Thai VI

ได้แล้วครับ มีใครจะไปบ้างเนี่ย

เดี๋ยวให้แฟนเซ็น proxy แล้วเจอกันครับ

ผมอยู่่ต่างจังหวัด ยังไม่ได้รับเลยครับ
กำลังรออยู่ครับ อยากทราบวาระการประชุมครับ
ว่ามีวาระอะไรที่น่าสนใจบ้างครับ

ฝากคุณ aye และลุงขวดถามเรื่องเดียวคือ ทำไมปันผลน้อยเกินไปครับ
ราคาหุ้นก็เลยไม่ขยับ ผู้บริหารน่าจะสนใจผู้ถือหุ้นรายย่อยบ้าง
หรือแตกพาร์ก็ดีครับ ราคาน่าจะขยับขึ้นไปได้บ้าง
น่าจะเสนอให้แตกพาร์ เป็น 10 สตางค์ไปเลย
คือแตก 100 เท่าไปเลย ราคาก็ยังไม่น่าเกลียดนาครับ

อย่าลืมกินอาหารอินเดีย เผื่อผมด้วยนะครับ
ไว้ปีหน้า ถ้ายังถืออยู่ คงได้เจอกันครับ

อีกเรื่องนึง เนื่องจาก TR เป็นบริษัทอินเดีย รวมถึงผู้บริหาร
ไม่แน่ใจว่า จะใช้ภาษาอังกฤษในการประชุมหรือเปล่าครับ
หรือมีล่ามแปล จะได้เตรียมคำถามทั้งไทยและอังกฤษไปด้วยครับ

วันนี้ได้รับแล้ว ครับ

ได้รับด้วยคนครับ
ถ้าไม่ติดอะไรคงไปแน่นอนครับ
อย่างน้อยก็น่าจะไม่พี่พีไปด้วยคนหนึ่งครับ

ได้รับแล้วเหมือนกัน พยายามหาจุดด้อยก็ยังไม่เจออะไรเลย การยืมเงินระหว่างกันก็มีการจ่ายดอกเบี้ย ที่ยืมมากก็ยืมให้แก่ บริษัท เอวี เซลส์ อิงค์ ก็มีการคิดดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี แถมยังเป็นผู้ส่งเยื่อกระดาษกลับมาให้อีก ก็นับว่าสมควรแก่การให้ยืม........ส่วนอื่น ๆ ก็ เห็นมีแต่ด้านเติบโตขึ้นทุกอย่าง มีแต่เรื่องเดียวจ่ายปันผลน้อยไปดังกล่าวเท่านั้นเอง

ผมคงไปฟังเขาเหมือนเดิม ถ้าคุณปีเตอร์ จาง จะไปเดินประท้วงว่าจ่ายปันผลน้อย ผมก็จะร่วมขบวนด้วยคน ครับ รอมาปีหนึ่งเหมือนกัน

อ้อ ปีที่แล้ว ผมก็ถามเป็นการส่วนตัวกับ ท่านกรรมการผู้จัดการ ว่าทำไมจ่ายน้อย เขาว่า นโยบายจ่ายเพิ่มทุกปี แบบ มั่นคง (ปีละบาท มาหลายปีแล้ว)

ผมรู้จักคุณพีรฯแล้ว คงได้รู้จักคุณ Thanwa อีกท่าน...อย่างไรถ้าใครมีก็อย่าลืมไปชิมอาหารว่างของอินเดียกัน นะครับ คงมีแบบคราวที่แล้ว
ประชุมที่ ห้องซาลอนแอทธินี โรงแรมพลาซ่าแอทธินี เวลา 16.00 น วันพุธที่ 21 มกราคม นี้

ยินดีครับลุงขวด เห็นพี่พีพูดถึงลุงขวดอยู่บ่อยๆ
หวังว่าเที่ยวนี้ผมคงไปได้ครับ

ผมอ่านคร่าวๆ ครับ มีความเห็นดังนี้

1. เรื่องวัตถุดิบ มีความผันผวนของราคาอยู่บ้างเหมือนกันเพราะไม่สามารถควบคุมได้ แถมตอนนี้ค่าระวางเรือที่ขึ้นมากในช่วงนี้ ไม่ทราบว่าทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงมากขึ้นหรือเปล่า
2. กรรมการส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศซะเยอะ เลยไม่ค่อยเข้าประชุมเท่าที่ควร ความจริงก็ประหยัดเบี้ยประชุมท่านละ 25,000 บาท แต่ก็เกรงว่าจะไม่ได้ช่วยคิด ช่วยประโยชน์เท่าที่ควร ไม่ทราบว่าจะมีกรรมการที่อยู่ในประเทศไทยดีกว่าหรือเปล่า
3. จำนวนพนักงานเกือบเท่าเดิม แต่ค่าใช้จ่ายมากขึ้นเกือบร้อยล้าน อันนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับการตั้งสำรองเมื่อเกษียณอายุ (ผมอาจจะผิดก็ได้)
4. เงินที่ลุงขวดพูดถึงนะ นอกจากลดดอกเบี้ยให้จากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 6 แล้ว ยังใช้ชำระช้ากว่าเดิมอีก 1 ปี ผมว่ามันยังไงอยู่นา...
5. เงินฝากธนาคารและเงินให้กู้ยืมเยอะจัง น่าจะเอามาซื้อหุ้นคืนบ้าง แม้จะจ่ายเงินปันผลน้อยก็ตาม

