Thai VI

ผมคิดว่าน่าสนใจดีนะครับ พี่ๆ คิดเห็นเป็นประการใดกันครับ

ก็น่าจะดีนะ คิดค่าบริหารแพงๆหน่อย

งืม น่าสนใจดีนะครับ รอหุ้นตกๆ เยอะ แล้วเริ่มช้อนด้วยหลักการ vi โดยมีแกนนำเป็นพวกพี่ๆ ในเวปนี้คงได้ผลตอบแทนชนะกองทุนทั่วไปๆแน่ๆ

รวมเงินคนในเวปเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาทก่อนเป็นไงครับ

โดยต้องไม่กำหนด market cap ทำให้สามารถซื้อหุ้นตัวเล็กๆ ได้

ไอเดียก็ดีนะครับ
แต่ถ้าจะทำจริงๆ แล้วทำเป็นกองทุนรวมตามกฎหมายเลยนี่คงมีคนสนใจไม่น้อย แต่ต้องกำหนดให้ขายได้ไม่บ่อย เพราะถ้าขายได้ทุกวันอย่างกองทุนรวมหุ้นอื่นๆคงทำให้ต้องถือหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง แต่คุณภาพด้อยลงมา หรือถือเป็นเงินสดมากเกินความจำเป็น

เจก

ไอเดียดีครับ

ผมจะลองปรึกษาผู้หลักผู้ใหญ่ดูครับ

ว้าว..พี่หมอสนใจอย่างนี้ ต้องเตรียมเก็บตังค์ ซื้อกองทุน VI ซะแว้วววว 8)

รู้สึกว่า ดร.น เคยคิดเหมือนกันแต่เข้าจัยว่ากฎหมายบ้างอย่างไม่อำนวย ในช่วงหลังๆก็เงียบไป

เก็บตังซื้อด้วยคนคับ  :D

กุหลาบงามหลังฝน เขียน:รู้สึกว่า ดร.น เคยคิดเหมือนกันแต่เข้าจัยว่ากฎหมายบ้างอย่างไม่อำนวย ในช่วงหลังๆก็เงียบไป

ครับ.....เข้าใจว่าเป็นอย่างนั้น

ต้องจดทะเบียน  เป็นคณะบุคคลก่อนครับ

ตัวอย่าง  ยกมาจากหุ้น  เสี่ยชู

16   คณะบุคคล นายนพนันท์และนายนิตต์ บุญภิรักษ์ โดยนายนพนันท์ บุญภิรักษ์   65,000   0.58

ขอเป็นเสียงสนับสนุนอีกหนึ่งเสียงครับ

อีก ๑ เสียงครับ

คงต้องดูว่าใครเป็นผู้ผู้ตัดสินใจหล่ะครับ

เห็น ชาร์ลี มังเกอร์ บอกว่า ที่ เบริก์ไชช์ โตได้ขนาดนี้เพราะว่า บัฟเฟต มีอำนาจสั่งการใหญ่ ไม่ใช่ประชุมแล้วโหวต

เงินๆทองๆ ไม่เข้าใครออกใครนะครับ

ผมกลัวว่านี่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย ที่อาจเกิดกับ TVI ซะมากกว่า

เพราะทุกคนยอมรับในความสามารถ แล้วกล้าให้ buffet เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด จะผิดจะถูกก็ยอมรับได้ ถ้าเป็น TVI จะเป็นใคร

ถ้าเป็น VI ก็จัดการเลือกตั้งคณะทำงาน เมื่อได้คณะทำงานที่จะเป็นคนตัดสินใจแล้ว ผู้ถือหน่วยอย่างเราๆ ก็เคารพการตัดสินใจครับ หากคุณคิดว่าคณะนี้ ไม่น่าเชื่อถือ ก็ไม่ต้องซื้อหน่วยลงทุนนี้

นึกไปคงรู้สึกดี หากลงทุนกับ thaivi เริ่มต้นตอนนี้ที่ 1000 บาท/หุ้น ถึงตอนที่ลูกผมเรียนจบ คงมีมูลค่า 1,000,000 บาท/หุ้น ถ้าทำได้ก็ลุยเลยครับ ไม่เคยเล่นหุ้นอะไร ที่มีมูลค่าเกิน 10,000 บาท/หุ้น (ตอนปูนใหญ่ แค่พันกว่า ยังไม่มีปัญญาซื้อเลยครับ)

จาก

"เงินๆทองๆ ไม่เข้าใครออกใครนะครับ

ผมกลัวว่านี่จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย ที่อาจเกิดกับ TVI ซะมากกว่า"


ผมคิดว่าความเห็นเช่นนี้ คงมองเข้าไปในมุมของผู้ที่ทำหน้าที่อำนวยการ(บริหารจัดการ)กองทุนด้วยความหวาดระแวง  ใช่หรือไม่ครับ แต่สำหรับผมกลับคิดเห็นว่าการเข้าร่วมลงทุนในที่ใดๆ ก็ตามนั้นก็ย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว เว้นแต่ว่าเราจะมีความมั่นใจต่อการทุ่มเงินลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนจำนวนเท่าใดด้วยความสมดุลกับความเสี่ยงที่เราคาดคิดได้


หรือเป็นความคิดเห็นที่ต่างไปจากนี้ครับ

ด้วยหวังว่าพี่ๆ คงอยากฟังความคิดเห็นทั้งเหมือนและต่างครับ (ใช่ไหมครับ)

ส่วนตัวผมว่ามันเป็น conflict of interest นะครับที่จะตั้งกองทุน TVI ขึ้นมา....

