Thai VI

อยากรู้เรื่อง TT&T และ TT&T-W1

เนื่องจาก ATC ขึ้นจาก 3 บาท ไป 70 PSL ขึ้นจาก 20 บาท ไป 470

เราเองก็ได้แต่นึกว่าเขาปั่น พอเวลาผ่านไป อ้าว เขาไม่ได้ปั่นกัน แต่ผลประกอบการมันขึ้นมารับ ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอีก กลับกลายเป็นการที่เราปักใจว่ามันปั่นกัน กลายเป็นเราเสียโอกาส

ผมเองก็เลยมามอง tt&t ซึ่งปัจจุบัน ขึ้นจากต้นปี 2.5 บาท มาเป็น 6.4 บาท

อยากทราบว่าหุ้นตัวนี้ จะเป็นอย่างไรในอนาคต เพราะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการคือการเปิดเสรี โทรคมนาคม

ขอให้เพื่อนๆช่วยกันวิเคราะห์ ว่าต่อไป จะเป็นอย่าง ATC หรือ PSL หรือเปล่า

หมายเหตุ ผมว่าดีนะ แต่ยังไม่ได้รู้รายละเอียด เห็นแต่ กิมเอ็งให้ราคาไว้ว่า 7.1 บาท

ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักวิเคราะห์แล้ว เพราะเขาชอบวิเคราะห์ตามเนื้อผ้า เพราะอีกหน่อยพอมีอะไรดีขึ้นมา ก็มาปรับเป้ากันอีก

และผมยังไม่มีหุ้นตัวนี้นะครับ ไม่ได้เชียร์ให้ซื้อเพื่ออกของ อะไรทำนองนั้น

เพราะรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้ กว่าจะดีก็ต้องถือยาวเป็นปี เหมือนกัน

TT&T ต้องแบ่งรายได้ให้ ทศท

ดังนี้

1.2.1 ส่วนแบ่งรายได้กับ ทศท.
ตามสัญญาร่วมการงานและร่วมลงทุนขยายบริการโทรศัพท์ 1 ล้านเลขหมาย ในเขตโทรศัพท์ภูมิภาคระหว่าง ทศท.และบริษัท ฯ ทศท. จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ร่วมการงานฯ ตลอดอายุสัญญาจนถึงปี 2561 ดังนี้

รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน อัตราส่วนแบ่งรายได้ให้แก่ ทศท.
1,000,000 เลขหมาย ร้อยละ 43.1 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย
500,000 เลขหมาย (ส่วนขยาย) ร้อยละ 44.5 ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย

เมื่อแปลรูปเสร็จ ต้องแบ่งให้ทศท อีกหรือเปล่า หรือว่าไม่ต้อง และตอนนั้น ทศท จะเป็นหน่วยงานแบบไหน

รบกวนผู้รู้ ผู้เดา ผู้สังเกตุการณ์ ทั้งหลายช่วยวิจารณ์ด้วยคับ

พี่เจ๋งผมมีหุ้นนี้อยู่มากเอาการ เพิ่งซื้อไม่นานมานี้เอง เนื่องจาก กทช.เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หากมีการแปลสัญญาสัมปทานกันจริงๆTT&Tจะดีขึ้นมาก เพราะขณะนี้จ่ายค่าต๋งถึงเฉลี่ย 49%ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือตกประมาณ1000กว่าบาทต่อเลขหมายต่ดเดือน หากลดค่าใช้จ่ายไปได้ซักครึ่งหนึ่งจะทำให้กำไรดีขึ้นผิดหูผิดตา ผมเชื่อว่าบริษัทฯมีสายถึงบ้านแล้วและการขยายตัวจะเน้นไปที่ต่างจังหวัดมากขึ้นเขตอุตสาหกรรมก็ยังเป็นของบริษัทอีก บริการเสริมก็จะทำได้มากขึ้นไม่ต้องเสนอทศท.ที่คอยโปรโมชั่นสกัดดาวรุ่งอีกนะครับ อีกทั้งยังไม่มีสำนักใดออกบทวิจัยมา ยกเว้นกิมเอ็งจัดเป็นหุ้นนอกสายตาเลยล่ะ ถ้าถือแล้วดูกันยาวๆ ผมว่าก้นบุหรี่อันนี้มีให้สูบอีกมาก

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ท่านใดอ่านแล้วโปรดใช้สติและวิเคราะห์นะครับ ความเสี่ยงเป็นของท่าน ผลตอบแทนก็ของท่านนะครับ

อ้าวเหรอ ซื้อไว้แล้วหรือ

อืม

ขอถามนิด หนึ่ง สอง สาม

ว่า

หมายเลข 1.5 ล้านเลขหมาย นี่ ตกลงเป็นของใคร เห็นว่า ตามสัมปทาน ต้องยกโครงข่าย และทุกสิ่งทุกอย่างให้ ทศท

แล้วแปรรูปแบบนี้ แล้วจะไปยกให้ใคร

งง

ผมคิดว่า น่าจะมีการจ่ายค่าชดเชยสัญญาจำนวนหนึ่งมั้งครับ
ก้อนเดียว จากนั้นก็หลุดพ้น .... แต่ไม่แน่ใจนะครับ