ไม่ทราบว่า คุณ aye, ลุงขวด, คุณลูกอิสาน และท่านอื่นๆ คิดอย่างไรครับ

1.วัตถุดิบที่สำคัญของ TR ในปีนี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกตัวเลยครับ ทั้งเยื่อชนิดละลายน้ำได้,โซดาแอซ และกำมะถัน รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ เช่น ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ ค่าน้ำมัน ปัจจัยข้างต้นคงทำให้มาร์จินของ TR ลดลงครับ แต่อาจจะชดเชยได้บางส่วนจากการเน้นผลิตสินค้าที่มีกำไรสูง และกำไรจากบริษัทย่อย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ผมคาดว่ากำไรที่แท้จริง จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ากำไรที่แจ้งตลาดจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างแน่ เนื่องจากปีที่แล้วได้ตัดค่าบำเหน็จพนักงานทั้งจำนวน ทำให้กำไรกำไรที่แจ้งตลาด น้อยกว่าความเป็นจริง

2.กรรมการส่วนใหญ่ ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเป็นกรรมการต่างประเทศ อย่างที่คุณธันว่า ว่ามาครับ กรรมการเหล่านี้เป็นคนในตระกูลเบอร์ล่า ผมมองในแง่ดีว่า คงเป็นตำแหน่งกรรมการในทางการเท่านั้น คนที่วางแผนงาน น่าจะเป็นกรรมการส่วนที่เหลือ หรือ MD มากกว่า หรืออาจเป็นไปได้ว่า อาจจะประชุมแบบ VDO conference ก็ได้ครับ

3.ผมก็ไม่แน่ใจส่วนนี้ครับ ค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท ผมไม่แน่จ่าอาจจะเนื่องจากการตัดค่าใช้จ่ายค่าบำเหน็จหรือเปล่า?

4.ผมคิดเหมือนลุงขวดครับ ว่าเป็นการสมควร เพราะ AV เป็นบริษัทย่อยของ Birla group ดอกเบี้ยที่ 8 % ก็ดูจะสูงเกินควร เมื่อเปรียบเทียบกับดอกเบี้ยในตลาด (LIBOR) ที่ 3 % และเงินต้นงวดแรกจะชำระภายในเดือนนี้ครับ

5.ผมเห็นด้วยกับคุณ ธันวา ครับเรื่องซื้อหุ้นคืน แต่เนื่องจากตอนนี้สภาพคล่อง TR ก็น้อยมากอยู่แล้ว ถ้ามีการแตกพาร์ก่อน แล้วซื้อหุ้นคืน น่าจะดีกว่าครับ

ข้อสังเกตอื่นๆ คือ TR มีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งจากบริษัทย่อย และตัวธุรกิจหลักเองครับ ในระยะยาวน่าจะดีกว่านี้อีกครับ เพราะมีการลงทุนไปมาก แม้ว่าบางบริษัทที่ไปลงทุน จะให้ผลตอบแทนไม่เป็นที่น่าพอใจมาก เช่น ไทย ออกานิคส์ เคมิเคิล (TOC) หากมีโอกาสปีหน้าได้ไปประุชุม ผมคงสอบถามเรื่องบริษัทนี้ด้วยครับ

เอ....ว่าแต่ผู้ถือหุ้นอีกรายของ TR คุณ No Name หายไปไหนครับเนี่ย
ไม่เห็นเข้ามาโพสต์เลยครับ.....

ผมเห็นด้วยกับคุณ _ลูกอีสานเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นครับ ผมว่าปีที่ผ่านมาน่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดของ TR หลังจากนี้ อืมก้อไม่รู้เหมือนกัน

อีกประเด็นที่สงสัยก้อคือความสัมพันธ์ระหว่าง TR กับบริษัทลูกที่ให้ยืมตังค์นี่แหละ ได้ดอกเบี้ยร้อยละ 6 หรือ 8 ก้อตามมันไม่ได้เอื้อกับผู้ถือหุ้น TR เลย แต่เอื้อกับบริษัทลูกมากกว่า อีกประการ การจ่ายเจ้าหนี้ทางการค้าให้กับบริษัทลูกมีเทอมการจ่ายที่สั้นมาก ในขณะที่ถ้าเป็นทางฝั่งลูกหนี้ กลับได้เทอมที่นานกว่า อันนี้ก้อน่าสงสัยนะครับ

คุณ thanwa ครับ ไม่รู้จะมีใครถามหรือเปล่าเรื่องเงินสดและรายการเทียบเท่าและการให้กู้ยืม อืมถ้าไม่มีใครถาม เดี๋ยวผมถามเองครับ

การจ่ายเงินปันผลคงเป็นประเด็นหลักที่ทุกคนคงติดใจละครับ ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผล ที่ 35% ของกำไรสุทธิ เค้าควรจ่ายที่ 16.8 บาท นี่หายไปตั้ง 7-8 บาทแหนะ เฮ้อ ผิดหวังครับ

คุณ ayethebing ครับ
รายการเงินสดหรือเทียบเท่า กะอัตราการจ่ายเงินปันผลนะ ถามได้เลยครับ ผมสนับสนุนแล้วก็อยากรู้เหมือนกันครับ

