Thai VI

ด้วยความเหงาช่วงหยุดสงกรานต์ ไม่มีอะไรทำ ก็เลยเปิด CNBC BLoomberg ดู เห็นตลาดใหญ่ๆ วิ่งขึ้นกันใหญ่ แล้วบังเอิญได้ฟัง clip รายการวิทยุที่สัมภาษณ์ ดร.นิเวศน์ เรื่อง MEGATREND ก็เลยเกิด IDEA ว่า จะเวิร์คไม๊ ถ้าเราหา MEGATREND โดยตามดูจาก ดัชนีกลุ่มอุตสาหกรรม ในตลาดหุ้นใหญ่ๆ อย่าง USA ญี่ปุ่น ฮ่องกง  กลุ่มไหนวิ่งแรงๆ อีกหน่อยก็คงตามกันเป็น domino ... ถ้าไม่เวิร์ค เราจะดูจากอะไรได้ ขอความเห็นหน่อยครับ

ผมคิดว่าเป็นมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ

เพียงแต่ว่า บางเรื่องที่บูมในต่างประเทศ อาจจะเร็วไปหน่อยสำหรับเมืองไทย แต่ทิ้งไปอีกสักช่วงเวลาอีกหน่อยอาจเหมาะสม เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทน solar Cell ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ เริ่มให้ความสนใจจนทำให้ตลาดมีการขยายตัวค่อนข้างมากทีเดียว  จนทำให้วัตถุดิบที่สำคัญที่นำมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์มีราคาแพง ทำให้ต้นทุนการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับต้นทุนการใช้พลังงานอื่น ๆ นั้นแพงกว่าค่อนข้างมาก เป็นต้น

บางเรื่องมาจังหวะได้กำลังดี แบบนี้ก็เหมาะทีเดียวที่เราจะเข้าไปร่วม แจม ด้วย เช่น เรื่อง Modern Trade ทั้งหลาย   การสั่งซื้อของผ่านระบบอิเลคโทรนิค ทั้งหลาย เป็นต้น

แต่บางเรื่องอาจไม่เหมาะกับตลาดบ้านเราก็ได้  เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เป็นต้นครับ

ผมคิดว่าการดูข้อมูลในต่างประเทศ เป็นเบื้องต้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การจินตการณ์ที่ไปไกลกว่านั้น คงต้องหันกลับมาดูสภาพแวดล้อมของบ้านเราเหมือนกัน เหมือนที่ อ.ดร.นิเวศน์ ท่านก็จะใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของบ้านเราและแนวโน้ม

เท่าที่ผมมองแนวโน้มของบ้านเราในขณะนี้ ผมมองดังนี้นะครับ

เรื่องที่อยู่อาศัย จะพบว่า บ้านเราเปลี่ยนพฤติกรรมเป็น นิวเคลียร์แฟมีรี่ กันมากขึ้น เป็นครอบครัวขนาดเล็ก ๆ ไม่ใข่ครอบครัวใหญ่ในอดีต ทำให้เกิดพฤติกรรมการอยู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น ใกล้ที่ทำงาน ใกล้สถานนีรถไฟ เพื่อสะดวกในการทำงาน และส่งลูกไปเรียนหนังสือใกล้บ้านมากขึ้น จะไปซื้อบ้านเดี่ยวไกล ๆ ก็ไม่ไหว ยิ่งสมัยนี้ครอบครัวส่วนใหญ่ก็มีลูกน้อยลง เป็นต้น

คนมีอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลเกิดโอกาสธุรกิจบางประเภทเกิดขึ้น คือ มีการตรวจสุขภาพกันมากขึ้น เพื่อหาให้เจอโรคแต่เนิ่น  ๆ จะได้รักษาและป้องกันไม่ให้เป็นโรคร้ายแรง ผมเห็นโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แข่งขันกันเรื่องการตรวจสุขภาพที่ซับซ้อนมากขึ้น สำหรับผู้สูงอายุที่มีโอกาสที่จะเป็นโรคสำหรับคนรวยทั้งหลาย เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ซึ่งหลาย ๆ เรื่องเป็นโรคที่มาจากอาหารการกิน การไม่ออกกำลังกาย หรือพฤติกรรมการทำงานของเราที่ผิดแปลกไปจากอดีตมากขึ้น

อาหารการกิน เดี๋ยวนี้ก็ต้อง Fast food หรือ Delivery กันมากขึ้น หรือซื้อจากร้านสะดวกซื้อ แล้วนำไปเข้าเตาอบไมโครเวฟ มากขึ้น เพิ่มคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

เครื่องนุ่งห่มปัจจุบัน ก็เน้นการใส่เสื้อเหลืองกันมากขึ้น เป็นวัฒนธรรมพิเศษของเมืองไทยไปแล้วในช่วง 2 -3 ปีนี้ ทำให้เสื้อผ้ามี Brand หลายยี่ห้อต้องปรับเปลี่ยนแนวโน้มตรงนี้ด้วย

การใช้คอมพิวเตอร์ Note book และ ปาล์มกันมากขึ้น นอกจากจะใช้เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อความบันเทิง การนัดหมาย แล้ว ก็นำมาใช้ในวงการธุรกิจต่าง ๆ กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น ในร้านอาหาร บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม ต่าง  ๆ  เนื่องจากเป็นเครื่องใช้งานที่ค่อนข้างคล่องตัว และทำให้การทำงานมีความถูกต้อง รวดเร็วมาก และราคาเครื่องในปัจจุบันมีราคาที่ถูกลงอย่างมากครับ ลองสังเกตดูว่าที่บ้านใครในขณะนี้ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ Note book กันบ้างครับ และเวลาใช้เครื่องเหล่านี้ไปสักพัก เครื่องก็ต้องล้าสมัย เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนรุ่นใหม่ เพื่อลองรับ โปรแกรมการทำงานที่สลับซับซ้อนมากขึ้น เป็นต้น

รถยนต์ตอนนี้ก็ต้องมีการ Design ให้เป็นรถยนต์ที่ทำเป็น Hybrid ได้ก็จะยิ่งดี คือใช้ได้ทั้ง ก๊าซธรรมชาติ หรือ น้ำมัน และถ้าวิ่งในตัวเมืองก็ต้องเป็นรถยนต์ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นเป็นต้น ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีไปไกลมากขึ้น เราอาจเห็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยการเก็บไฟฟ้าไว้ที่แบ๊ตเตอรี่มากขึ้นก็ได้ครับ เพียงแต่เทคโนโลยีในระยะแรกนั้น ยังมีราคาที่ค่อนข้างแพง เหมือนเวลาที่เราเคยใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งมีราคาแพงมาก ๆ ต่อมาเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น ก็ราคาถูกลง ยิ่งประเทศไทยอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตร และมีแสงอาทิตย์ตลอดทั้งปี ก็จะเป็นจุดได้เปรียบมากทีเดียวครับ

แนวโน้มบางเรื่อง ก็คงเป็น Megatrend ไปอีกยาวไกล บางเรื่องอาจเป็นแค่แฟชั่น ตรงนี้ต้องใช้ประสบการณ์ในการ Screen และอ่านอนาคตให้ดีครับ บางเรื่องผมก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะเป็น แฟชั่น หรือ เป็น Megatrend ของประเทศไทยครับ

ก็ฝันกลางวันไปบ้างนะครับ สำหรับบางเรื่อง ก็มา share กันครับ

ดูครับ