Thai VI

ผมเป็นสมาชิกเล็ก ๆ  ระยะ  1  ปี  พอร์ตจิ๋ว  ๆ  ความรู้น้อย ๆ  แต่ชอบวีไอพอ ๆ กะสินธร
ช่วงนี้ผมโพสท์บ่อย  คงไม่ว่ากันนะครับ  บังเอิญว่าโลกไซเบอร์มีเพื่อนคุยเยอะ

ชีวิตจริง  ไม่เคยคุยเรื่องหุ้นกับใครแม้แต่คนเดียว  กับ  ผบทบ.  บอกแต่ว่า
ตอนนี้ซื้อหุ้นนะ  รับรองว่าไม่เอาเงินที่มีอยู่ทั้งหมดมาซื้อแน่นอน
ขาดทุนเงินก้อนนี้หมดก้อไม่เดือดร้อน  ชีวิตเป็นปกติ  ไม่ต้องห่วง  จบ

เรื่องที่อยากเสนอคือ  คนที่อ่านงบเป็น  และละเอียดลึกซึ้ง  แกะเงื่อนงบการเงินเก่ง ๆ  เป็นความสามารถเฉพาะตัว

เขาถึงมีวิชาชีพอิสระเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี  มีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการตรวจสอบบัญชี  การทำบัญชี

แต่ผู้ซื้อหุ้นรายย่อย  ไม่มีใครอ่านงบเก่งขนาดนั้น  ในเว็บนี้ร้อยคนร้อยหุ้น  มีหลายตัว  ไม่ได้ผ่าละเอียด

ครั้นจะถามผู้เชียวชาญที่นี่  ก้อเกรงใจ  ตัวสองตัวคงไม่มีใครว่า
แต่ถ้าเราสนใจหลายตัว  เพื่อเปรียบเทียบกัน  เราจะไปจ้างใครแกะให้ครับ
ดูกระทู้ข้างล่างที่ผมตั้งเกี่ยวกับ  ctw  ครับ  มีคนเดียวที่ตอบคือพี่  miracle  ขออนุญาตเอ่ยนาม  

หุ้นในร้อยคนร้อยหุ้น  บางตัว  ไม่มีข้อมูลเคลื่อนไหว  
บางตัวก้ออัพเดทหลายหน้า  กว่าจะอ่านจบ  เพื่อให้ได้ข้อมูลเด่น ๆ  ก้อใช้เวลานาน
กระทู้พี่วิบูลย์  เจ็ดสิบหน้า  เป็นเดือนพึ่งอ่านถึงหน้าที่เจ็ด  แต่ได้ประโยชน์เกินคุ้มครับ


ในร้อยคนร้อยหุ้น  แต่ละตัวไม่ได้แกะงบโดยละเอียด  ถ้าสงสัยก้อถามใครไม่ค่อยได้  

ถ้าไปศึกษาเองก้อใช้เวลานาน  หุ้นมีตั้งสี่ร้อยกว่าตัว

ตอนนี้ผมดูงบการเงินคร่าว ๆ พอได้บ้าง ไม่ได้มีความรู้ที่จะผ่าละเอียด  ใช้เวลาเป็นเดือน  พึ่งขึ้นหุ้นอักษรตัวซี  เท่านั้น  กว่าจะถึงหลักแซด  โอย  ไม่อยากคิด

แล้วคนที่ไม่มีเบสิคเลยนี่  คิดมาเล่นหุ้น  ถ้าอ่านงบไม่เป็น  แย่เลย

ถ้ามีอะไรที่สำเร็จรูป  เพื่อให้มีทางเลือก  น่าจะดีนะครับ

จึงขอเสนอให้มีทีมงานแกะงบการเงินตามที่สมาชิกต้องการ  โดยคิดค่าบริการตามที่เห็นสมควร  

