บ้านเขาเมืองเรา:วันนี้ยังมีเสียงนก
1 มิถุนายน พ.ศ. 2550 07:00:00
ไสว บุญมา
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 45 ปีของการพิมพ์หนังสือเรื่อง Silent Spring และวันที่ 27 พฤษภาคม เป็นวันครบรอบ 100 ปีแห่งชาติกาลของผู้เขียนชื่อ ราเคล คาร์สัน (Rachel Carson) ชาวอเมริกันผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น เพื่อจุดประกายให้ชาวโลกใส่ใจในสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
ราเคล คาร์สัน ถือกำเนิดในครอบครัวเล็กๆ ของชาวชนบทในรัฐเพนซิลเวเนีย และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในวัยเด็กซึมซับความเป็นไปในท้องทุ่ง หนองน้ำ ลำธารและป่าเขา เมื่อเติบใหญ่ความสนใจในธรรมชาติเป็นแรงดลใจให้เธอศึกษาวิชาชีววิทยาทางทะเลในระดับปริญญาตรี และวิชาสัตวศาสตร์ในระดับปริญญาโท
เธอต้องจำใจละทิ้งการศึกษาระดับปริญญาเอกกลางคัน เมื่อพ่อของเธอถึงแก่กรรมในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำอย่างร้ายแรง ยังผลให้เธอต้องรับอุปการะแม่แต่เพียงผู้เดียวด้วยการออกไปทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยอยู่หลายปี ก่อนที่จะเปลี่ยนไปทำงานกับรัฐบาลอเมริกันในกรุงวอชิงตันในตำแหน่งนักชีววิทยาด้านสัตว์น้ำ ในระหว่างที่ทำงานอยู่กับรัฐบาล ราเคล คาร์สัน ใช้พรสวรรค์ทางด้านภาษา เขียนบทความลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารเพื่อหารายได้เสริม รายได้นั้นมีความสำคัญยิ่งเมื่อพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมอย่างกะทันหัน และทิ้งหลานไว้ให้เธออุปการะอีก 2 คน
ความสามารถในการถอดเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ออกมาเป็นภาษาง่ายๆ และชวนอ่าน ทำให้ ราเคล คาร์สัน เป็นที่รู้จักของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ และเพียงในเวลาไม่กี่ปี เธอก็มีหนังสือชั้นดีออกมาสนองศรัทธาของผู้อ่าน ต่อมาไม่นานเธอตัดสินใจลาออกจากงานรัฐบาล เพื่อทุ่มเทเวลาให้กับงานเขียนเพียงอย่างเดียว เมื่อหลานสาวคนหนึ่งซึ่งเธอเคยอุปการะถึงแก่กรรมอย่างคาดไม่ถึง เธอจึงต้องรับภาระเลี้ยงลูกของหลานคนนั้นพร้อมกับการดูแลแม่ซึ่งแก่เฒ่ามากแล้ว เธอย้ายออกไปอยู่ในชนบทนอกกรุงวอชิงตัน เพราะเห็นว่าบรรยากาศที่นั่นเหมาะสำหรับเด็กและคนชรามากกว่าในเมือง
และในชนบทนั้นเอง ที่เธอเห็นผลกระทบร้ายแรงโดยตรงของสารเคมีที่คนอเมริกันใช้กำจัดวัชพืชและแมลง โดยเฉพาะต่อสัตว์จำพวกนก ความมีจิตวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์จูงใจให้เธอศึกษาต่อไปจนได้ข้อสรุปที่แน่นอน นั่นคือ สารเคมีเช่นดีดีทีมีผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม และอาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง นอกจากนั้นมันยังทำลายกระบวนการสืบพันธุ์ของนกจนอาจทำให้นกสูญพันธุ์ได้ หากใช้อย่างไม่ระมัดระวังหรือในปริมาณมากอีกด้วย
เธอใช้เวลา 4 ปี ในการศึกษาและถอดเรื่องราวออกมาเป็นบทความในนิตยสารและหนังสือชื่อ Silent Spring ซึ่งคงมีความหมายในทำนองว่า เมื่อโลกนี้ไม่มีเสียงนก
หนังสือเล่มนั้นถูกต่อต้านอย่างหนักก่อนที่จะได้รับการตีพิมพ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายบริษัท ซึ่งผลิตสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดวัชพืชและแมลง จากนักวิทยาศาสตร์บางส่วนและจากนักการเมืองบางกลุ่มโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในขั้วหัวอนุรักษนิยม ผู้เขียนถูกประณามและใส่ร้ายป้ายสีดังกับว่าเธอมีความเลวร้ายไม่ต่างกับแม่มด สำนักพิมพ์ถูกกดดันให้งดความตั้งใจแต่ไร้ผล