ข้อเสนอก็คุณลูกอิสานก็ไม่เลยนะครับ แตกพาร์และซื้อหุ้นคืน
แหมถ้าคุณลูกอิสานอยู่ใกล้น่าจะดี ประชุมผู้ถือหุ้น TR เที่ยวนี้น่าจะอบอุ่นยิ่งขึ้นครับ

สวัสดีครับ คุณลูกอีสาน

ผมไม่ได้ตามตลาดหุ้นมาหลายวันแล้วครับ เพิ่งกลับจากไปเที่ยวมา อีกทั้งมีธุระต้องทำอีกหลายอย่าง เพิ่งได้รับรายงานประจำปีและหนังสือเชิญประชุมของ TR รวมทั้งได้ download 56-1 มาแล้วแต่ยังไม่ได้อ่านเลยครับ เพราะช่วงนี้ผมขี้เกียจมาก ยังไม่อยากทำอะไร

คุณลูกอีสานและอีกหลายท่านได้แสดงความเห็นดีๆ เกี่ยวกับ TR ไว้ในกระทู้นี้แล้ว ไว้หากผมอ่านข้อมูลแล้วมีความเห็นเพิ่มเติม จะเข้า post แสดงความเห็นเพิ่มเติมครับ

เอ TR นี่ขึ้น XD ไปรึยังครับ เจ้าปันผล 9 บาทที่ว่าเนี่ย ไม่ค่อยได้ตามดูเท่าไหร่

อ้อ ไปดูมาแล้ว XD ไปเมื่อวันที่ 29 ธค ปีที่แล้ว (2546)

สงสัยผมจะเพี้ยน ถามเอง ตอบเอง อิอิ

หา วันนี้เหลือแค่ 388 จ้ากกกกก

สงสัยคุณ aye ไม่ได้ดูข้ามปีเลยนะครับ
XD ตั้งแต่ปีที่แล้วเลยนาครับ...

อ้าว...ลงมาเหลือ 388 แล้วเหรอ
ที่ราคานี้ พีอี 7 เท่าพอดิบพอดี
แถมมี growth ให้อีกหน่อย

ว่าที่จริง TR ก็ปันผลประมาณ 25 % ของเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานนะครับ
ไ่ม่น้อยเลย แต่เปรียบเทียบกับราคาหุ้นแล้ว เลยทำให้ดูน้อย น่าผิดหวังครับ

เบริคไชร์ ของวอเรนต์ แทบไม่เคยปันผลเลย ราคาหุ้นยังเพิ่มขึ้นตลอดเลยครับ
เดี๋ยวกำไรมา ราคาก็ขึ้นเองละครับ
ช่วงนี้ต้อง อดดดดดทนนนนนนนหน่อยละครับ

วันนี้ได้รับรายงานประจำปีแล้วครับ มาพร้อมกับ metco
Annual report ของ TR
เป็นรายงานที่ดูดี และเนื้อหาสมบูรณ์ ที่สุดตั้งแต่เคยอ่่านมาเลยละครับ

ตอนนี้ TR ย่อลงมาอีกแล้ว
น่าจะมีคำถามเพิ่มอีกหนึ่งในแง่ผลประกอบการ 1Q
เมืองไทยเมืองแฟชั่น TR ไม่ได้ได้ประโยชน์เลยหรือครับ ใครทราบบ้าง

วันนี้ไปประชุมมาครับ
ผมไม่แน่ใจว่าคุณ aye ท่านไหน แต่วันนี้ก็ได้พบกับลุงขวดด้วย อืม... ยังหนุ่มเฟี้ยวอยู่เลยครับ ขอบอก...

ทางบริษัทจัดอาหารไว้ตอนรับอย่างดีเลยครับ ขอชม
มีผู้ถือหุ้นน่าจะประมาณ 30-40 ท่านคิดเป็น 59% ของหุ้นทั้งหมด

ก็ประชุมตามวาระครับ ตอนกลางๆ เริ่มเครียดขึ้นนิดหน่อยครับ เพราะคำถามซักเยอะโดยเฉพาะตอนรับรองงบการเงินครับ

ต้องชมผู้บริหารครับที่ให้ความเป็นกันเอง ยินดีตอบทุกคำถามถึงแม้จะไม่อยู่ในวาระก็ตาม รวมทั้งตอบคำถามต่อหลังเลิกประชุมแล้ว อีกอย่างทางบริษัทยินดีที่พาไปชมโรงงานหากผู้ถือหุ้นต้องการ ก็นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอีกอย่างหนึ่งครับ เห็นบอกว่า ถ้านัดกันได้ สามารถไปพร้อมกันที่บริษัทที่เพลินจิต แล้วทางบริษัทจะจัดรถไปที่อ่างทองให้ คุยกัน 3-4 ท่าน เห็นว่าเดือนมีนาคมน่าจะเหมาะ คิดว่าจะเป็นวันเสาร์ครับ ผู้ถือหุ้นท่านใดสนใจ แสดงความจำนงเอาไว้ครับ

