหนกันครับ ?
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 11:28 pm
โดย สามัญชน
ถ้าราคาเท่ากัน
สมมติว่าขายให้เรา 400 ล้านเท่ากัน ทั้งคู่ ผมคงเลือกบริษัท A เพราะ pe 10 เท่า ในขณะที่ B pe มากถึง 40 เท่า แฮ่ ๆ BH pe ยังไม่สูงขนาดนี้เลยครับ
แต่ถ้าขายที่ pe 10 เท่ากัน ผมคงเลือก B เพราะซื้อที่ 100 ล้าน ขณะที่ A ซื้อที่ 400 ล้าน
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:45 am
โดย nearly_vi
ราคา หมายถึง price เท่ากัน ผมซื้อ A ก่อน
เมื่อไหร่ที่เห็นว่า B ทำกำไรได้มากขึ้นจาก ตึกที่สร้างใหม่ จนคุ้ม สร้างเงินสดได้มากกว่า A แล้วค่อยเปลี่ยนไปซื้อ B เพราะ ถ้าทุกอย่างเหมือนกันหมด ยกเว้น จำนวนตึก B จะมีโอกาส กำไร เพิ่มด้วยอัตรามากกว่า A ถ้าตอนที่สังเกตเห็น จุดเปลี่ยนนี้ ราคา B ยังเท่า A อยู่
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 7:43 am
โดย leksmile
ถ้าเป็นพี่นะ
ถ้าราคาเท่ากันอย่าง 40 บาท ตัว A pe 10 เท่า ตัว B pe 40 เท่า แล้วยังมีค่าเสื่อมอีก 10 ปี แบบนี้เลือกตัว A
แต่ถ้าในราคา PE เท่ากัน อย่าง ตัว A ราคา 40 บาท ตัว B ราคา 10 บาท pe 10 เท่ากัน แบบนี้เลือกตัว B
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 9:59 am
โดย adi
ถ้ากำไรเป็นเงินสด และอย่างอื่นในงบการเงินเหมือนกันหมด เลือก B เห็นๆ แทบไม่ต้องคิดเลย เพราะ free cash flow มากกว่าจะๆ 8)
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 11:53 am
โดย metro
เอาใหม่นะครับ จะได้ข้อมูลตรงกัน ...
สมมติราคาเท่ากันที่ 40 บาท
กำไรก่อนหักภาษีเท่ากันที่ 40 ล้านบาท
สมมติการเสียภาษีที่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่ากัน
อัตราการจ่ายปันผลที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของกำไร
อัตราการเติบโตเท่ากัน
ต่างกันตรงที่ ..
- บริษัท A: ไม่มีค่าเสื่อม
- บริษัท B: มีค่าเสื่อมจากอาคารล้วนๆ เพียวๆ และ ต้องตัดไปอีก 10 ปี
บริษัท A
- กำไรก่อนหักภาษีเท่ากับ 40 ล้านบาท
- ดังนั้นจะเสียภาษีเท่ากับ 12 ล้าน
- จะเหลือกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท
- จะได้ EPS เท่ากับ 2.8 บาทต่อหุ้น
- จะได้ PE เท่ากับ 14.28 เท่า
- สามารถปันผลได้ 1.40 บาท ต่อหุ้น
- อัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 3.5 เปอร์เซ็นต์
บริษัท B
- กำไร 40 ล้านบาท หักค่าเสื่อม 30 ล้าน จะเหลือกำไรก่อนหักภาษี 10 ล้านบาท
- ดังนั้นจะเสียภาษี เท่ากับ 3 ล้านบาท
- จะเหลือกำไรสุทธิ 7 ล้านบาท (แต่ถ้าบวกกลับค่าเสื่อม 30 ล้าน จะกำไรเท่ากับ 37 ล้านบาท)
- จะได้ EPS เท่ากับ 0.7 บาทต่อหุ้น
- จะได้ PE เท่ากับ 57 เท่า
- สามารถปันผลได้ 0.35 บาท ต่อหุ้น
- อัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 0.86 เปอร์เซ็นต์
ถ้าพี่เลือกที่จะซื้อ จะเลือกซื้อหุ้นบริษัท A หรือ บริษัท B ครับ รบกวนขอเหตุผลด้วยนะครับ ???