วิธีการคือ
1.  หุ้นทั้งกระดานแกะงบไว้  คอมเม้นท์เกี่ยวกับการดำเนินงาน  ธุรกิจและความน่าสงสัย  หรือข้อดี  ของงบการเงิน  
หรือ
2.  ใครต้องการให้แกะงบตัวไหน  ก้อคิดค่าบริการเป็นครั้ง ๆ  ไป  

3.  รายได้เข้ากองทุนของเว็บ  หรือให้กับผู้ที่ทำการแกะงบคนนั้น  ตามแต่จะเห็นสมควร

4.  หรือใครที่มีข้อมูลแกะงบไว้แล้ว  ต้องการขายให้เสนอขายได้ที่ห้องใหญ่
ใครอยากได้ให้ซื้อไป

ทำเหมือนคลังข้อมูลครับ  อย่าว่าผมเป็นนักลงทุนประเภท ข.  เลยนะครับ

เพื่อให้ผู้ใช้บริการเลือกชั่งน้ำหนักในการลงทุน  เอาหุ้นที่ผ่านการคัดกรองจากผู้เชี่ยวชาญ  ไปพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้ออีกครั้งนึง

เพราะที่นี่วัดกันด้วยคุณค่า  ไม่เชียร์หุ้นรายตัว  ใครอยากรู้ไปศึกษาเอง
(ความรู้ไม่ค่อยมี  เรียนหนังสือก้อไม่เก่ง  แต่อยากลงทุนครับ)
ผมเลยเสนอให้มีการขายความรู้งัยครับ  เราไปโรงเรียนเพื่อศึกษา  ยังเสียเงินค่าเทอม
เราจะซื้อหุ้น  เราก้อต้องเสียเงินค่าข้อมูล  เพื่อศึกษาก่อนลงทุนเป็นแสนเป็นล้าน  จริงมั้ยครับ

ถึงผมจะไม่ได้เป็นทีมงานหลัก แต่ขอมีความเห็นหน่อยว่า ก็เป็นความคิดที่ดีครับ แต่ว่าค่อนข้างจะอันตราย เนื่องจากมีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง และคิดว่า การที่จะให้ใครแกะงบ หรือทำอะไรให้ โดยมีผลตอบแทนนั้น เกิดภายหลัง ผลประกอบการณ์ หรือราคาหุ้น ไม่ได้เป็นดังที่ฟันธงเอาไว้ จะก่อให้เกิดปัญหาภายในสังคม TVI ตามมาครับ

ผมว่าถ้าใครอยากให้ใครช่วยเหลือ ก็เขียนชื่อขึ้นกระทู้ถามเลยสิครับ ถึงเจ้าตัวจะอาจไม่สามารถช่วยได้ อย่างน้อยก็น่าจะถามคนอื่น ๆ หรือซักคนก็ได้น่า แต่สุดท้ายแล้ว TVI ไม่ได้ป้อนข้าวให้ใครทานครับ ทุกคนต้องอดทนที่จะเรียนรู้และได้ผลตอบแทนด้วยตนเอง เรื่องผลประโยชน์นี่ ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ ครับ

ถ้าคุณยังอยู่แค่ C ไม่ถึง Z ก็ไม่จำเป็นต้องรีบลงทุน อ่านหนังสือหาความรู้ เริ่มวิเคราะห์งบให้เข้าใจ ติดตรงไหนก็ถามเจาะประเด็นเลย คงมีคนช่วยคุณได้แหละน่า ตลาดหุ้นไม่หนีคุณไปไหนหรอก รีบลงทุนเกินเจ๊งซะเป็นส่วนมากครับ ขนาดว่าเก่ง ๆ แล้ว เซียนวิเคราะห์หุ้นเหยียบเมฆพังไม่เป็นท่า ก็มีมากมาย

เกิดแนวคิดนี้ทำขึ้นจริงแล้วซักวัน มีคนเสียเงิน "ซื้อ" บทวิเคราะห์จาก TVI เข้าไป แล้วเจ๊งขึ้นมา ..... มันเสียความรู้สึกทุก ๆ ฝ่ายนะครับ

