Thai VI

ถ้า cpn ไม่ได้ต่อสัญญา เซ็นทรัล ลาดพร้าว

กับ

ถ้า mbk ไม่ได้ต่อสัญญา ห้างมาบุญครอง

บริษัทไหน จะเละเป็นโจ๊กมากกว่ากันครับ แต่เห็นทั้งสองก็เตรียมพร้อมสำหรับกรณีแย่ที่สุดไว้เหมือนกันนะครับ

และเท่าที่ทราบทั้งสองก็มีโอกาสสูงที่จะได้ต่อสัญญาเหมือนกัน หรือจะสลับกัน mbk มาประมูลเอาห้างลาดพร้าวไป cpn มาได้ห้างมาบุญครอง อิอิ แค่เดา

กรณีของเซ็นทรัส ลาดพร้าว สัญญาฉบับเดิมหมดอายุไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้สัญญาฉบับใหม่กำลังดูกันอยู่ว่า เข้าข่าย พรบ ร่วมทุนหรือไม่ คงต้องตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนครับ จะได้ไม่เกิดปัญญา

ส่วนของมาบุญครองนั้น ต้องดูว่า ณ ตอนนั้นเจ้าของพื้นที่เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ หรือ เป็นมหาวิทยาลัยออกนอกระบบการจัดการของรัฐ อันนี้คือประเด็นสำคัญ

CPN น่าจะเละน้อยกว่านะครับ เพราะสาขาเยอะเหลือเกิน

MBK ท่าทางน่าจะกระทบค่อนข้างหนักนะครับ  

เดาเอานะครับ

CPNที่ลาดพร้าว ยอดขายก็ติดอันดับต้นๆน่าครับ
กระทบก็มีกระทบบ้างครับ

ส่วนMBKนี้โดนไปเต็มๆ แต่ก็ยังมีไปลงทุนสยามพารากอนด้วย

ข่าวผมCPNว่าสัญญาเดิมถึงปี51นะครับ มีเวลาอีกหลายเดือน เห็นว่าน่าจะจบภายใน6เดือน

cpn ถ้าเกิดว่าไม่ต่อสัญญา อาจจะต้องไปทำกำไรที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะแทน ที่กำลังก่อสร้างอยู่ตอนนี้

CPN กำลังก่อนสร้างเซ็นทรัสอีกหลายแห่ง
ที่ชลบุรี ขอนแก่น แจ้งวัฒนะ อีกแห่งจำไม่ได้
ลงทุนไปหลายพันล้าน

เอ๋ที่เซ็นทรัสลาดพร้าวมันหมดอายุสัญญาแล้วนี่ครับ
หมดไปเมื่อสิ้นปี 2549 ครับ
ข่าวออกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2549
เดือนธันวาคม 2549 ก็ยังทำตัวสัญญาไม่เสร็จ
จนตอนนี้มีปัญหาของบริษัทแห่งหนึ่งที่ได้รับสัมปทานพื้นที่ ตอนแรกทางบริษัทแจ้งว่าไม่ใช่สัญญาร่วมทุน แต่สุดท้ายปัญหาว่า สัญญาดังกล่าวที่ทำไปเป็นโมฆะ งานนี้ทำให้ทาง การรถไฟแห่งประเทศไทยที่เป็นเจ้าของพื้นที่และทางCPN เองต้องดูว่าสัญญาฉบับใหม่เข้าข่าย พรบ. ร่วมทุนหรือเปล่า ถ้าเข้าข่ายงานนี้ต้องดูว่าCPN จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูกเพิ่มเติมเพื่อทำการงานโดยเฉพาะเดิมหรือไม่
และราคาเช่าใหม่จะคิดต่อปีอย่างไง เพราะ ในตอนที่ทำสัญญาฉบับที่แล้ว พื้นที่เซ็นทรัสลาดพร้าวยังเป็นบึงอยู่เลย เป็นที่กันดานอยู่ แต่ปัจจุบันเป็นที่ชุมชนขนาดใหญ่ ใจกลางเมือง ที่ผู้คนที่อยู่บางกะปิผ่าน และมีโครงการขนาดใหญ่ผ่านคือรถไฟฟ้า