สมมุติว่าผมเป็น key decision maker ในการซื้อหุ้นต่างๆ.... ผมก็ต้องออกรายงานการซื้อขาย ซึ่งหากผมไปซื้อหุ้นอะไรที่คนบางคนมองว่าไม่ได้เรื่อง เช่น STPI ปีที่แล้วบางคนบอกว่า โอ้ย เป็นหุ้นที่ทุเรศ บอกคาดการณ์อะไรไม่ได้ ธรรมาพิบาลต่ำ ต่างๆนาๆ แต่หากตัวผมมองว่า โอ้แม่เจ้า PE 3, cash 3 baht, ปันผลบาน etc etc....... แค่นี้ก็แย่แล้วล่ะครับ

นักลงทุนอาจจะเป็น VI เหมือนกัน แต่อย่าลืมครับว่าแต่ละคนก็จะมองหุ้นตัวเดียวกันต่างกัน.... ถ้าสมมุติหุ้นที่วิเคราห์มันวิ่งแบบ CP7-11 ก็คงดี แต่หากแป๊กเหมือน STPI ติดดอยที่สี่บาทกว่าๆโดยที่ปัจจุบันก็กระจ่างว่าบริษัทครุมเครือมาก เท่านี้คนก็อาจจะไม่ชอบผมแล้วล่ะครับ

เรื่องเงินๆทองๆ ผมว่าอย่าเอามาเกี่ยวกับ TVI เลย.... ไม่อย่างนั้นมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอาการคุยกันแต่เรื่องราคาครับ

การตั้งกองทุนถ้าเข้าข่ายระดมทุนต่อสาธารณชน ผู้จัดการกองทุนจะต้องมีใบอนุญาต รู้สึกว่าคุณสมบัติข้อหนึ่งของผู้จัดการกองทุนที่มีใบอนุญาตคือต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

แต่ถ้าเป็นการตั้งกองทุนโดยระดมเงินกันเองไม่มีการเป่าประกาศอันนี้ไม่ต้องมีใบอนุญาต แต่ก็จะมีปัญหาว่าตัวกองทุนจะไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคล ความโปร่งใสไม่มี ถ้าจะตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนขึ้นมา ก็รู้สึกว่าจะมีข้อเสียเรื่องภาษีครับ ไม่เหมือนนิติบุคคลที่เป็นกองทุนจะได้รับการยกเว้นภาษี

เคยมีคนที่รับบริหารเงินโดยใช้ DSM เคยถูกตำรวจจับมาแล้ว

ผมหมายถึงระวังจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ

เข้าใจว่ามีข้อจำกัดทางกฎหมายพอสมควรในการจัดตั้งกองทุน หรือถ้าทำในรูปแบบอื่น หากภายหลังมีปัญหาตามมาต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ใครจะรับผิดชอบ

ระวังจะกลายเป็น เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แล้วยังต้องเอากระดูกมาแขวนคออีกนะครับ


นี่ยังไม่นับถึงประเด็นอื่นๆที่อาจตามมาอย่างที่คุณ Jangster ได้แสดงความเห็นไปแล้ว



ก็แค่หนึ่งความเห็นต่าง ด้วยความเคารพ

เห็นด้วยครับ ถ้ามีผู้บริหารที่มีความสามารถ มีคุณธรรม โปร่งใส

ผมคิดว่าในอดีตก็เคยมีการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาครับ
เรียกง่ายๆ ในนามวงแชร์ต่างๆ เช่น แชร์ชาร์เตอร์,แชร์
แม้ชม้อย, นกแก้ว  จ่ายผลตอบแทนสูงๆ เมื่อวงแชร์ล่ม
ประชาชนเดือดร้อน  ทางการก็เลยออกกฎควบคุมโดย
ก.ล.ต. จะทำหน้าที่ดูแลประชาชนในจุดนี้ครับ โดยจะ
ให้ใบอนุญาตสำหรับการเป็นผู้จัดการกองทุน  ซึ่งต้อง
มีความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามกฎต่างๆของทางการครับ
  การจัดตั้งกองทุน VI ขึ้นมา อาจผิดกฎหมายได้ครับ
รวมทั้งมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เปิดโอกาส
ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนร้องเรียนได้  เดี่ยวจะแย่กันเปล่าๆ ครับ

 * ความเห็นส่วนตัวเห็นว่าควรตั้งเป็นมูลนิธิครับ ลงเงิน
กันคนละ 5,000 หรือ 10,000 หรือแล้วแต่ศรัทธา นำเงิน
ไปลงทุนหุ้นที่ดี มีคุณภาพ เงินปันผลหรือดอกผลที่ได้
ก็นำไปทำประโยชน์เพื่อสังคม  อย่างนี้น่าจะยั่งยื่นกว่า
ครับ[  :)

มีวิธีทำครับ แถมกฎหมายก็เอื้ออำนวยด้วย

Mr. Densri Method was under arrest due to private fund penalty  :shock: .Therefore if u really wanna do it u better check out the sec rules carefully .

I prefer hedge fund instead of VI fund cause
higher return .