เข้าใจความรู้สึกคะ
สำหรับตัวเอง ไปแกะหุ้นทีละตัว ไม่ไหวคะ เดี๋ยวแก่ตายก่อน
ใช้ว่า เรารู้จักหุ้นกลุ่มไหนมากๆบ้าง มีข้อมูลธุรกิจของหุ้นกลุ่มไหนบ้าง เพื่อที่ว่า เวลาอ่าน เวลาแกะ ก็เข้าใจง่าย
สมมตินะคะ อย่างเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ก็เริ่มมาดุหมวด อาหาร โรงแรม เพราะเวลาใครเขาวิเคราะห์อะไร เราพอมีภาพ มีความเข้าใจ รู้ว่า อ๋อ โรงแรมนั้นๆ ที่เที่ยวจังหวัดนั้นๆ
หรือคิดเอาเองว่า การเมืองเครียด เศรษฐกิจแย่ คนจะหันมาบันเทิงมากขึ้น (จริงหรือเปล่าไม่รู้นะคะ นี่เป็นการสมมติ) เลยมาดูหุ้นกลุ่มบัยเทิง

ถ้าคลำเป้าที่ถนัดแล้วค่อยชก น่าจะเหนื่อยน้อยลงคะ
จะอย่างไร ก็เอาใจช่วยนะคะ

ผมว่าคุณเครียดเกินไปนะ ผมว่าจะให้แกะงบบริษัททั้งตลาดคงไม่ไหวหรอก และก็ไม่น่าจะมีใครทำด้วย เว้นคุณศรัทธา :lol:  :lol:

ผมต้องทำงานประจำซึ่งค่อนข้างหนัก และต้องศึกษาหาความรู้ในงานที่ทำอยู่ตลอด ดังนั้นก็ไม่ได้ให้เวลากับหุ้นมากนัก อาจจะมีเวลาวิเคราะห์จริงๆซัก 3-4ชม ตอนเช้าวันอาทิตย์ แต่ก็ยังเอาตัวรอดได้เรื่อยๆ โดยการลงทุนแนว JI (Jerk Investor)

ซื้อหุ้นอยู่ 2 แบบใหญ่ๆ

1 หุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาหล่นมามากๆ เช่น เฮียปอ,พี่เทพ,ปูนใหญ่ ในเวลาที่ตลาดไม่ดี เช่นข่าวปฏิวัติ, เวลานักการเมืองและทหารบางคนทำอะไรบ้าๆบอๆจนเป็นเหตูให้เกิดผลกระทบที่ผมคิดว่าเป็นระยะสั้น ฯลฯ

2 หาข้อมูลในร้อยคนร้อยหุ้นไปเรื่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆเหมือนอ่านการ์ตูน หาธุรกิจที่น่าสนใจ พอรู้สึกว่าอันไหนคลิก ก็ไปศึกษาต่อในแง่ปริมาณ ก็คือดูงบการเงิน ผมก็ดูไม่ละเอียดมาก เอาที่ผู้บริหารไม่มีประวัติแย่ๆมากและถือหุ้นของตัวเองพอสมควรก็จะดี  pe ต่ำๆ(มักจะน้อยกว่า 8)  E เพิ่มสม่ำเสมอและดูน่าจะเพิ่มต่อไปในระยะยาว หนี้น้อยๆ หรือฐานะเป็นเงินสดยิ่งดี ,ROE >15,ROA> 12
ยอดขายและกำไรโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนงบกระแสเงินสด ยอมรับว่าดูไม่เป็น เพิ่งหัดดูจริงๆจังๆเมื่อไม่นาน แต่ก็ดูเอาที่กระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานต้องเป็นบวกในปริมาณที่สำคัญก็พอ

