Thai VI

พอดีไม่สามารถ post ลงในร้อยคนร้อยเล่มได้ เลยpostห้องนี้แล้วกันนะครับ
หนังสือเก่า แต่ อ่านดูแล้วน่าสนใจ

Blue Ocean Strategy



รหัสหนังสือ :  9789749698617  
จำนวน :  328 หน้า  
ผู้แต่ง :  RANEE MAUBORGNE และW.CHAN KIM  
ผู้แปล :  -  
 
 
ขนาดรูปเล่ม :  146 x 210 x 15 มม.  
เนื้อในพิมพ์ :  ขาวดำ  
ชนิดของปก :  ปกอ่อน  
เดือน/ปีที่พิมพ์ :  04/2006

ราคาปก 280.00  บาท

เวปของคณะบัญชีที่อาจารย์ รศ.ดร.พสุ เดชะรินทร์ทำแบบย่อไว้ครับ ลองคลิ๊กดู

รายละเอียดหนังสือ
กลยุทธ์น่านน้ำสีครามคือแนวทางอย่างเป็นระบบที่ทำให้การแข่งขันล้าสมัยไปอย่างสิ้นเชิง ในหนังสือที่นำเสนอการเปลี่ยนกรอบความคิดเล่มนี้ คิมกับโมบอร์คนำเสนอการเปลี่ยนกรอบความคิดเล่มนี้ คิมกับโอบร์นำเสนอกรอบการวิเคราะห์ที่ได้มีการพิสูจน์แล้วรวมทั้งได้เครื่องมือที่จะสร้างและจับแนวน่านน้ำสีครามให้ประสบความสำเร็จ หลังจากได้ตรวจสอบการดำเนินการทางกลยุทธ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลายแล้ว กลยุทธ์น่านน้ำสีครามได้ชูหลักการหกประการที่บริษัททุกบริษัทสามารถใช้สร้างและนำกลยุทธ์ดังกล่างไปปฎิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม หลัการทั้งหกประการที่ว่านี้ชี้ให้เห็นวิธีสร้างกรอบการตลาดใหม่ โดยเน้นที่ภาพรวม

ถ้าผมเป็นนักผจญภัย ผมคงจะชอบมากนะครับ

พี่หมอเขียนได้โดนจริงๆครับ ผมอ่านผมก็ว่ามันทะแม่งๆ เมื่อเขากล่าวว่าตนเองเหนือชั้นกว่าทะเลแดงต้นตำหรับ แต่ไม่รู้ว่ามันไม่ใช่ตรงไหน จนพี่หมอมาโพสท์นี่แหละถึง อ๋อ.

พูดถึงการลอกเลียนแบบผมว่ามีอยู่สองส่วนที่คู่แข่งเข้ามาเลียนแบบได้ยากคือ ความจงรักภักดีของผู้บริโภค และ วัฒนธรรมองค์กร ครับ

ถ้าอยากต่อยอดจากหนังสือBOSเล่มนี้ ลองหาหนังสือ CASE STUDY 10.0 มาอ่านดู ในร้อยคนร้อยหุ้นมีโพสไว้แล้ว เป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่นำ BOS มาใช้ เช่น LG, RS, AF

พิมใหม่แล้วครับ ปี49 หรือ50 นี่แหละ เปนอีก 1 หนังสือที่นักลงทุนต้องอ่าน

ยังอ่านไม่จบครับ
เลยไม่ได้ review หนุนหัวนอนอยู่

"กลยุทธ์น่านน้ำสีครามคือแนวทางอย่างเป็นระบบที่ทำให้การแข่งขันล้าสมัยไปอย่างสิ้นเชิง"

คงไม่สามารถเป็นแบบนี้ได้ตลอดไปกระมัง ตามทฤษฎี scarcity สุดท้าย ไม่ว่ามหาสมุทรจะกว้างใหญ่ขนาดไหน ก็ยังเป็นทรัพยากรที่จำกัด แต่ความต้องการของมนุษย์นั้นไม่มีขีดจำกัด

มันก็ต้องหาอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยแหล่ะครับ continuous improvement...เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน trend ก็เปลี่ยน....

ก็เป็นกลยุทธนึงสำหรับผู้เริ่มต้นได้ดีนะ ผมว่า

ผมไม่เคยอ่าน แต่เข้าใจว่าแนวคิดคล้ายๆการเล่นโกะ กับเกมส์เทียรี่เปล่าครับ
คือเป็นการคิดเชิง dynamic ว่าชาวบ้านเขาคิดอะไรแล้วเอามาวางแผน ซึ่งต่างจากแนวคิดบริหารปกติที่จะไม่เน้นเรื่องพวกนี้มาก คือถ้าเราทำได้ดีแล้ว เราจะอยู่ได้ เช่นถ้าธุรกิจต้องมี economy of scale ก็ทำให้มี แล้วก็จะอยู่ได้ ซึ่งจริงๆอาจจะไม่พอ

q-con ไม่น่าจะเป็น BOS

ธุรกิจผลิตอิฐมวลเบานี้มีมานานแล้ว ต้นกำเนิดเทคโนโลยี่การผลิตอยู่ที่เยอรมัน คือ HEBEL  ซึ่งที่เยอรมันมีรายผลิตใหญ่อยู่2-3รายที่นั่น

จะว่าเป็นการผลิตอิฐที่ใส่ส่วนผสมให้เกิดฟองอากาศที่ไม่เนื่องกันทำให้กันความร้อนและเสียงได้ แต่ในตลาดวัสดุก่อสร้างแนวป้องกันความร้อนมีอยู่มากกมายในตลาดซึ่งก็เป็นน่านน้ำสีเลือดอยู่แต่แรกแล้ว

ส่วนเรื่องการไม่มี ป้อมค่ายคูเมือง ในการป้องกันผู้เล่นหน้าใหม่นั้นเห็นด้วยครับ

case q-con นี้ที่ว่า เข้าตลาดมาด้วยmarginสูงลิ่ว ก็ให้ดูที่ลูกค้าหลักๆที่ซื้อของถึง70%ของยอดขาย ก็น่าจะรู้ว่าทำไมถึงขายให้ได้ เพราะเป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ถือหุ้นใหญ่

แล้วก็ไม่ได้เป็นธุรกิจหลักของแต่ละผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย เป็นแค่Support Line ผลิตเท่านั้นเอง

แล้วแต่มุมมองครับ เรื่อง BOS
หากธุรกิจที่คุณลงทุนอยู่เกิดมีidia เรื่อง BOS ขึ้นมา ไม่น่าสนใจหรือครับ 8)

ผมมองแค่เป็น product life cycle ที่จำเป็นต้องเปลี่ยน curve เมื่อสินค้าเดิมไม่เป็นที่นิยม ......

แนวคิดดีครับ

การอ่านหนังสือแล้วเอามาทำ มันยากกว่าการ ทำเสร็จแล้วมาเขียนหนังสือมากมายนักครับ .............

ระยะทางพิสูจน์ม้า
กาลเวลาพิสูจน์คน

พึ่งได้อ่านครับจองมาเดือนกว่าๆ(หนังสือห้องสมุด) คนเขียนความคิดตรงกับผมเลยคือไม่เชื่อถือใน built to last เพราะผมนิยม small is beautiful มากกว่า แต่ผมชอบ good to great นะ