ก็ได้ความรู้มาเยอะครับ ขอสรุปเท่าที่จำได้
1) การที่จ่ายเงินปันผลน้อยว่านโยบาย เพราะความจริงกำไรจากการดำเนินงานเพียง 37 บาท จึงจ่ายเพียง 9 บาท ความจริงมีผู้ถือหุ้นท่านหนึ่งไม่เห็นด้วยในกรณีดังกล่าว ทางผู้บริหารจึงแจ้งให้ทราบถึงแผนการลงทุนในอนาคต ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่ม
2) แผนการลงทุนที่ใหญ่คือ ลงทุนประเทศอียิปต์เกือบ 300 ล้านบาท ลงทุนในประเทศจีนประมาณ 3,000 ล้านบาท และปรับปรุงสายการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้หากมีโอกาสลงทุนเพิ่มในธุรกิจที่เกื้อหนุนกัน ก็อาจจะพิจารณาลงทุนเพิ่ม แหล่งลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดในบริษัท หรืออาจจะเป็นเงินกู้ในกรณีการลงทุนในประเทศจีน
3) มีการตั้งสำรองเรื่องเงินเกษียณอายุครั้งแรก 93 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเพิ่มเล็กน้อยจากนี้เป็นต้นไป ถ้ามองอีกอย่างคือถ้าไม่ตั้งก้อนนี้ไว้ 4Q จะมีกำไรเพิ่ม
4)เรื่องเงินกู้ยืม ผู้บริหารบอกว่าบริษัท AV มีความจำเป็นต้องใช้เงินในช่วงดังกล่าว นอกจากเงินกู้แล้ว ยังมีเงินจ่ายล่วงหน้าในการชำระสินค้าด้วย เพื่อแลกกับส่วนลดที่มากขึ้น ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมีสถานภาพดีขึ้นเป็นลำดับ ไม่น่าเป็นห่วงหรือกังวล (เค้าว่าอย่างงั้น)

หลังเลิกผมอยู่กับลุงขวด คุณพี และผู้ถือหุ้นอีกท่านสองท่าน ถามต่อได้ถ้ามีอะไรที่รู้จะช่วยตอบให้ครับ
อ้อ.. เกือบลืม เรื่องแตกพาร์ ผู้บริหารบอกว่ากำลังพิจารณาอยู่ ผมมีความรู้สึกถ้าจะทำก็คงเป็นเพราะทางตลาดให้ทำเพื่อเพิ่มสภาพคล่องมากกว่า
อีกอย่างเรื่องซื้อหุ้นคืนคงจะลำบาก เนื่องจากยังไม่มีนโยบาย และยังมีแผนการลงทุนรออยู่ครับ

สรุปแล้ว ก็ดู OK ครับ
ถ้าสวมหมวกนักวิเคราะห์ ก็คงต้องแนะนำ : ACCOMULATE
คำเตือน : เป็นความคิดเห็นส่วนตัว หากถือไม่อืด ควรหลีกเลี่ยง

คุณธันวา สรุปได้ดีครับ ในคำเตือน ถ้าถือไม่อืด ควรหลีกเลี่ยง

ผมเห็นด้วยว่า เป็นหุ้นลงทุนที่ดีตัวหนึ่ง เขาก็เอาเงินไปลงทุนให้อีกที มีนโยบายขยายกิจการไปเรื่อย ๆ ปีนี้ ดี ขึ้นหน่อย มีการให้ข้อมูลมากขึ้น มีการเปิดตัวให้ผู้ลงทุนได้รู้จักมากขึ้น.........แต่ยังไม่เป็นที่สนใจแก่ผู้ลงทุนมากนัก เพราะ สภาพคล่องในตลาดยังอยู่ต่ำมาก ถ้าฝ่ายบริหารทำให้มีสภาพคล่องมากขึ้น และ มีนโยบาย ขยาย โครงการณ์ต่าง ๆ อีก ก็คงจะดี และ หาทางระดมทุนในตลาดได้.........คงได้มีโอกาสพบกันอีกในการชมโรงงานในอีก 2-3 เดือน ข้างหน้านี้นะครับ


ยินดีได้พบและรู้จักกับหนุ่มไฟแรง และ มีความสามารถ อย่าง คุณ ธันวา ผมมันเริ่มหมดไฟแล้วครับ (ความสามารถก็ไม่มี เท่ากับคุณรุ่นใหม่ ในกลุ่ม TVI นี่แหละ)

ขอบคุณ คุณธันวา ที่ได้ช่วยสรุปสิ่งที่ได้ฟังจากการประชุมผู้ถือหุ้นของ TR มาให้ทราบครับ

ขอบคุณลุงขวด คุณธันวา มากๆ ครับ
ที่นำข่าวมาฝาก มีประโยชน์มากครับ

เรื่องการเยี่ยมชมโรงงาน ผมขอลงชื่อด้วยคนนะครับ
ได้กำหนดแน่นอน รบกวนบอกด้วยนะครับ

ฮา คนที่ไม่เห็นด้วยที่คุณ thanwa พูดถึงคือกระผมเองครับ

แหมสงสัยทุกๆ ท่านในที่ประชุมจะมองว่าผมเป็นตัวป่วนแหงๆ เลย ขออภัยครับครั้งแรกกับการไปประชุม ผู้ถือหุ้น เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง พอของดออกเสียงเท่านั้น ประธานท่านมองหน้าเลย อิอิ

แต่มันคันปากนะครับ เค้าบอกว่า เงินปันผล 9 บาทต้องเทียบกับ 37 บาทซึ่งเป็นเงินสดที่เข้ามาจริงในงวด แหมถ้าอย่างงี้ ก้อต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ใหม่แล้วมั้ง ว่าเป็นกี่เปอร์เซนต์จากเงินสดที่ได้จากการดำเนินงาน ไม่ใช่จากกำไรสุทธิ