อาจดูไม่ค่อยมุ่งมั่น ไม่เป็น VI แต่ก็ไม่เคร่งเครียด และมีเวลาไปพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆ อีกมาก :lol:

มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรทำเงินนะครับ  :?  :?  :?  ดังนั้นอย่าซีเรียส

อ่าน อ่าน แล้วก็อ่านครับ
-จากร้อยคน ร้อยหุ้น เป็นหุ้นที่ TVI ให้ความสนใจ มีประเดนข้อคิดมากมาย ในแต่ละตัว ที่สามารถเอาไปต่อยอดได้ในตัวอื่น
-อ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนหน่อยครับ สมมุติว่า คุณสนใจเรื่อง cash flow ก็หาหนังสือเจาะจงมาอ่านเลยครับ (ของ ดร.วรศักดิ์ ทุมมานนท์ ก็ดีครับ)
-สงสัยตรงไหน ถามคนในนี้ได้ครับ คนเก่งใจดีเยอะครับ

ขอให้ลงทุนประสบความสำเร็จนะครับ.... :lol:  :lol:  :lol:

งบการเงินก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ ผมออกจะเอียงไปทางคุณปู่ฟิชเชอร์พอสมควรที่ให้น้ำหนักงบการเงินเพียง 1/15 ส่วนเท่านั้นเอง  :lol:

ผมว่าทีมงานในเว็ปเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เงินเยอะกว่ารายได้การแกะงบเยอะครับ
การลงทุนต้องพึ่งตัวเองครับ  ถ้าคิดว่ายังทำไม่ได้ แนะนำว่าอย่าเพิ่งลงทุนครับ
เหมือนคนบอกว่าต้องมีค่าวิชา โดนกันมาแทบทุกคนแหละครับ ประมาณว่ารู้ไม่ครบ

ส่วนเรื่องถามว่าตัวไหนเป็นยังไง
ผมว่าพี่ๆหลายๆคนก็จะเป็นอย่างนี้ครับ เวลามีเรื่องดี ก็กล้าโพสต์ครับ เพราะว่าโพสต์แล้วไม่มีใครเสียหาย
แต่เวลามีเรื่องไม่ดี ไม่อยากโพสต์ครับ กลัวไปจ๊ะเอ๋กับใครถืออยู่แล้วจะไม่พอใจกันเปล่าๆ

ผมเชื่อว่าเว็ปเราไม่ได้ขายความรู้ครับ ให้ความรู้กันฟรีๆเลยทีเดียว
ที่ห้องร้อยคนร้อยเล่มครับ หนังสือเกือบ 20 เล่มที่ผมว่าถ้าอ่านครบหมด
ฝีมือการเลือกหุ้น คัดหุ้นพัฒนาขึ้นแน่นอนเลยครับ

[quote="juntuma"]
ช่วงนี้ผมโพสท์บ่อย

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ
พวกดีที่แกะCTW มีพี่คนหนึ่งชวนซื้อหุ้นเญลย
ขอเปิดงบดู ยังไม่ได้อ่าน56-1 ด้วยซ้ำไป

บ้างครั้งคุณต้องถือหลักในการฟังหูไว้หูไว้บ้าง เพราะเงินเป็นของคุณ
ถ้าคุณไม่ติดอาวุธ ก็เหมือนคนออกไปรบโดยที่ไม่มีเกราะและอาวุธอะไรเลย

เวลาทุกคนมีเท่ากันน่าครับ 24ชั่วโมงแต่ ทุกคนจะบริหารเวลาอย่างไง ให้ได้ประโยชน์สูงที่สุดครับ

บอกได้แค่นี้ ผมไม่แนะนำมากกว่านี้ครับ เพราะ คนเรามันแตกต่างกันครับ
ทุกคนมีหนทางที่เหมาะสำหรับทุกคน แต่คนนั้นจะค้นพบหนทางนั้นได้ไหมเท่านั้นเอง
อาจจะใช้เวลาทั้งชีวิตในการค้นหา หรือ อาจจะใช้เวลาไม่ถีงนาทีในการค้นพบก็ได้

