Thai VI

ตอนนั้นคุณฉัตรชัยบอก PE 12 ก็สูงมากแล้ว แต่ปัจจุบัน มันไป 14 มั๊ง

ที่พูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าคุณฉัตรชัย ผิด และผมก็เห็นด้วย ว่าตลาดมันบ้าคลั่ง ซึ่งผมเองก็คิดว่ามันจะบ้าต่อไปอีก

ความบ้าคลั่งของราคาที่ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ นี้แฝงเร้นไว้ซึ่งความน่ากลัว ในขณะที่ตลาด Panic ครั้งใหญ่

มันก็จะเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นพื้นฐานดี

แต่เมื่อไร จะ Panic และเมื่อ Panic แล้ว จังหวะในการเข้าซื้อ ให้ได้ราคาที่ถูกที่สุดอยู่ตรงไหน

ช่วงนี้เรื่องหุ้น ผมว่า เป็นหนังที่สนุก และกำลังอยู่กลางๆเรื่องครับ

เพราะ p ที่ใส่เข้าไปให้กับแรงกรรมของผลประกอบการ e และ bv
เป็นแรงกรรมแห่งความโลภ(อุปสงค์)ในตลาดรองหรือตลาดหุ้นไงครับ
มันเลยลาก pe และ pbvขึ้นต่อไปได้เรื่อยๆ
ตราบเท่าที่มีปริมาณเงินก้อนใหม่ๆ ยังคงอัดใส่เข้าไปในหุ้นตัวนั้นๆ
เงินก้อนใหม่หยุดไหลเข้าเมื่อไร ก็นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วได้เลย
ในความเห็นของผม
คนที่ใส่ปริมาณเงินก้อนใหม่ๆเข้าไปในตลาดหุ้นมากที่สุดในตอนนี้คือ
คนที่ทนดอกเบี้ยเงินฝากถูกๆไม่ได้
และจะเป็นคนที่มีประสพการณ์น้อยที่สุดด้วย

อืม เฮียคลายเครียดพูดไว้ก็ถูก

อยากถามเฮียคลายเครียด ว่าช่วงนี้ ต่างจากในอดีตอย่างไร หมายถึง ความบ้าคลั่ง

หรือไม่ต่างกัน

ผมว่าตลาดหุ้นไม่ว่าพ.ศ.ไหนก็ไม่ต่างกันหรอกครับ
ทำให้คนโลภแบบไม่มีเหตุผลได้เมื่อไร
ความตาบอดก็จะมาเยือน
หุ้นจะกลายเป็นแค่สำรับไพ่
ที่คนจำนวนน้อยที่มีเงินมาก
จะเลือกหยิบมาเล่นกับคนจำนวนมากที่มีเงินน้อย แต่รวมแล้วมากมหาศาล
การเลือกแทงหุ้น จะง่ายกว่าการควบคุมความโลภ
เซียนหุ้นจะมีเกลื่อนไปทุกที่
ทั้งในครอบครัว สำนักงาน ห้องค้า และเวปบอร์ด
แต่ผมว่าเซียนหุ้นตัวจริง จะต้องอยู่ได้ทุกสถานการณ์ครับ
ไม่ใช่เฉพาะ เวลาที่เกมล่าส่วนเกินทุนคึกสุดขีด
และเซียนตัวจริงเหล่านั้น
จะต้องอ่านแรงกรรมแห่งผลประกอบได้อย่างทะลุปรุโปร่ง


ผมได้แต่ยืนมองเฉย (เพราะตาไม่ได้บอด) พร้อมกับน้ำลายไหลยืด
เมื่อเห็นหุ้น พีอี ร้อย พีบีวี สามสิบยังมีคนตามซื้อ

แล้วอย่าลืมมาเป็นวิทยากรนะครับ
คุณฟ้าเวิ้งเขารับประกันคุณภาพให้แล้วว่า
คุยสนุกมากแบบมีสาระ

ระหว่างเดินทางขึ้นยอดเขาหิมาลัย นักปีนเขาทุกคนต่างมองหายอดเขาเอเวอเรส เพื่อจะไปให้ถึง บางคนถอดใจเสียก่อนยอดให้คนอื่น รับภาระอันใหญ่หลวง เพราะพอใจในสิ่งที่ได้รับแล้ว บางคนยอมเสียเงินซื้อ ฮ. เพื่อให้เดินทางเร็วกว่าคนอื่น (รับไม้ต่อ) ในที่สุดก็ได้ไปปักธงบนยอดดอย อ้าวแต่ ฮ.ที่มาส่งเมื่อกี้มันกลับไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาว่า ขอให้คนอื่น ค้นพบยอดดอยใหม่ในหิมาลัย

แล้วฝันก็..................

