Thai VI

ดูยากจริงๆ

กะว่าจะตายไปแล้ว นี่ฟื้นคืนชีพ

หรือว่า เป็นกระทิงตัวใหม่ ตัวแท้ๆ กันเนี่ย - -''

ใครมีประสบการณ์ คิดว่ายังไงกันครับ

กระทิงตัวนี้ วอลุ่มน้อยไปหน่อยนะ
คราวที่แล้วขึ้นแรง ลงแรง แล้วกลับมาขึ้นแรงอีก ความแรงเท่ากันด้วย

เดาเอานะว่า สัปดาห์จะนิ่งๆ ไปจนถึงวันศุกร์ เพื่อให้กระทิงตัดสินใจเลือกทางเดิน

เดาว่ากระทิงแท้อยู่ป่าครับ ไม่มีใครรู้

เหมือนที่เค้าบอกว่า ไม้ล้มในป่าใหญ่ จะมีใครรู้มั้ย ........

nearly_vi เขียน:ดูยากจริงๆ

กะว่าจะตายไปแล้ว นี่ฟื้นคืนชีพ

หรือว่า เป็นกระทิงตัวใหม่ ตัวแท้ๆ กันเนี่ย - -''

ใครมีประสบการณ์ คิดว่ายังไงกันครับ

ดูยากอย่างนี้ สงสัยจะเป็น กระทิงเทยแท้ๆครับ
บางทีก็ออกอาการ บางทีก็ต้องเก็บอาการ

ยังไง๊ ยังไง ก็ยังมองเป็นขาขึ้นใน wave ใหญ่ที่ 1 ครับ

เดาผิดอย่าว่ากันน้า อิๆๆๆ

โห... เสียดาย

ยังเก็บไม่พอเลย หุ้นขึ้น เกินราคาที่ต้องการอีกแล้ว

ตอนนี้เลยรอ... รอ... แล้วก็รอ... อย่างเดียว (แล้วก็ดูพอร์ตโต)

เสียดาย

รอบที่แล้ว ฟันกระทิงไป ได้มาพอควร

ไม่ได้ซื้อกลับ แง่มๆ

ก็กลัวว่ามันจะเป็นทิงเทียมน่ะสิ

แต่นี่ทำท่าจะเป็นทิงแท้ไปซะได้

เพี้ยงๆๆ จงล้มๆ  อิอิ

ต่างชาติมันสุดยอด ซื้อทั้ง set50 แล้วก็ long tfex

ตามหลักแล้ว มันควรค้านกัน ตัวหนึ่งซื้อตัวหนึ่งขาย

แต่ซื้อทั้งคู่และด้วยจำนวนพอร์ตที่ใหญ่ๆ เดาว่า คงมองทิศทางสามารถควบคุมดัชนีให้วิ่งไปตามที่ต้องการได้ (ลากขึ้นดอย)

น่ากลัวจริง ๆ ครับ ทำไมตลาดหุ้น(ทั่วโลก) มันคึกขนาดนี้ครับ
ผมเลยทั้งเบื่อทั้งเซ็ง เคยชินกับตลาดนิ่ง ๆ มาตั้งนาน 555

lekmak333 เขียน:ต่างชาติมันสุดยอด ซื้อทั้ง set50 แล้วก็ long tfex

ตามหลักแล้ว มันควรค้านกัน ตัวหนึ่งซื้อตัวหนึ่งขาย

แต่ซื้อทั้งคู่และด้วยจำนวนพอร์ตที่ใหญ่ๆ เดาว่า คงมองทิศทางสามารถควบคุมดัชนีให้วิ่งไปตามที่ต้องการได้ (ลากขึ้นดอย)

ผมว่าการซื้อด้านขายอีกด้านมันเป้นแค่หลักการณ์ที่เขียนไว้ แต่เอาเข้าจริงๆเครื่องมือ future มันก็แค่ตัวเร่งกำไรของคนทำราคาเท่านั้นล่ะครับ

ผมจำได้ว่าตลาดหลักทรัพย์เคยมาทำ research เกี่ยวกับ future เมื่อ10กว่าปีก่อน ซึ่งมาสอบถามนักลงทุนตามห้องค้า ซึ่งผมให้ข้อมูลไปว่ามันไม่ได้ลดความเสี่ยง แต่มันเป็นการเพิ่มการขาดทุนกำไรให้มากขึ้น เพราะคนไทยยังมีความรู้ด้านนี้ไม่มาก แถมตลาดไทยมันเล็กเกินไปที่จะทำ future เพราะคนที่มีเงินจะใช้เงินทำราคาแล้วกำไร future ตามใจชอบได้ง่ายๆ