ผมเองก้อไม่ได้มีอะไรติดใจเรื่องเงินปันผลแล้วแหละ เพราะมันมีโครงการใหญ่มากในเมืองจีนกว่า 3000 ล้านบาทอย่างที่บอก แน่นอนว่ากระแสเงินสดที่มีต้องเก็บเอาไว้ลงทุนตรงนี้ แต่การที่บอกว่าควรที่จะเทียบกับ 37 บาท มันค่อนข้างทะแม่งๆ ในความรู้สึกครับ

อีกประการก้อคือความโปร่งใสในความสัมพันธ์กับบริษัท AV Cell ซึ่งผมก้อว่าเค้าคงจะไม่มีอะไร แต่มันเป็นช่องทางที่เงินจะรั่วไหลได้เหมือนกัน ถ้ามองในแง่ร้ายก้อคือ แหม ให้ทั้งเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยก้อลด ยืดเวลาการจ่ายหนี้ แถมให้เงินล่วงหน้าค่าสินค้าอีก อะไรมันจะดีปานนั้น ทั้งๆ ที่ TR ถือหุ้นแค่ 16.67 % แต่ถ้ามองในแง่ดี ก้อคือมันเป็นการสร้างความมั่นคงในแง่ของแหล่งวัตถุดิบ อืมจะมองยังงั้นก้อได้เหมือนกัน

อ้อ เค้าบอกว่าเงินกู้ระยะสั้น 350 ล้านนะคงไม่มีการให้อย่างต่อเนื่องนะ เพราะไม่มีนโยบายยังงั้น ลองตามตรวจสอบกันต่อด้วย

เอ คุณ thanwa นี่สงสัยจะเป็นคุณคนที่รูปหล่อๆ เสียงนุ่มๆ กระมัง ยังมีอีกท่านคือลุงขวดหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะในห้องนั้นมีคนถามคำถามอยู่แค่ 3 คนเองครับ

เดี๋ยวคงไปเจอในงานผู้ถือหุ้น TCB อีกรอบ

A V Cell Inc. เป็นบริษัทร่วมทุน 50:50 ระหว่าง Aditya Birla Group
และกลุ่ม Tembec ของแคนาดา

ตัวแทนฝ่าย Birla ได้แก่ อินเดีย เรยอน ,ไทยเรยอน และ พีที อินโด เรยอน ส่วน Tembec เป็นบริษัทผลิตเยื่อกระดาษรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก มีการผลิตเยื่อกระดาษ 1.9 ล้านตันต่อปี (PPPC ผลิตได้ 220,000 ตัน AA ผลิตได้ 400,000 ตัน) ส่วนใหญ่เป็นชนิดเยื่อที่ละลายได้ โดยขายให้กลุ่ม Birla ประมาณปีละ 100,000 ตัน เริ่มผลิตเมื่อปี 1998 และผลิตเต็มกำลังการผลิตเมื่อปี 2000 พิจารณาดูน่าจะมีความมั่นคงพอสมควรครับ

ผู้ถือหุ้น TR คงสบายใจได้ครับ เพราะโครงสร้างผู้ถือหุ้นมีการถ่วงดุลกัน
เรื่อง ยักย้ายถ่ายเทผลประโยชน์ คงเกิดขึ้นได้ยากครับ

หากผู้ถือหุ้นรายย่อย มีความแข็งขันเหมือน ลุงขวด คุณธันวา และดาวรุ่งอย่างคุณ aye (ตัวแทนจาก TVI :lol: :lol: ) ก็น่าจะเป็นสัญญานที่ดีครับ
อย่างน้อย ผู้บริหารก็รู้ว่ากำลังถูกจับตาอยู่ จะทำอะไร คงต้องพิจารณาโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นด้วยครับ

อืม พอจะนึกออกแล้วว่าคุณ thanwa กับลุงขวดนะคนไหน แต่เราไม่ได้คุยกันเลยนะครับ เอคุณ thanwa ไม่ได้ถามคำถามเลยรึเปล่าครับ ชักงงๆแฮะ

ขอบคุณคุณลูกอีสานที่ยกให้เป็นดาวรุ่งตัวแทนจาก TVI (เดี๋ยวคราวหน้าไป จะประกาศว่า TVI ส่งประกวด :lol: :lol:) หวังว่าคงไม่เป็นดาวร่วงนะครับ ผมรู้สึกยังงี้นะ หวังว่าคนอื่นคงไม่ว่าผม ว่าการไปประชุมผู้ถือหุ้นเนี่ย ถ้าอะไรที่เราไม่ชอบ มันก้อควรจะแสดงความไม่เห็นด้วยนะ แม้ว่าเป็นกรณีเล็กๆ ก้อตาม ผมไม่รู้ว่าถูกหรือผิดนะครับ แต่ผมว่ามันแปลกๆ ที่บางครั้งผู้ถือหุ้นรายย่อยเสียประโยชน์ แต่รายงานการประชุมดันบอกว่าลงมติเป็นเอกฉันท์ (แสดงว่าไม่มีใครคัดค้าน)

ไปคุยกับท่านสุภาพบุรุษที่นั่งข้างๆ ผม ท่านให้ความรู้ว่าบางครั้งมันก้อต้องมีอะลุ่มอะล่วยในบางเรื่อง เดี๋ยวเค้าเลิก แล้วจะหาบริษัทดีๆ ลงทุนไม่ได้ สงสัยจะจริงครับ แหะ แหะ