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:02 pm
โดย naris
หาคำตอบยากครับ ขึ้นอยู่กับเราต้องการอะไรจากการลงทุน และมีปัจจัยคุณภาพของค่าเสื่อม เพราะขึ้นกับว่าธุรกิจเขาทำอะไร สามารถแปลงค่าเสื่อมที่ซ่อนไว้ออกมาได้ในอนาคตหรือเปล่า แต่ถ้าจะให้ตอบจริงๆ ผมขอลอกการบ้านพี่ฉัตรชัยครับ ต้องดูกระแสเงินสดอิสระในระยะยาว(ในระยะเท่าที่เราต้องการลงทุน)
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:59 pm
โดย Ryuga
รายละเอียดยังไม่พอที่จะตัดสินใจครับ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 2:08 pm
โดย adi
เอางี้ครับ ผมช่วยคุณ metro ถามดีกว่าครับ
บริษัท A และ B เป็นบริษัทที่เหมือนกันทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของสินทรัพย์ ผู้บริหาร รายได้ ความสวยของเลขา ฯลฯ พูดง่ายๆก็คือเป็นบริษัทเดียวกันนี่แหละ แต่แตกต่างกันอย่างเดียวคือ ณ ปีที่เราจะลงทุนบริษัท B มียอดค่าเสื่อมที่จะต้องตัดเพิ่มอีก 30 ล้าน ในขณะที่บริษัท A ได้ตัดค่าเสื่อมหมดไปแล้วในปีที่แล้ว
ดังนั้นงบการเงินของบริษัท A และ B จึงแทบเหมือนกันทุกประการยกเว้น depreciation ที่บริษัท B ต้องเอามาใส่ใน income statement ทำให้กำไรสุทธิในปีถัดไปของ B ต่ำกว่า A
fixed asset (net) => เนื่องจาก A ได้ตัดค่าเสื่อมไปหมดแล้วและ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินทางบัญชีของ B มากกว่า A (รวมถึง กำไรสะสมด้วย) ในจำนวนที่เท่ากับค่าเสื่อมที่ยังไม่ทำเป็นค่าใช้จ่าย
ถ้าเจ้าของบริษัท A และ B ขายบริษัทให้คุณในราคาเดียวกัน(สมมุติว่าถูกจนไม่น่าเชื่อ) แต่คุณมีเงินซื้อได้แค่บริษัทเดียว คุณจะซื้อบริษัทไหนครับ
ผมก็ยังว่า B เห็นๆอยู่ดีอ่ะ
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 2:09 pm
โดย sunrise
ไม่ซื้อแพงทั้งคู่ :lol:
ค่าเสื่อมราคา ดี หรือ ไม่ดี ??
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 07, 2007 10:08 am
โดย miracle
ค่าเสื่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทางบัญชี เป็นการตัดเป็นงวดๆไป มีหลายหลากวิธี แต่ในความเป็นจริงเงินที่ใช้ในการลงทุนนั้น ได้ใช้ไปแล้วจริงๆแล้ว ทางบัญชีไม่สามารถตัดครั้งเดียวได้ เพราะว่า ถ้าหากตัดครั้งเดียวเลย อาจไม่แสดงความเป็นจริงได้
ค่าเสื่อมราคานี้ ใช้เป็นไม้สุดท้ายเลยว่า
มันมีอะไรผูกพันอีกหรือไม่ล่ะนั้น
เพราะบริษัทขาดทุน แต่ขาดทุนเพราะค่าเสื่อมอันนี้ต้องพิจารณาเลยว่า มันซ่อนของดีไว้ แต่ผู้ลงทุนต้องไปพิจารณาว่า บริษัทมันทำกิจการอะไรต่อไป
ถ้าหากกิจการไม่ดี แล้วขาดทุน แต่ค่าเสื่อมพยุงไว้ งานนี้ก็ตัวใครตัวมัน (CASE ของ พัดลมนรก,น้องจริงใจ เป็นต้น)
แต่คำถามนี้ ตอบยากอ่ะ ถ้ามองระยะยาวจริง
บริษัทแรกอาจจะมีการเอาเงินไปลงทุนเพิ่มเติมได้
เพราะตัวเองไม่มีภาระอะไร เอาเงินไปต่อยอด
ส่วนบริษัทสองนี้เพิ่งลงทุนไป ต้องพักซักระยะ ถึงลงทุนได้ คือ ค่าเสื่อมลดลงแล้ว ไปซักระยะหนึ่ง
ในส่วนตัวของผม ดูงบเสร็จ ต้องถามต่อไปว่า มันทำกิจการอะไร กิจการมันดีหรือเปล่า
ถ้าหาก A เป็นกิจการที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ไปเรื่อยของมัน
B เป็นกิจการที่เติบโตอยู่ต่อเนื่อง
เป็นผมเลือกB ซื้ออนาคต
ถ้าหากกลับกัน A โตเอาโตเอา B ลงทุนไปเนี่ยไม่เห็นผลอะไรเลย ซื้อ A แน่นอน
บ้างครั้งมันแล้วแต่สถานการณ์ล่ะครับ