ชีวิตช่างวุ่นวายใจหนอ

หุ้นขึ้น  ไม่ซื้อก็กลัวตกรถ  ซื้อก็กลัวถูกหรอกขึ้นไม่จริงติดดอย

หุ้นตก  ไม่ขายก็กลัวหมีตะปบ  ขายก็กลัวแค่ปรับฐานขายหมู

เลิกยึดมั่น  ถือมั่น  ดัชนีได้  เมื่อนั้นชีวิตจะสุข  สงบ ขึ้นอีกมาก

ทิงนองนอย..ให้วุ่นวายใจเล่นมั่งดีก่า

ทิงคืนกำไร ลูกที่5...  เดี๋ยวมีไดเวอร์เจ๊งให้เห็น :lovl:

555+ วุ่นวายจริงๆครับ  :D

กระทิง ทำท่าจะเปลี่ยนใจอีกแล้ว ทำไมกระทิงตัวนี้มันลังเลอะไรอยู่นะ
หรือกำลังตัดสินใจจะไปต่อ แต่หยุดพักก่อน

สงสัยพรุ่งนี้ จะขึ้นเช้า ลงบ่ายแน่เลย

2000 จุดได้เห็น


























แต่ไม่รู้เมื่อไหร่

รู้แล้วกระทิง รออะไร
รอใครบางคนกลับมาสัปดาห์หน้า น่าจะหามุขใหม่ทุบหุ้นนะ
น้ำเน่ามากๆ มุขนี้ใช้ไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่นา

chatchai เขียน:ชีวิตช่างวุ่นวายใจหนอ

หุ้นขึ้น  ไม่ซื้อก็กลัวตกรถ  ซื้อก็กลัวถูกหรอกขึ้นไม่จริงติดดอย

หุ้นตก  ไม่ขายก็กลัวหมีตะปบ  ขายก็กลัวแค่ปรับฐานขายหมู

เลิกยึดมั่น  ถือมั่น  ดัชนีได้  เมื่อนั้นชีวิตจะสุข  สงบ ขึ้นอีกมาก

ผมก็ปลงได้เยอะเลยพี่

คำถามคือ เราจะใช้เงินที่เราเอาไปลงทุนเมื่อไหร่ต่างหาก ถ้าใกล้แล้ว แต่ยังไม่พอก็ต้องร้อนรนหน่อย

มาวุ่นวายต่อน่ะครับ

ฉากต่อไปคงมีแต่ข่าวดีเพียบ และแล้วรายย่อยก็ปล่อยของไปจนหมด ถึงเวลาต้องรับซื้อคืนในราคาที่แพงกว่า อิอิ

leksmile เขียน: ผมว่าการซื้อด้านขายอีกด้านมันเป้นแค่หลักการณ์ที่เขียนไว้ แต่เอาเข้าจริงๆเครื่องมือ future มันก็แค่ตัวเร่งกำไรของคนทำราคาเท่านั้นล่ะครับ

ผมจำได้ว่าตลาดหลักทรัพย์เคยมาทำ research เกี่ยวกับ future เมื่อ10กว่าปีก่อน ซึ่งมาสอบถามนักลงทุนตามห้องค้า ซึ่งผมให้ข้อมูลไปว่ามันไม่ได้ลดความเสี่ยง แต่มันเป็นการเพิ่มการขาดทุนกำไรให้มากขึ้น เพราะคนไทยยังมีความรู้ด้านนี้ไม่มาก แถมตลาดไทยมันเล็กเกินไปที่จะทำ future เพราะคนที่มีเงินจะใช้เงินทำราคาแล้วกำไร future ตามใจชอบได้ง่ายๆ

Future มีไว้ป้องกันความเสี่ยง แต่ตอนนี้ถูกเอามาใช้เป็นเครื่องมือทำเงิน ของกองทุนยักษ์ใหญ่ ที่สามารถสั่งตลาดซ้ายหัน ขวาหันได้

ฉุด PTT ตัวเดียว SET ก็วิ่งตามแล้ว เพราะ Market Cap. เราค่อนข้างเล็ก

ตอนนี้รายย่อยเริ่มหันไปเล่น Future กันเยอะ เงินหลักหมื่น หรือแสนต้นๆ สามารถได้เสียวันละหลายหมื่นบาท แค่เก็งให้ถูก เหมือนบ่อนเข้าไปทุกที

TFEX ก่อนหน่านี้ มันเล่นง่ายนะ
แต่ทำไม ใกล้ช่วงเลือกตั้ง มันกลับขึ้นแรง ลงแรง
แล้วก็ขึ้นแรงอีก จริงๆ เราคิดว่า มันลงแน่ๆแล้วนะ
เหมือน SETปั่นเลย ดูเกินความจริง