งานนี้ต้องดูใจผู้ให้เช่าว่าจะให้เช่าที่อัตราเท่าไร
แน่นอนว่าอัตราเช่าเพิ่มเติม ผู้ถือหุ้นเต็มใจได้เลยครับ

บ้างครั้งวิเคราะห์ดีแล้ว
เจอปัญหาเรื่องกฏหมายเข้าไปก็ทำให้
สิ่งที่วิเคราะห์ได้ อยู่นอกเหนือไปได้ครับ

ถ้าหากจะวิเคราะห์แบบแย่สุดมีได้สองแนวทาง
1. ไม่ต่อสัญญาที่เซ็นทรัสลาดพร้าว
2. ต่อสัญญาแต่ราคาที่ต่อนั้นแพงมาก และต้องจัดตั้งบริษัทลูก

ซึ่งควรพิจารณาเอาไว้ด้วยครับ

สัญญาหมดปี 51 ตามที่คุณ Naris บอกนะครับ แต่เงื่อนไขกำหนดว่าหากจะ
ต่อสัญญา CPN ต้องแจ้งขอต่อก่อนหมด 2ปี แล้วเจรจาค่าเข่ากัน สัญญา
ให้สิทธิผู้เช่าเดิมก่อน ถ้าเจรจาตกลงกันไม่ได้ถึงจะเปิดประมูลได้ครับ

ผมถือ mbk อยู่ครับ

ผมคิดว่า mbk เป็นหุ้นที่ราคาถูก และไม่น่าจะกระทบกับหุ้นที่ราคา 55 บาท เพราะ
ถือแม้ว่าสัญญาตัวนี้จะเป็นแหล่งรายได้มากที่สุดของ mbk แต่ ราคาตามบัญชีที่ mbk ลงไว้ประมาณ 3-4 พันล้านบาท

mbk มีกำไรจากส่วนนี้ประมาณ 3-4 พันล้านบาทเช่นกันในอีก 6 ปี

ดังนั้น mbk จะได้เงินสดเข้ามาชดเชยตรงส่วนนี้เช่นกันจะทำให้มีเงินเข้ามาเท่าๆกับ
60-70% ของ marketcap เลยทีเีดียว

ถ้าไม่ได้ต่อสัญญาจริงกำไรในปีที่หมดสัญญา ก็น่าจะลดลงพอควร

คิดแบบเจ้าของ ถ้าเราลงทุนใน mbk 10000 ล้าน
อีก 6ปี เฉพาะส่วน mbk center ได้คืน 6000 ล้าน
ทำให้เหลือต้นทุน 4000 ล้าน แต่อย่าลืมนะครับ mbk มีหุ้นที่ซื้อคืน 37.2ล้านหุ้น
แล้วอีก 6 ปี ธุรกิจอื่นๆของ mbk ก็เหมือนได้ฟรีๆ

mbk เละกว่า

ผมก็เคยคิดคล้าย ๆ คุณ wj

แต่ที่ผมกลัวในบริษัทนี้มีสองอย่าง
1. งบการเงินและบริษัทย่อยที่โครตจะดูไม่รู้เรื่อง และยิบย่อยเหลือเกิน
2. ถ้าต่อสัญญาไม่ได้จริง ๆ หรือสัญญาใหม่แพงมาก 1000 ล้านต่อปี กำไรคงลดลงเยอะ เพราะ จาก MBK ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ได้ (MBK อย่างเดียวไม่นับจากสยามพิวรรธ์)  ถ้าลดลงแล้ว จะเอาไปทำอะไร เพราะโครงการใหม่ ๆ ที่เห็นก็มีแต่ตระกูลบ้านจัดสรร สนามกอร์ฟ (ซึ่งผมเล่นไม่เป็น และไม่เข้าใจว่ามันกำไรกันยังไง) จะ stable แค่ไหน เพราะ MBK เป็นรายได้ที่ stable สุดแล้วของบริษัท

ยอมรับผิดครับข้อมูลของผมผิดพลาดครับ
ทำให้บ้างคนอาจจะเข้าใจผิดไปได้ครับ

ต้องกราบขออภัย ณ ที่นี้ด้วยครับ

สิ่งที่ผิดพลาดต้องยอมรับว่าผิดพลาดไม่ใช่หาอะไรมากลบเกลื่อน
สิ่งที่ไม่รู้ต้องบอกว่าไม่รู้