คนที่รูปหล่อ หนุ่มแน่น นั่นแหละครับที่ ถามคำถาม นั่งติด กับ Microphone เลยครับ (นั่นครับ คุณธันวา)..........คนที่ พูด ภาษาอังกฤษได้เก่ง ๆ นั่นแหละ ....... หลง กล ผม เพราะ ผมชวน คุณธันวา ให้มานั่ง ใกล้ Microphone จะได้ถาม คำถามไงครับ ส่วนผม ไม่ ได้ ถามอะไร เพราะ ไม่เก่ง ภาษา กลัว เขาจะ งง ในคำถาม นะครับ

ดีครับ เชื่อมั่นในตนเอง งด ออก เสียง ก็ ดี ทำให้ ในที่ประชุม มีเวลา คิดจะถามเรื่อง อะไรต่อ พอ หอม ปาก หอม คอ.......คงทำให้เขา รู้สึกว่า รายย่อยเริ่มสนใจ บริษัทฯ เขา คงไม่ทำอะไร นอกลู่ นอกทาง....การถามคำถาม มาก ๆ บางที ฝ่ายบริหารก็ไม่ชอบเหมือนกัน ต้องดูความเหมาะสม ไม่งั้นเดี๊ยวเขา โกรธ พา ออก จากตลาด ไป จะทำให้ นักลงทุน หา หุ้น ดี ดี ลำบาก

เห็นด้วยครับ หุ้นดีดี บางทีก็ไม่อยากอยู่ในตลาดให้เราได้ถือ ถ้าตลาดไปเข้มงวด มาก เกินไป บางทีก็เป็นผลร้ายเหมือนกัน เดินสายกลางนั่นแหละดี

ความจริงผมก็ไม่แน่ใจครับว่าจะใช้คุณ aye หรือเปล่า
ว่าจะเข้าไปทักหลังเลิกประชุม แต่ก็ถือโอกาสคุยกับผู้บริหารโดยตรงก่อน
เชื่อไหมครับว่าผม พี่พี และพี่ผู้หญิงอีกท่านหนึ่งอยู่สุดท้ายเลย ลุงขวดกลับก่อนนิดหนึ่ง เรียกว่าคุยกับคุณที่รับผิดชอบด้าน IR (ที่แปลในที่ประชุม) จนเย็นมากเลยครับ

ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีครับ และก็เป็นสิทธิของผู้ถือหุ้นที่ต้องสอบถาม เพิ่มเติมจากกรรมการตรวจสอบ ผมว่าคุณ aye นี่หน่วยก้านดีครับ ขอชมด้วยใจจริง เรื่องเงินปันผลน้อยผมไม่ยังไม่ค่อยติดใจตอนนี้ครับเพราะยังพอมีเงินใช้ อีกอย่างถ้าไปลงทุนเพิ่มเพื่อเพิ่มมูลค่าผมก็เห็นด้วย แต่ถ้าวันไหนบรรลุได้เช่นคุณลูกอิสาน ก็คงต้องเพิ่มความสำคัญเรื่องนี้ครับ อ้อผมว่าโดยรวมก็เป็นไปได้ด้วยดีนะครับ เรื่องประชุม การที่ไม่ถามบ้างเลยเดี๋ยวเขาจะหาไม่เราอย่างไรก็ได้อีก

ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดครับ
1) ลองตรวจสอบดูนะครับ มีการโอนหุ้นจากรายใหญ่ประมาณ 2% ให้อีกทีหนึ่ง น่าสนใจทีเดียว เดี๋ยวคงมีรายงานออกมา
2) annual report ฉบับนี้ หากดูรูปไปเรื่อยๆ จะเป็นเรื่องราวของสินค้าของบริษัท ซื่งจะเน้นไปในส่วนของ non woven มากขึ้น ซื่งเป็นส่วนที่มี margin มากขึ้นด้วย เขาว่างั้นนะ
3) เรื่องเงินตั้งสำรองตอนเกษียณ น่าจะเป็นประเด็นในการติดตามผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ เพราะถ้ายังไม่ได้ อาจจะถูกกระทบเหมือน TR ไตรมาสสี่ก็เป็นไปได้
4) ค่าระวางเรือที่สูงขึ้น อาจจะกระทบกับต้นทุน แต่ยังประมาณการไม่ได้ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่การขึ้นราคามากจริงนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้
5) ยังมี hidden assesst อยู่พอสมควร เครื่องจักรที่ตัดค่าเสื่อมหมดแล้ว ที่ดิน และอื่นๆ เค้าว่างั้น
6) ความคิดเห็นเพิ่มเรื่อง กรุงเทพเมืองแฟชั่น นั้นยังไม่เป็นรูปธรรมมากนัก TR ก็เลยยังค่อยได้ประโยชน์
7) Rayon เป็น 1 ใน 6 หรือ 8 สายธุรกิจของ Birla Group ถึงแม้ TR จะไม่ได้ใหญ่ที่สุด เป็นบริษัทที่มีกำไรสูงสุดในกลุ่มธุรกิจนี้ ส่วนแบ่งการตลาดของ Birla Group ส่วนนี้คือ 24% และ TR มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 4.5% ของโลก
8) ผู้บริหารจะเป็น professional มารัน เพราะฉนั้นไม่มีการถือหุ้น ผลตอบแทนของผู้บริหารจะขึ้นอยู่กับกำไรของแต่ละบริษัทที่รับผิดชอบ TR ปัจจุบันมี expat อยู่ 17 คน