แต่ตอนนี้ยังรออยู่ เพราะกลัวความแรง

ท่าน MANEKI ผมก็เจ็บตัว TFEX เหมือนกัน นี่นักเก็งกำไร  :lol:  :lol:

ทำไม รายย่อย จะไม่เจ็บตัวจาก TFEXกันล่ะ
ก็รอบที่แล้ว ต่างชาติ LONG รายย่อย SHORT
บทสรุป ก็ต้องรู้อยู่แล้วละ มีหรือที่พี่หรั่งจะแพ้

แต่รอบนี้ มันดูยากมากนะ ใครจะกล้า LONG 545ล่ะ
รู้ทั้งรู้ แต่ไม่ตามดีกว่า เรารอวันจันทร์ดีกว่า
เผื่อจะมี 580ให้เรา SHORTไง :lol:

ช่วงนี้ถ้าี้เล่น TFEX สั้น
จะโดนคืนกำไรเป็นแน่
เมื่อไร ดาว  เป็นใจ คงมีกระโดดอีกรอบ

เราไม่เล่นสั้นนะ แต่ตอนนี้หุ้นมันขึ้นแรง ลงแรงจัง
นี่จริงๆ ตั้งใจจะ SHORTมานานมากแล้วนะ
คราวนี้น่าจะชัวร์แล้วละ เพราะมันไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่าเก่าได้แล้วจริงๆ
เรายังมองว่า กระทิงตัวนี้มันดูบ้าๆยังไงไม่รู้

และมั่นใจว่า สัปดาห์หน้าลงแรงแน่ๆ เพราะเล่นมุขการเมืองเหมือนเดิม
เดี๋ยวเช้าวันจันทร์ น่าจะทันนะ

ขอแจมนิดนึงครับ
อยากให้ระวังตัวด้วย อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดนะครับ การคาดเดาล่วงหน้าว่าถึงตรงนั้นตรงนี้แล้ว set จะลงจะขึ้นนี่อันตรายมาก ถ้าไม่รู้จัก stop loss

การ short future นี่อันตรายกว่า long นะครับ ลองดูตลาดต่างประเทศซิครับ หาเหตุผลไม่ได้ทำไมมัน ขึ้นๆๆๆๆแล้วก็ขึ้น การขึ้นนี่ขึ้นได้ไม่มีที่สิ้นสุด (ตามทฤษฎี  :lol: ) แต่เวลาลงนี่ลงได้แค่ 0 นะครับ

ต้องขอโทษที่เตือนด้วยความหวังดี อย่าลืม stop loss นะครับ

ตามความคิดผม ถ้าเล่น future แบบเก็งกำไร ต้องตัดปัจจัยพื้นฐานทิ้งไปให้หมด ต้องวิเคราะห์แต่กราฟอย่างเดียวครับ

แต่เงินที่ได้จาก tfex ผมได้ขา short มากกว่า long

ส่วนเรื่อง ตลาดหุ้นบ้านเรา set ไม่วิ่งทยานขึ้นแบบเพื่อนบ้านที่ทำลายสถิติกันทุกวัน ไปอ่านในเวปคุณ rockriverarm ก็ให้ความเห็นดีน่ะครับ เพราะพวกต่างชาติลงทุนใน set50 ตอนนี้พวกบลูชิพก็ไป 1300 กว่าจุดแล้ว ต่างชาติกองทุนใหญ่ๆไม่ชอบถือหุ้นขนาดเล็กที่ market cap. น้อยกว่าหมื่นล้าน set เราซะเยอะเลยหุ้นเล็กๆแบบนี้

SHORT ไม่ทันแล้วละ ดาว์นโจนส์ร่วงไปแล้ว
ช้าเกินไปก็เลยกินแห้วตามระเบียบ

แล้วนี่ถ้ามาเปลี่ยนเป็น LONG 500จะได้ไหมนะ
วัดใจกระทิงดูหน่อยนะว่าจะเป็นของจริงหรือเปล่า :lol:
สัปดาห์หน้า หุ้นร่วงตามข่าวการเมือง น่าจะหามุขใหม่นะ น่าเบื่อมากๆ

แต่รู้สึกว่า ขึ้นยาก ลงง่ายแฮะ กระทิงน้ำมันหมดชัวร์เลย

น่าจะ swing ไปอีกอย่างน้อยก็ 1 เดือน

ถ้าลงก็ไม่มาก น่าจะไม่ต่ำกว่า 520 (set50) แล้วก็เด้งขึ้นอีก พอเด้งขึ้นอีกก็ไม่น่าจะสูงไปกว่า 555

