กลยุทธ์การจัดพอร์ตอย่างเซียน
โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 16, 2007 8:50 pm
กลยุทธ์การจัดพอร์ตอย่างเซียน
การจะลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากการวิเคราะห์เป็นรายตัวแล้ว การจัดพอร์ตให้มีความสมดุลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะบ่งชี้ถึงผลตอบแทนโดยรวมว่าจะมากน้อยเพียงใด หรือหากเกิดความผันผวนขึ้น ความสมดุลของพอร์ตจะเป็นเกราะกำบังอีกประการหนึ่งให้นักลงทุนไม่เสียหายมาก
แนวความคิดเรื่องการจัดพอร์ตนั้นมีหลายแนวความคิดครับ แต่โดยหลักก็คือ
1)หลักการกระจาย คือการลงทุนกระจายไปหุ้นหลายๆตัว ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม(หรือหลักการใส่ไข่ไว้ในหลายๆตะกร้า) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต ในขณะเดียวกันผลตอบแทนโดยรวมอาจจะต่ำกว่าการลงทุนแบบโฟกัส
2)โฟกัสคือการเน้นการลงทุนในหุ้นน้อยตัวนักลงทุนคัดสรรมาแล้ว การใช้กลยุทธ์นี้จะพบความผันผวนของพอร์ตได้มากกว่า ความเสี่ยงมากกว่า แต่ผลตอบแทนก็จะสูงตามไปด้วย
เคยมีการศึกษาเพื่อทดสอบเรื่องจำนวนหุ้นในพอร์ต ที่ศึกษาเรื่องระดับผลตอบแทนและความเสี่ยงของมหาวิทยาลัยชิคาโก (professors Lawrence Fisher และ James Lorie)โดยการจัดพอร์ตที่มีหุ้นตั้งแต่1ตัว ถึงพอร์ตที่มีหุ้น500 ตัวครับ ผลที่ออกมาก็คือ
***การเพิ่มจำนวนหุ้นในพอร์ตทำให้ความเสี่ยงลดลง แต่ประโยชน์นี้จะหมดลงอย่างรวดเร็ว หากจำนวนหุ้นในพอร์ตมากเกินกว่า16ตัว***
มีการศึกษาอีก paper หนึ่ง ( John Wiley & son) พบว่า
***นักลงทุนสามารถกระจายความเสียงได้85% ด้วยการมีหุ้นจำนวน15ตัว และ หากมีหุ้นในพอร์ตจำนวน30ตัวจะกระจายความเสี่ยงได้95%
สรุปโดยรวม การจัดพอร์ตทั้งสองแบบก็จะมีผลได้ผลเสียแตกต่างกันไป แล้วบรรดาเซียนในเรื่องการลงทุนละ แต่ละท่านมีกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตอย่างไร
กลยุทธ์การจัดพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ เซียนหุ้นมูลค่าอันดับหนึ่งของเมืองไทย ดร.นิเวศน์กล่าวไว้ในหนังสือตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ ท่านบอกไว้ว่า ในพอร์ตของท่านมีหุ้นกว่า10ตัว น้ำหนักการลงทุนไม่เท่ากันในแต่ละตัว การให้น้ำหนักจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของแต่ละตัว หากท่านเห็นว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนดีและมั่นใจก็จะให้น้ำหนักตัวนั้นมากหน่อย น่าสนใจแต่ไม่มั่นใจก็จะให้น้ำหนักน้อยหน่อย ท่านจะปรับพอร์ตเสมอเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่แล้วจะลงทุนในหุ้นเต็มวงเงินเสมอ
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบบัฟเฟตต์ เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของโลกการลงทุน
ส่วนบัฟเฟตต์ซึ่งชำนาญในเรื่องการใช้กลยุทธ์สวนกระแสแบบคัดสรรคือเลือกลงทุนน้อยตัวแต่ลงหนักเมื่อเจอหุ้นที่ยอดเยี่ยม ท่านเชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลกับนักลงทุนที่ขาดความรู้และความเข้าใจเท่านั้น การกระจายความเสี่ยงจะมีประโยชน์ในกรณีที่จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการไม่รู้ หรือได้รับข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจไม่ครบสมบูรณ์ บัฟเฟต์แนะนำว่านักลงทุนควรมีหุ้นเพียง5-10ตัวเท่านั้น บัฟเฟตต์เมื่อซื้อจะเน้นการถือหุ้นระยะยาว ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่พื้นฐานของหุ้นยังไม่แย่ลง
การจะลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จนั้นนอกจากการวิเคราะห์เป็นรายตัวแล้ว การจัดพอร์ตให้มีความสมดุลก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะบ่งชี้ถึงผลตอบแทนโดยรวมว่าจะมากน้อยเพียงใด หรือหากเกิดความผันผวนขึ้น ความสมดุลของพอร์ตจะเป็นเกราะกำบังอีกประการหนึ่งให้นักลงทุนไม่เสียหายมาก
แนวความคิดเรื่องการจัดพอร์ตนั้นมีหลายแนวความคิดครับ แต่โดยหลักก็คือ
1)หลักการกระจาย คือการลงทุนกระจายไปหุ้นหลายๆตัว ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม(หรือหลักการใส่ไข่ไว้ในหลายๆตะกร้า) เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต ในขณะเดียวกันผลตอบแทนโดยรวมอาจจะต่ำกว่าการลงทุนแบบโฟกัส
2)โฟกัสคือการเน้นการลงทุนในหุ้นน้อยตัวนักลงทุนคัดสรรมาแล้ว การใช้กลยุทธ์นี้จะพบความผันผวนของพอร์ตได้มากกว่า ความเสี่ยงมากกว่า แต่ผลตอบแทนก็จะสูงตามไปด้วย
เคยมีการศึกษาเพื่อทดสอบเรื่องจำนวนหุ้นในพอร์ต ที่ศึกษาเรื่องระดับผลตอบแทนและความเสี่ยงของมหาวิทยาลัยชิคาโก (professors Lawrence Fisher และ James Lorie)โดยการจัดพอร์ตที่มีหุ้นตั้งแต่1ตัว ถึงพอร์ตที่มีหุ้น500 ตัวครับ ผลที่ออกมาก็คือ
***การเพิ่มจำนวนหุ้นในพอร์ตทำให้ความเสี่ยงลดลง แต่ประโยชน์นี้จะหมดลงอย่างรวดเร็ว หากจำนวนหุ้นในพอร์ตมากเกินกว่า16ตัว***
มีการศึกษาอีก paper หนึ่ง ( John Wiley & son) พบว่า
***นักลงทุนสามารถกระจายความเสียงได้85% ด้วยการมีหุ้นจำนวน15ตัว และ หากมีหุ้นในพอร์ตจำนวน30ตัวจะกระจายความเสี่ยงได้95%
สรุปโดยรวม การจัดพอร์ตทั้งสองแบบก็จะมีผลได้ผลเสียแตกต่างกันไป แล้วบรรดาเซียนในเรื่องการลงทุนละ แต่ละท่านมีกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตอย่างไร
กลยุทธ์การจัดพอร์ตของ ดร.นิเวศน์ เซียนหุ้นมูลค่าอันดับหนึ่งของเมืองไทย ดร.นิเวศน์กล่าวไว้ในหนังสือตีแตก กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤติ ท่านบอกไว้ว่า ในพอร์ตของท่านมีหุ้นกว่า10ตัว น้ำหนักการลงทุนไม่เท่ากันในแต่ละตัว การให้น้ำหนักจะขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของแต่ละตัว หากท่านเห็นว่าตัวไหนให้ผลตอบแทนดีและมั่นใจก็จะให้น้ำหนักตัวนั้นมากหน่อย น่าสนใจแต่ไม่มั่นใจก็จะให้น้ำหนักน้อยหน่อย ท่านจะปรับพอร์ตเสมอเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่แล้วจะลงทุนในหุ้นเต็มวงเงินเสมอ
กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบบัฟเฟตต์ เศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของโลกการลงทุน
ส่วนบัฟเฟตต์ซึ่งชำนาญในเรื่องการใช้กลยุทธ์สวนกระแสแบบคัดสรรคือเลือกลงทุนน้อยตัวแต่ลงหนักเมื่อเจอหุ้นที่ยอดเยี่ยม ท่านเชื่อว่าการกระจายความเสี่ยงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลกับนักลงทุนที่ขาดความรู้และความเข้าใจเท่านั้น การกระจายความเสี่ยงจะมีประโยชน์ในกรณีที่จะช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการไม่รู้ หรือได้รับข้อมูลที่ใช้ตัดสินใจไม่ครบสมบูรณ์ บัฟเฟต์แนะนำว่านักลงทุนควรมีหุ้นเพียง5-10ตัวเท่านั้น บัฟเฟตต์เมื่อซื้อจะเน้นการถือหุ้นระยะยาว ถือไปเรื่อยๆตราบใดที่พื้นฐานของหุ้นยังไม่แย่ลง