ผมว่าการเก็งกำไรในตลาดห้นนั้นเหมือนกับแชร์ลกโซ่ครับ

คนที่เล่นส่วนใหญ่จะทราบดีว่ากำลังทำอะไรอย่(ลงทนหรือเล่นพนัน) และร้ถึงความเสี่ยงต่างๆ แต่ผลตอบแทนมันช่างยั่วยวนใจครับ

ทกคนที่เข้ามาเล่น มักคิดว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าคนอื่น เข้ามาเล่นเร็วกว่าคนอื่น จะคิดว่าจออกจากงานเลี้ยงก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกรา

แต่ไม่มีใครทราบหรอกครับว่าเมื่อไรงานเลี้ยงจะเลิกรา ใครจะเป็นคนสดท้ายที่ยังอย่ในงานเลี้ยง ซึ่งก็มักจะจบลงด้วยการโวยวายเรียกร้องหาความชอบธรรมจากรัฐบาลของผ้ที่ออกจากงานไม่ทัน

ถึง P/E ตลาดจะขึ้นสงแล้วก็ตาม แต่ P/E ของ Port ผมยังไม่ไปไหนเลยครับพี่เจ๋ง ยังวนเวียนแถวๆ 7-8 เท่าเองครับ ถ้า P/E ของ Port ผมถึง 12 เท่าผมคงจะทะยอยขายบ้างละครับ

เคยอ่านในตีแตกว่า P/E ไม่น่าจะเกิน %Growth อย่าง P/E 12, Growth =12% อย่างนี้ ok.
แล้วถ้ามอง PEG ของตลาดหุ้นไทย ไม่ทราบว่าตอนนี้ประมาณเท่าไหร่แล้วครับ

ท่านผู้รู้ช่วยตอบด้วย

ตอนนี้ PE คือ 14.5 ครับ

ถ้า growth ของ GDP ก็ 8% ผมว่าหุ้นในตลาดไงเสียก็คงใกล้เคียงครับ
ไม่น่าจะหนีกันมากนัก

เดาเอา

ขอแก้ไข ข้อมูลครับ

ตอนแรก ผมว่า pe ตอนนี้ 14.5 ผิด ครับ

สูงสุดที่ ทำไว้ คือ 14.09 เมื่อ 12.1.04

ล่าสุด คือ 14.03 ครับ

ปี 47 ผมคิดว่าEarning Growth มากกว่า 8% แน่นอนครับ

ปี 46 Growth โดยรวมประมาณ 20-30% นะครับ

แฮะๆ P/E ของตลาดที่จริงตอนนี้มัน 17.68 เท่าต่างหากละครับ ทางการก็แต่งตัวเลขเก่งกว่าเอกชนอีกนะครับ หรอกได้เกือบทั้งประเทศ หรือเกือบทั้งโลกเลย เอหรือว่ามีแต่นักลงทนรายย่อยคนไทยเท่านั้นที่ถกหรอก มิน่าต่างชาติถึงขายไม่เลิก

พี่ฉัตรชัยคำนวณ หรือ เอาข้อมูล ค่า P/E มาจากไหนเหรอครับ

อยากให้พี่ช่วยสอนวิธีหา P/E ตลาดที่ถูกต้องด้วยตัวเองครับ

ลองหาอ่านบทความของ ดร.นิเวศน์ดซิครับ คณคัดท้าย

PE 20 แล้วครับ ท่าน ดร. คำนวนเอง

หาอ่านบทความ ดร.นิเวศน์ ได้ที่ไหนหรอคะ?
ขอบคุณคะ

หลังจากราคาที่พร่งเกินไปในช่วงต้นปี ปัจจบันราคาห้นส่วนใหญ่ก็ลดลงมาจากต้นปี ทั้งๆที่ผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆดีขึ้นพอสมควร แต่เริ่มมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น