ผมเดาว่ายัง sideway อีกอย่างน้อย 1 เดือนเป็นอย่างต่ำ  :D

ถ้าปัจจัยพื้นฐาน ก็ต้องมองผลประกอบการโดยรวมทรงตัวแนวโน้มต่ำลงกว่าปีที่แล้ว ราคาน้ำมันที่ว่าจะลดตอนนี้ก็จะ 70$

555 เลขสวยแฮะ แต่เราเชียร์ 565 นะ เอาให้เลยไฮเดิมดีกว่า
ต่ำกว่าเดิม กราฟไม่สวย เหมือนเล่นเกมส์เลยแฮะ
แบบว่า คิดไม่ถึงว่า จะไปได้ แต่ก็ดันทำได้ไง

คราวก่อนเล่นมุขยุบพรรค แล้วต่อมาการประท้วงไม่รุนแรง
เดี๋ยวรอดูมุขใหม่ ไม่ควรซ้ำแบบเดิม น้ำเน่าตายเลย

แต่สัปดานี้ห์ รู้แล้วละว่าจะทุบหุ้นใหญ่แน่ๆ ให้เราช้อนไง
กระทิงตัวนี้ มันไม่ยอมเป็นหมีแพนด้าง่ายๆ หรอกน่า :lol:

เหนียวจริงๆ กระทิงปีนี้

ทุนนอก 9 หมื่นล.รอซิวหุ้น ปั่นดัชนีหลักทรัพย์ฯ เพิ่ม 100 จุด - 23/6/2550

ทุนนอก 9 หมื่นล.รอซิวหุ้น ปั่นดัชนีหลักทรัพย์ฯ เพิ่ม 100 จุด

เจพี มอร์แกน ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยจะถึง 870 จุดในกลางปี 2551 หรือเพิ่มขึ้นอีก 100 จุด จากระดับปัจจุบันหากสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย เผยจะมีเม็ดเงินต่างชาติอีกไม่ต่ำกว่า 90,000ล้านบาท เตรียมลุยซื้อหุ้นไทย

นายวรภัค ธันยาวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจพี มอร์แกน ( ประเทศไทย )เปิดเผยว่า ขณะที่มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท เข้ามาลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย มีการเลือกตั้งตามกำหนดเวลาที่วางไว้ หลังจากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ต่างชาติขนเงินเข้ามาลงทุนแล้วกว่า 90,000 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศจะยังไม่ลงตัวก็ตาม อีกส่วนหนึ่งเพราะราคาหุ้นไทยยังต่ำโดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ พีอี เรโช ที่ 8-9 เท่าหากเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่มีพีอี เรโช ประมาณ 17-18 เท่า

ดังนั้นทางเจพี มอร์แกน จึงวิเคราะห์และปรับเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยใหม่จากเดิมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 770 จุด แต่ขณะนี้ดัชนีได้ปรับตัวทะลุระดับดังกล่าวแล้ว ดังนั้นทางเจพี มอร์แกนประเมินใหม่ว่า ดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 870 จุด ในกลางปี 2551 หรือมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือพีอี เรโช ประมาณ 12.5 เท่า และกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตร้อยละ 4

ถ้าทุกอย่างลงตัว เหตุการณ์การเมืองไม่บานปลาย แล้วมีการเลือกตั้งตามที่นายกฯ ระบุจะให้มีในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ซึ่งนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติก็เฝ้ารอ หากเป็นอย่างนี้เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยจะดีดตัวขึ้นไปถึงระดับ 870 จุด ประมาณกลางปี 2551

นายวรภัค กล่าวว่า แต่ทั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และ อัตราดอกเบี้ยโดยทางเจพี มอร์แกน ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ลงอีกร้อยละ 0.50ภายในปีนี้

สำหรับมาตรการกั้นสำรองการนำเข้าเงินทุนระยะสั้น 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น หากทางธปท.ยกเลิกจะช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนให้ดีขึ้นอย่างแน่นอนเพราะขณะนี้มีเม็ดเงินของต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรของไทย ซึ่งดูได้จากความสำเร็จในการเสนอขายพันธบัตรของ บมจ.ปตท. ที่ญี่ปุ่น ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจองซื้อเกินถึง 2.6 เท่า จากจำนวน 2.3 หมื่นล้านเยน แต่ยังติดอุปสรรคจากมาตรการกั้นสำรองดังกล่าว และเห็นว่าธปท.ควรใช้มาตรการการเก็บภาษีเงินทุนระยะสั้น เพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทมากกว่า
http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=176417