Thai VI

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) ปรับตัวในกรอบแคบ ๆ ที่ระดับประมาณ 34.50-34.63 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาค โดยเงินบาทมีปัจจัยบวกจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐของธนาคารต่างชาติและผู้ส่งออกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เงินบาทต้องลดช่วงบวกทั้งหมดลง และอ่อนค่ากลับไปยืนที่ระดับประมาณ 34.61 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีแรงซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดคาดว่าเป็นการแทรกแซงค่าเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่เงินบาทเผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง หลังจาก ธปท. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน อีกร้อยละ 0.50 ลงสู่ระดับร้อยละ 3.50 เงินบาทฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ มาอยู่ที่ระดับประมาณ 34.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีปัจจัยหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ส่งออก และการแข็งค่าขึ้นของเงินเยน แม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐของบริษัทน้ำมันก็ตาม อนึ่ง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวในช่วงปลายสัปดาห์ว่า เงินบาทในขณะนี้มีเสถียรภาพ และยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค แต่ในระยะยาว เงินบาทมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง เนื่องจากดุลการค้าของไทยมีแนวโน้มเกินดุลลดลง หรืออาจขาดดุลในปีหน้า ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดมีโอกาสที่จะขาดดุลเช่นกัน เนื่องจากต้องมีการนำเข้าสินค้ามากขึ้นเพื่อรองรับการลงทุนโครงการเมกกะโปรเจกต์ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มชะลอลง

ขอคำชี้แนะจากผู้รู้ด้วยครับ ผมไม่ได้เรียนมาทางนี้เลยแปลความหมายลำบาก

คงไม่ใช่สัญญาณอะไรหรอกครับ  เป็นการคาดการณ์หรือคาดเดาของท่านผู้ว่าธปท.ครับ

เมกกะโปรเจคจะมีในปีหน้าหรือไม่  ก็คาดเดากันไป  ผิดบ้างถูกบ้าง  อย่าไปยึดถือมากเลยครับ  เพราะไม่มีอะไรแน่นอน