ลองดูกระทู้ WG  ในห้องร้อยคนร้อยหุ้น นะครับ

ผมพยายามจะวิเคราะห์ให้ดูเป็นตัวอย่างครับ  แต่เสียดายที่ข้อมูลขาดช่วงไปพักใหญ่  เนื่องจากฐานข้อมูลหายไปครับ  แต่คิดว่าก็คงยังมีประโยชน์อยู่

การวิเคราะห์งบการเงินให้ชำนาญนั้น  นอกจากจะศึกษาหลักการทางบัญชีแล้ว  การมั่นวิเคราะห์งบการเงินด้วยตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆครับ

ผมเองก็คงไม่ได้เก่งบัญชีเหมือนคนจบบัญชีโดยตรงมา  เพราะเรียนมาแค่ 2 ถึง 3 วิชาตอนเรียนปริญญาโทเท่านั้น

ถ้าจะให้วิเคราะห์โดยละเอียดหมดทุกบริษัทในตลาด  คงไม่ไหว  วันละบริษัทยังไม่ทันเลยครับ  

ผมว่าเราคงมีบรรทัดฐานหลายประการ  ก่อนที่จะมาดูงบการเงินนะครับ  และถึงแม้ดูงบการเงินก็เถอะ  เราก็น่าจะมีตะแกรงกรองหยาบๆก่อน  ที่เหลือค่อยมาวิเคราะห์อย่างละเอียด  ซึ่งก็ไม่น่าจะเหลือมากนัก

ไม่ได้ค่านายหน้าคะ
แต่เชียร์หนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ของท่านสุมาอี้

น่าจะประหยัดเวลาการลุยเล่มใหญ่ๆได้หลายเล่มคะ

คนอื่นชอบอ่านไล่จาก A-Z แต่ผมแปลกกว่าชาวบ้านเขา ชอบอ่านจาก W-U  แล้วมา T มันย้อนหลังอ่ะ เอิ๊ก   :lol:  :lol:

ก็รอทีมบริหารใหม่ จัดงานอบรมสัมมนาความรู้ดีๆให้ครับ จะได้เก่งกับเค้าบ้าง

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นหรอกครับ

เพียงแต่ระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านไป  เหมือนตัวเองสอบไม่ผ่านครับ  

ก่อนรู้จักหุ้น  ผมขอสารภาพว่าบ้ากอล์ฟครับ  
เคยหนีงานไปตีกอล์ฟ
แต่ไม่เคยหนีงานไปซื้อหุ้น  อิอิ

ฝีมือไม่พัฒนา  ตอนนี้เลิกบ้าแล้ว  มาเล่นเว็บบอร์ดแทน  อิอิ

หุ้นปั่นผมก้อซื้อเอามันส์  ทีละร้อยหุ้น  ขาดทุนทุกตัว

ถ้ามีเครื่องมือให้หยิบฉวยได้  โดยการเรียนลัด  น่าจะดี  ผมเลยคิดเล่น ๆ

ผิดถูกในการซื้อหุ้น  คนแจ้ง/ขายข้อมูลไม่ต้องรับผิดชอบ
เป็นวิจารณญาณของผู้ลงทุน  ที่ยอมรับความเสี่ยงนั้นเอง

แบบว่าอยากได้อะไรที่มันง่าย ๆ  สำเร็จรูป  ลงทุนต่ำ  กำไรสูง   :lol:  :lol:  :lol:

เรื่องการวิเคราะห์บริษัทผมนึกขึ้นได้พอดี รู้สึกบริษัท BOL
เขามีวิเคราะห์ขายหนิครับ  ลองเข้าไปดูละกันนะครับ

www.bol.co.th

มันต้องใช้เวลาในการฝึกและลองครับ
แต่บ้างครั้งระยะเวลาการฝึกและการลองมันแตกต่างกัน บ้างคนฝึกไม่กี่ชั่วโมงได้ อย่างเช่น ดาบมังกรหยกเป็นต้น ในตอนที่ เตียบอกี้ ติดอยู่ในอุโมงค์ของพรรครุ่งโรจน์ (เปลี่ยนชื่อบ่อยมากพรรคนี้) ฝึกวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาลได้ภายในไม่กี่ชั่วยาม แต่คนอื่นต้องใช้ระยะเวลาเป็นสิบยี่สิบปีเป็นต้น

เนี่ยและคือสิ่งที่เหมือนในสิ่งที่แตกต่าง
แต่สิ่งที่สำคัญอย่าแพ้ใจตัวเอง

ผมเชื่ออยู่อย่างครับว่าถ้าเราจะอยู่รอดในตลาดได้เราต้องรู้จักวิเคราะห์เองให้ได้ครับ ต้องพยายามศึกษาไปเรื่อยๆครับ ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวจริงๆก็ไม่ควรลงทุนเองครับ ควรจะลงในรูปกองทุนรวมน่าจะเหมาะกว่าครับ ... พูดตรงๆไม่ว่ากันนะครับ

[quote="juntuma"]ถ้ามีเครื่องมือให้หยิบฉวยได้

เหนื่อยครับยอมรับว่าดูงบนี่เหนื่อยมากๆเมื่อเริ่มต้น แต่พอติดเครื่องเข้าเกียร์ห้าดูงบได้เหมือนพี่ฉัตรชัย พี่มนแล้วหล่ะก็ผมว่า ดูได้เร็วกว่าตอนที่เริ่มปีแรกไม่ต่ำกว่า10เท่าครับ
ผมว่าเรื่องดูงบนี่3ปีฟ่าที่อยู่ในตลาดใช้เวลาดูงบต่อบริษัทน้อยลงเรื่อยๆครับ โดยเฉพาะบริษัทที่เราติดตามมานานและผู้บริหารเคลียร์ ผมว่าดูแค่15นาทีก็ได้เกือบหมดแล้วครับ
ที่จะเสียเวลามากๆก็บ.ที่มีบ.ย่อยเกี่ยวโยงเยอะหรือ ตั้งใจจะทำให้มันดูยากๆ ก็อย่าไปเสียเวลาด้วยเลยครับ เพราะ

ที่ผ่านๆมาผมกำไรเยอะๆจากพวกที่ดูงบง่ายๆทั้งนั้น พวกที่ดูยากๆหรือมีอะไรให้ต้องแกะส่วนมากจะกลายเป็นแมงเม่าให้เจ้าของเขาอยู่เรื่อยๆครับ :lol:

ผมมีความเห็นว่า ถ้าเราคิดจะลงทุนในหุ้นให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงๆ การลงทุนศึกษาวิชาการทางด้านบัญชีด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าจะทำครับ  ผมใช้วิธีไปซื้อหนังสือตำราด้านบัญชีหลายๆเล่ม  แล้วมาอ่านเสมือนกำลังลงทะเบียนเรียนวิชาเหล่านี้และกำลังจะไปสอบ  หลายคนอาจจะไม่ค่อยมีเวลา (ผมเองก็ไม่ค่อยมี)  แต่ถ้าเรารักการลงทุนจริงๆก็อาจจะพบว่า เวลาที่เราอ่านหนังสือเหล่านี้ เราจะสนุกและไม่รู้สึกว่ากำลังทนเรียนหนังสืออยู่เลย  เนื่องจากเราได้รู้ในเรื่องที่เราอยากจะรู้จริงๆ

[quote="nanakorn"]ถ้าเรารักการลงทุนจริงๆก็อาจจะพบว่า เวลาที่เราอ่านหนังสือเหล่านี้ เราจะสนุกและไม่รู้สึกว่ากำลังทนเรียนหนังสืออยู่เลย