ทันทีที่ออกวางตลาด Silent Spring ได้รับการต้อนรับอย่างกว้างขวางจนติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดอยู่เป็นเวลานาน และต่อมาได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Discover ให้เป็น 1 ใน 25 เล่มของหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ มันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในด้านฐานความคิดและการปฏิบัติทั้งในสังคมอเมริกันและสังคมโลก
Silent Spring จุดประกายให้เกิดความเคลื่อนไหวในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก จากในกลุ่มของผู้ที่มักถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกต่อต้านสังคมกลุ่มเล็กๆ เช่น พวกนักรักอิสระ (Hippies) เข้าไปสู่สังคมโดยทั่วไป ทั้งที่ถูกป้ายสีและต่อต้านอย่างหนักจากภาคธุรกิจที่ผลิตสารเคมีจำพวกยาฆ่าแมลงและนักการเมืองบางกลุ่ม ความเคลื่อนไหวในสังคมอเมริกันนำไปสู่การก่อตั้ง องค์การเพื่อการปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environmental Protection Agency) ของรัฐบาลอเมริกันขึ้นในปี 2513
องค์กรนี้มีหน้าที่ดูแลคุณภาพของสิ่งแวดล้อมมาจนถึงปัจจุบัน ผลกระทบของสารเคมีได้รับการศึกษาอย่างจริงจัง จนกระทั่งนำไปสู่การห้ามใช้ดีดีทีในสวีเดนและนอร์เวย์เมื่อปี 2513 และในสหรัฐเมื่อปี 2515 ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมค่อยๆ คืบคลานเข้าไปอยู่ในห้วงความคิดและจิตสำนึกของชาวโลกอย่างกว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันนี้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นส่วนสำคัญของการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นในด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือก่อนที่จะมีการก่อสร้างโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ในทุกส่วนของโลก
อาจกล่าวได้ว่าความเคลื่อนไหวที่นำไปสู่การต่อต้านการสร้างเขื่อน ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ บ่อฝังขยะ โรงไฟฟ้าและโรงงานผลิตสารเคมีในเมืองไทย ถูกจุดประกายขึ้นด้วยผลงานของราเคล คาร์สัน เมื่อ 45 ปีก่อน
หลังจาก ราเคล คาร์สัน เริ่มเขียนหนังสือเรื่อง Silent Spring อยู่ได้ประมาณ 2 ปี แพทย์พบว่าเธอกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็ง การรักษาด้วยรังสีและกระบวนการทางเคมี ทำให้ผมของเธอร่วงและบางครั้งมีอาการถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ แต่เธอไม่สามารถบอกให้ผู้อื่นทราบได้และพยายามซ่อนอาการป่วยนั้นไว้อย่างมิดชิด นอกจากกับคนสนิทจริงๆ เท่านั้น เพราะกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเขียนหนังสือขึ้นมาเพื่อระบายความคับแค้นใจ หรือเพื่อหวังทำลายผู้ผลิตสารเคมี หลังจาก Silent Spring พิมพ์ออกมาได้ไม่ถึง 2 ปี ราเคล คาร์สัน ก็จากโลกไปด้วยโรคร้ายนั้น หรือก่อนที่เธอจะมีอายุครบ 57 ปีบริบูรณ์
แม้โรคมะเร็งร้ายจะด่วนพรากร่างกายของเธอไปนานกว่า 43 ปีแล้ว แต่เสียงของ ราเคล คาร์สัน ยังคงอยู่ ... อยู่ในรูปของหนังสือชื่อ Silent Spring ซึ่งยังขายได้ปีละหลายหมื่นเล่ม ในรูปของเกียรติประวัติของผู้ที่มีคนรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบอย่าง และนำชื่อไปตั้งเป็นโรงเรียน เป็นสวนสาธารณะและเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวในด้านให้การศึกษาและดูแลสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยิ่งได้แก่ในรูปของโลกที่มีสารอันตรายอยู่ในสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าที่น่าจะเป็น และโลกที่ยังมีเสียงนกดังเจื้อยแจ้วอยู่ในป่า ในนา ในสวน ในไร่ และในดวงใจของผู้รักธรรมชาติทุกคน