ไม่แน่ใจว่าจำมาได้หมดหรือเปล่า ก็ทางบริษัทหรือ IR ยินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ ผมมี contact point แล้วยินดีที่จะช่วยประสานงานให้ครับ

อ้อเรื่อง TCB นี่คงเจอกันแน่นอนครับคุณ aye หวังว่าจะเจอหลายๆ ท่านในห้องนี้ด้วย คงต้องรอ annual report ที่จะส่งมาก่อนครับ

อีกอย่างวันนี้ได้ annual report พร้อมกำหนดการประชุมของ IRC ด้วย ไม่ทราบว่าในห้องนี้จะมีใครไปหรือเปล่า วันที่ 29 นี้ครับ แหม.. บอกตรงอ่านจบแล้ว ไม่รู้จะถามอะไรจริง ผมว่าเป็น annual report ที่อ่านง่าย ตรงไปตรงมามากเลย

สุดท้าย ผมว่าลุงขวดชมผมมากไปนิดครับ ความจริงแล้วก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอกครับ พยายามคิดว่าเป็นธุรกิจของตัวเอง อยากจะถือยาวๆ ก็เลยสนใจเป็นพิเศษครับ

ครับ ขอบคุณลุงขวด ที่ให้แง่คิดครับ ผมก้อไม่ได้ตั้งใจจะกวน __ อะไรหรอกครับ ก้อว่าไปตามที่คิดเท่านั้นเอง จริงๆ ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ตั้งใจจะถามแต่ไม่ได้ถามเพราะไม่เกี่ยวกับวาระการประชุม อืมต่อไป คงต้องปรับคำถามให้เป็นเหมือนการแนะนำให้มากขึ้นครับ แต่แหม ลุงขวดนี่ยังหนุ่ม หล่อเฟี้ยวเลยนะครับ

สำหรับคุณ thanwa เสียงหล่อ มาดสุขุมนุ่มลึกจริงๆ เลยยยย ขอบอก VI สาวๆ ในเวบนี้สนใจเชิญได้ ฮา เมื่อไหร่ออกเทปละพี่ (ขออนุญาติเรียกพี่นะครับ) แซวเล่นนะครับ

สำหรับเงินตั้งสำรองการเกษียณอายุนะ ผมว่าดีออก ไม่มีเงินสดไหลออก เลยและยังแสดงถึงความ conservative ในการลงบัญชีอีกด้วย อ้อแต่ก้อนนี้ควรเป็นส่วนนึงของการคำนวนเงินลงทุนของบริษัทนะครับ

ผมหน่วยก้านดีครับ ว่าจะไปลงชกมวยอยู่ แต่ช่วงนี้ก้อโดนน๊อคจากการที่ตลาดหุ้นมันซึมๆ ไปเหมือนกัน อิอิ เดี๋ยวข้าพเจ้าจะซื้อแบบบ้าคลั่ง

หิหิหุหุ

คุณ ayethebing ครับ
ถ้าจะออกเทปสงสัยคงได้แค่เทปตลกนะครับ
ไม่ทราบคุณ aye จะร่วมลงทุนไหมครับ ผมจะได้เริ่มคิดมุขนะ

ไปอ่านอีกกระทู้ เห็นว่าเริ่มขายออกมาแล้ว
อย่าขายออกว่าเยอะนะครับ
หุ้นตัวนี้ เจอแรงขายถึงกับฟลอร์ได้เลยนะ
ยิ่งคุณ aye นะมีน้อยซะเมื่อไหร่
เอาเป็นว่าจะขายช่วยสัญญานด้วยนะครับ
เผื่อจะได้เตรียมตัวรับ
ลุงขวด กะพี่พี คงต้องออกแรงช่วยผมด้วยนะครับ
เอ.. ว่าแต่ว่า อย่าขายหมดนะครับ
จะได้ไปเยี่ยมชมโรงงานด้วยกันก่อน
ถ้าดูไม่เข้าที ก็ไม่ว่ากันครับ

ลุงขวดนี่ไม่ธรรมดาเลยครับ
แหม ก็มีชื่อติดผู้ถือหุ้นใหญ่ตั้งหลายตัวแนะครับ
อืม.. เมื่อไหร่ผมจะมีโอกาสบ้าง อิจฉานะครับ
ต้องให้ลุงขวดช่วยชี้แนะครับ

ชี้แนะเรื่องการลงทุนนะง่ายครับ แต่จะให้ได้กำไรหรือเปล่านี่ ยากหน่อย ในความคิดของผม ผมมักแนะนำการออมเงินดังนี้

สำหรับคนส่วนใหญ่ที่เกิดมาในระดับปานกลางนะครับ ไม่รวมผู้ที่รวยแล้วและไม่รวมคนที่ไปลงทะเบียนคนจน

1. อายุ 25-35 ปี สนใจในงานมากที่สุด เงินเหลือก็เอาไปผ่อนบ้าน เป็นอันดับแรกเลยครับ ผมว่า บ้านเป็นสิ่งสำคัญ และ อีกส่วนก็การศึกษาของลูกที่ต้องให้ได้ระดับปริญญาตรีเป็นขั้นต่ำ (ตอนนี้ปริญญาตรียังเห็นขับแท๊กซี่ก็มี)