ตามมาดู คุณเจ๋ง แหะ แหะ

ต้องมีการจ่ายค่าชดเชยจำนวนหนึ่งให้ทศท.ครับ คงเป็นเงินก้อนโตมาก หากให้จ่ายทีเดียวคงกระอัก แต่ผมเชื่อว่าคงตกลงกันแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ จากนั้นก็เป็น T ของข้าบ้างแล้วล่ะ

เนื่องจาก ATC ขึ้นจาก 3 บาท ไป 70 PSL ขึ้นจาก 20 บาท ไป 470

เราเองก็ได้แต่นึกว่าเขาปั่น พอเวลาผ่านไป อ้าว เขาไม่ได้ปั่นกัน แต่ผลประกอบการมันขึ้นมารับ ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปอีก กลับกลายเป็นการที่เราปักใจว่ามันปั่นกัน กลายเป็นเราเสียโอกาส

ผมคิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐาน อย่างมีนัยสำคัญของหุ้นทั้งสองตัว
กรณี ATC -ราคาเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเป็นวงจรของสินค้า
- ต้นทุนการผลิตลงลงมาก เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิต
- ต้นทุนทางการเงิน ลดลงอย่างมาก เนื่องจากการการปรับโครงสร้างทางการเงิน การลดลงของอัตราดอกเบี้ย การแปลงหนี้เป็นทุน

กรณี PSL -รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นวงจรสินค้า
-ต้นทุนทางการเงิน ลดลงอย่างมาก เนื่องจากการการปรับโครงสร้างทางการเงิน การลดลงของอัตราดอกเบี้ย

ATC ที่ราคา 70 บาท จะมีมาร์เก็ตแคป 67,000 ล้านบาท!!
เพื่อกำไรที่แท้จริงสี่ไตรมาสย้อนหลังที่ทำได้ประมาณ 2,870 ล้านบาท
คิดเป็นพีอีประมาณ 23 เท่า!!
และคงยังไม่สามารถจ่ายปันผลได้ใน 1-2 ปีนี้ หรือจ่ายในอัตราที่น้อยมาก

PSL ที่ราคา 47 จะมีมาร์เก็ตแคป 24,440 ล้านบาท
เพื่อกำไรที่แท้จริงปี 46 ที่คาดว่าจะทำได้ประมาณ 24 ล้านเหรียญหรือ 936 ลบ.
คิดเป็นพีอีประมาณ 26 เท่า!!
ปันผลประมาณ 2 % (น้อยกว่า TR ซะอีกครับ )

ให้กำไรปีนี้ เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว พีอีของทั้งสองตัวนี้ ก็ลดลงเหลือประมาณ 12-13 เท่า ซึ่งพีอีระดับนี้ก็ไม่ถูกนะครับ

แสดงให้เห็นว่านักลงทุนหลายท่านคาดหวังกับหุ้นสองตัวนี้ค่อนข้างมาก
ประกอบกับมีการพยายามของ "กลุ่มคน" ที่จะทำให้นักลงทุนคิดว่า
หุ้นทั้งสองตัวนี้มีคนคุมราคา (ทำให้ถึงแม้ตกก็ตกไม่มาก และจะขึ้นมาอีกเสมอ)
ทำให้หลายคนไม่ขายหุ้นทั้งสองตัวนี้ ทั้งสองปัจจัยทำให้หลายคนคิดว่าหุ้นสองตัวนี้ จะขึ้นแบบ forever !! ซึ่งผมคิดว่าอันตรายครับ ควรระวังเป็นอย่างยิ่ง

หลายคนอาจคิดว่า หุ้นขึ้นแสดงว่าเราถูก
กลับกัน หุ้นลง แสดงว่าเราผิด!
มองอย่างนี้ อาจทำให้เข้าใจได้ว่า แม้ลงทุนในหุ้นที่มีการ"ปั่น" ก็เป็นสิ่งที่ถูก
ลงทุนในหุ้นที่ดี แต่ราคาไม่ไปไหน อาจเป็นสิ่งที่ผิด
ผมมองว่าให้ดูในระยะยาวหน่อยดีกว่าครับ อาจจะมองอะไรได้ชัดเจนขึ้น
นักกอร์ฟที่ประสบความสำเร็จ คงไม่ต้องทำ hoe in one บ่อยๆ นะครับ
แต่ให้ save par บ่อยๆ ก็น่าจะประสบความสำเร็จแล้ว

ขออนุญาติมองต่างมุมนะพี่เจ๋ง...