2. อายุ 35-45 ปี ลงทุนในหุ้นเริ่มได้แล้ว โดย ลงทุนหุ้นทุน สัก 80% ตราสารหนี้(หุ้นกู้+พันธบัตร) 20%

3. อายุ 45-55 ปี ปรับเสียหน่อย เอาหุ้นทุน สัก 70% ตราสารหนี้ สัก 30%

4. อายุ 55-65ปี ขึ้นไป ก็ควรจะ หุ้นทุนสัก 60% ตราสารหนี้ 40%

5. อายุ 65 ปีขึ้นไป หุ้นทุนสัก 50% และ ตราสารหนี้สัก 50%

นี่ไม่พูดถึงเงินฝากธนาคารที่ควรมีสำหรับค่าใช้จ่ายที่จ่ายประจำ ควรมีสัก 6 เดือนของค่าใช้จ่ายก็พอแล้ว ในความคิดของผมหุ้นทุนนี่เปลี่ยนเป็นเงินได้ง่าย ๆ ในเวลาเพียง 3 วันทำการเองก็กลายเป็นเงินสดแล้ว

เมื่อสองปีก่อนผมได้ถอนหุ้นตราสารหนี้ออก แปลงเป็นหุ้นทุนไปแล้ว ถึงแม้ขณะนี้เองผมก็ยังถือหุ้นแบบหุ้นทุนถึง 95% มีตราสารหนี้(พันธบัตรและ หุ้นกู้เพียง 5%เท่านั้น)..... ผมอยู่ในข้อ 4 ผมว่า ควรมีแบบหุ้นทุน 60 และตราสารหนี้ 40% (ตนเองยังทำไม่ได้ตามคิดเลย เนื่องจากอยู่ในตลาดหุ้นมานานเกินไปมั้ง เลยชอบหุ้นมากกว่า)..........ไว้รอปลายปีหน้า อาจเปลี่ยนหุ้นทุนบางตัวไปเป็นตราสารหนี้บ้าง

การลงทุนที่เกิดขึ้น ปีที่แล้ว ผมพบว่า ตราสารหนี้ อยู่ในระดับเดิม ไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ในขณะที่ ตราสารทุนให้ผลตอบแทน ถึง 118% เลย บางคนบอก ถึง 160-180% .........ปีนี้อย่างเก่งตราสารทุน ก็ไม่น่าจะเพิ่มเกิน 40%

TR แหะ แหะ ขายไปบ้างบางส่วนแล้ว รอราคาย่อกว่านี้ อาจจะกลับไปซื้อครับ

สงสัยว่าผมจะรับของคุณ aye เข้าให้แล้ว...
หลังจากผมลดพอร์ทบางส่วนประมาณ 15 % หลังจากประกาศปันผล
ตอนนี้ก็รับกลับคืนมาบ้างครับ หลังจากเริ่มมั่นใจ เพราะมีข้อมูลรายละเอียด
ออกมามากขึ้น ยังไงอย่าขายออกมามากนะครับ เพราะผมเงินน้อยครับ

อย่างที่ลุงขวดแนะนำครับ ตามทฎษฎีเค้าว่าให้บริหารความเสี่่ยงตามอายุ
คืออายุน้อยหน่อยก็เสี่ยงได้มากหน่อย ก็คงเป็นลงทุนในหุ้นเนี่ยละครับ
หากอายุมากขึ้น ก็เน้นรักษาเงินต้น คือลงในตราสารหนี้เยอะหน่อย
แต่ในความเป็นจริง หากเราเข้าใจในสิ่งที่เราทำ คือการลงทุนในหุ้นที่ดี ระยะยาว
ผมคิดว่าก็น่าจะปลอดภัยเหมือนกันครับ เพราะหุ้นตกก็ยังได้รับปันผล
เวลาตลาดกระทิงก็ได้รับ capital gain และยิ่งหากพอร์ทใหญ่ๆ อย่างลุงขวด
คงไม่ต้องเน้นรักษาเงินต้นครับ เพราะถึงอย่างไรก็คงไม่หมดง่ายๆ นะครับ :lol: :lol:
ว่าแต่ลุงขวดคงมี TR เท่าเดิมนะครับที่ x,000 หุ้น

คุณธันวา ครับ ผู้หญิงที่คุณธันวาคุยด้วยหลังเลิกประชุม ไม่ทราบว่าชื่อคุณมยุรี หรือเปล่าครับ.....ผมก็เพิ่งทราบอีเมลย์ของประธานบาจาจ หากท่านใดต้องการก็ PM มาได้นะครับ

คุณลูกอิสานครับ ตอนแรกไม่อยากจะเอ่ยชื่อเค้านะครับ
แต่คนที่คุณลูกอิสานกล่าวถึงนะถูกต้องแล้วครับ
ต้องขอชมว่า เธอรู้เรื่องราวของบริษัทดีเอามากๆ
และก็เป็นคนที่จะช่วยประสานงานเรื่อง company visit ให้ครับ
ดูแลด้าน finance และ investor relation ด้วยครับ
เพราะฉนั้นใช่เลยครับ ถ้าต้องการ e-mail ก็ PM มาหาผมได้ครับ

คุณอิสานช่วยบอกด้วยก็แล้วกัน หากจะขึ้นมากรุงเทพสำหรับ company visit ครับ