ดีครับ มองหลายๆมุมดีแล้ว

ส่วนตัวแล้ว ก็ไม่ค่อยชอบหุ้น ที่เป็นรอบ และหุ้นที่มี PE สูงๆ

ทั้ง ATC ทั้ง PSL ก็เป็นอย่างที่คุณลูกอีสานว่าไว้

เพียงแต่ ผมพยายามติดตามอย่างใกล้ชิด ก็เห็นว่า กำไรก็มีโอกาสโตขึ้นจริงๆ

ซึ่งคงเป็นรอบๆ

อย่างกรณี tt&t จะมีโอกาสกำไรแบบก้าวกระโดด อย่างหุ้น ทั้ง 2 ตัวหรือไม่ครับ

คุณลูกอีสาน

เห็นด้วยกับคุณ _ลูกอีสาน ครับกำไรแน่อนดีกว่าครับ แต่ตลาดแบบนี้ทำให้จิตใจผันผวนง่ายครับ เพราะหุ้นตัวอื่นที่เป็น cycle บวกอาทิตย์ละ 5-10% หรือ อาจจะใช้เพียงวันเดียว(ง่ายๆดู SCIB-C1 +-วันละเท่าไหร่)

ส่วน TT&T แนวโน้มน่าจะได้งานจากภาครัฐเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เข้าไปดูในเวป งงๆว่าทำไม web tt&t (www.ttt.co.th) มี link ไปยัง ITD ด้วยครับ แปลกๆนะครับ (หรือว่าผู้บริหารมีความเกี่ยวข้อง ใครทราบช่วยบอกทีครับ)

รอทะลุ high เดิมก็ได้ครับ ผมเชื่อว่าหุ้นขึ้นมักจะขึ้นอีกครับ แต่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจริงๆ ส่วนตัวผมว่า telecom มันเหมือนพลุครับ พุ่งระเบิดและก็ร่วงลงมา

ชอบคุณลูกอิสานตอบกระทู้นี้จัง
ยอดเยี่ยมมากครับ
เอาใจช่วยลุ้น TR ต่อไปครับ

ส่วนตัวผมมองอนาคตของ TT&T ไม่ออกจริงๆครับ
แม้แต่คนในวงการ ก็ยากที่จะคาดการณ์ครับ
ที่ราคา TT&T เคยตกลงไปเหลือแค่ 1 บาท
ก็เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่่
(ลำพังการขาดทุนค่าเงิน การจ่ายผลตอบแทนที่ 43 % คงไม่กระทบถึงขนาดนี้)
ก็ใครจะคิดว่ามือถือจะมาแทนที่โทรศัพท์ตามบ้าน.....
ในอเมริกาเอง AT&T ก็ย่ำแย่ครับ ต้องมาทำมือถือแข่งกับรายอื่นๆ

สินทรัพย์ซ่อนเร้นที่มีค่ามากที่สุดของ TT&T ก็น่าจะเป็นสายโทรศัพท์
ที่เข้าถึงบ้านหลายแสนหลัง ทั่วประเทศไทยครับ
ไม่รู้ว่าจะหามูลค่าเพิ่มจาก ช่องทางนี้ได้มากแค่ไหน

หากต้องการเก็ง ผลการแปลงสัมปทานก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงครับ
เพราะคนที่มีอำนาจ (ทางอ้อม) ก็มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทนี้ครับ
เป็นคนเดียวกันที่ตอนสมัยรุ่งเรือง จัดงานเลี้ยงรุ่น แจกนาฬิกา มูลค่าเรือนหมื่น
ให้เพื่อนๆ ร่วมรุ่นทุกคนครับ...

ผมเคยสนใจ TT&T ตอนราคาประมาณ 2 บาทครับ เนื่องจากเริ่มทำกำไร
หลังจากท่าน พิสิฐ ลี้อาธรรม เข้าไปบริหาร (เพิ่งทราบว่าท่่านลาออกแล้ว)
แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เลยไม่ได้ซื้อครับ

ท่านพิสิฐ เคยทำการตรวจสอบสัญญา โทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย
และพบความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง เป็นที่มีของการขัดแย้ง
ระหว่าง รมช.คมนาคมสมัยนั้น คุณ นุกูล ประจวบเหมาะ (ตงฉินคนสุดท้ายของเมืองไทย?)กับคณะรสช และคุณ ธนินท์ นำไปสู่การแบ่งการติดตั้งโทรศัพท์ในเมืองหลวง 2 ล้านเลขหมาย และภูมิภาค 1 ล้านเลขหมาย

ความไม่ชอบมาพากลของโครงการนี้ บันทึกโดยท่านนุกูล ในหนังสือ
"ชีิวิตคุ่มค่า" ตอนหนึ่งว่า...

"ในห้องทำงานของผมนั้นมีโทรศัพท์อยู่ 2 เครื่อง เครื่องแรกใครจะโทรเข้ามาต้องผ่านคุณอารีรัตน์ก่อน ส่วนอีกเครื่องหนึ่งมีสีแดงเป็นสายตรง ตั้งแต่ผมไปนั่งทำงานในกระทรวงฯ ร่วม 2 สัปดาห์ ไม่เคยมีใครโทรมาก่อนเลย ผมเองก็ไม่เคยใช้โทรศัพท์เครื่องนั้น ในวันนั้นปรากฎว่าโทรศัพท์มีเสียงดังขึ้น เมื่อผมรับสาย ปรากฎว่าผู้พูดคือ คุณธนินท์ เจียรวนนท์"


้