หน้า 1 จากทั้งหมด 1

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 8:53 am
โดย javidol
2 เมษายน พ.ศ. 2550 07:58:00

"ฉลองภพ"สั่งทีมที่ปรึกษาดึงกฎหมายการเงิน 3 ฉบับตรวจอีกรอบ ก่อนส่งสนช.พิจารณา

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ก.ล.ต.ร้องคลังแก้ไขร่างพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แม้ร่างดังกล่าวจะผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วก็ตาม หลังมีความเข้มงวดในการบริหารงานตามกรอบธรรมาภิบาลมากขึ้น ระบุอาจส่งผลต่อแรงจูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้าน"ฉลองภพ"สั่งทีมที่ปรึกษาดึงกฎหมายการเงิน 3 ฉบับ ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติฯพิจารณา

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้เข้าหารือสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เพื่อขอให้กระทรวงการคลังแก้ไขร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แม้ร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายฉบับดังกล่าวเพิ่งจะผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีได้ไม่นานก็ตาม

ผู้บริหารจากก.ล.ต.ให้เหตุผลในการขอแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้มาร้องเรียนว่า ข้อกำหนดในร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องธรรมาภิบาลมากเกินไป ทำให้อาจลดแรงจูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

"ข้อกำหนดเรื่องของธรรมาภิบาลที่เข้มงวดในร่างแก้ไขเพิ่มเติมในกฎหมายฉบับนี้ ถูกกำหนดขึ้นในช่วงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนก่อน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มระดับธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการให้แก่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตามสศค.ได้ขอให้ผู้บริหารก.ล.ต.ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปในแนวทางแก้ไข ก่อนที่จะนำมาพิจารณาและนำเสนอในระดับนโยบายอีกครั้ง" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ อาจมีบางถ้อยคำบางคำที่ทำให้สามารถตีความได้อย่างกว้างขวาง จนทำให้กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน เห็นว่า ทำให้การปฏิบัติงานอาจเสี่ยงต่อการกระทำผิดโดยไม่ตั้งใจ เช่น กรณีที่ระบุว่า กรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนไม่พึงปฏิบัติตามหลักของวิญญูชนก็จะต้องถูกลงโทษ หรือกรณีที่เขียนว่า กรรมการหรือผู้บริหารไม่กระทำโดยสุจริตหรือเพื่อประโยชน์ของบริษัท หรือโดยความเหมาะสมหรือขัดแย้งกับบริษัท จนทำให้บริษัทเสียหายจะต้องถูกปรับไม่เกินความเสียหายที่เกิดขึ้น

"โทษปรับเป็นเงินไม่น้อยว่า 500,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ที่ระบุไว้ในร่างที่แก้ไข การเขียนถ้อยคำที่มีความหมายกว้างๆ อาจทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจที่อยู่ขึ้นอยู่กับภาวะการแข่งขันและกลไกลตลาดของธุรกิจมีความรุนแรง ทำให้กฎหมายกลายเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจของคณะกรรมการ กระทรวงการคลังจึงรับคำร้องเรียนของภาคเอกชนดังกล่าวเพื่อนำไปแก้ไขต่อไป" แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้หากกระทรวงการคลังพิจารณาแก้ไขตามข้อเสนอของก.ล.ต. ก็จะเสนอไปทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อให้พิจารณาแก้ไขในเรื่องดังกล่าว ก่อนที่จะเสนอกลับมายังคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง

ด้าน ดร.สมชัย จิตสุชน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจากดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้นำร่างกฎหมายการเงินหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในชุดนี้มาพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง เช่น ร่างแก้ไขกฎหมายธุรกิจสถาบันการเงิน ร่างแก้ไขกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย และร่างแก้ไขกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น  เพราะแม้ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่กระทรวงการคลังโดยรัฐมนตรีว่าการจะต้องเป็นผู้นำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดังนั้นจึงต้องพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างรอบคอบ

"ผมได้รับมอบหมายให้เข้าไปช่วยดูเรื่องกฎหมายการเงินในส่วนของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะมองว่า เป็นงานประจำหรืองานที่วางรากฐานทางการคลังในระยะยาวก็ว่าได้ เพราะกฎหมายหลายฉบับแม้จะผ่านการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้ผ่านออกมาเป็นกฎหมายฉบับสมบูรณ์ เพราะต้องผ่านการพิจารณาในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตรงนี้ คนที่เสนอคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฉะนั้น การพิจารณาหรือแก้ไขในรายละเอียดอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องดำเนินการ" ดร.สมชัย กล่าว

สำหรับระยะเวลาของรัฐบาลที่เหลืออยู่ไม่กี่เดือน ทำให้ต้องเร่งดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และเชื่อว่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากกฎหมายส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขร่างเดิม ไม่ได้เป็นกฎหมายที่ร่างขึ้นใหม่

นอกจากนี้ ดร.สมชัย ยังได้รับมอบหมายให้ไปพิจารณาแนวทางการสร้างความโปร่งใสทางการคลัง โดยหนึ่งในแนวทาง คือ การนำข้อมูลการเงินที่เกิดจากนโยบายประชานิยมหลายด้านมาเปิดเผยต่อสาธารณชนให้รับทราบ เพราะที่ผ่านมา มีการปกปิดข้อมูลหลายด้าน ทำให้คนทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์สถานะทางการคลังได้

ขณะเดียวกันที่ผ่านมา ก็ยังมีการส่งสัญญาณจากรัฐบาลด้วยว่า ใครที่ไม่มีเงินสามารถมาขอรัฐบาลได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง สำหรับแนวทางอื่นในการสร้างความโปร่งใสนั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

"คณะกรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรีคลังได้มีการหารือร่วมกันแล้ว 2 ครั้ง โดยได้แบ่งการทำงานออกเป็นคณะต่างๆ ซึ่งในส่วนของการเข้าไปดูแลหรือกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้านั้น ผมได้เคยเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมไปแล้วว่า เศรษฐกิจไทยมีความจำเป็นต้องเข้าไปกระตุ้นระดับรากหญ้า เพราะเม็ดเงินหายไปมาก เบื้องต้นคลังคงจะให้แบงก์รัฐเร่งดำเนินการปล่อยสินเชื่อ และเพิ่มเม็ดเงินในโครงการอยู่ดีมีสุขและเศรษฐกิจพอเพียง โดยในแง่เม็ดเงินที่จะนำมาเพิ่มเติมนั้น น่าจะมาจากงบชำระหนี้จำนวน 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้น่าจะถูกเลื่อนออกไปก่อน" ดร.สมชัยกล่าว

http://www.bangkokbiznews.com/2007/04/0 ... wsid=62223

:?

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 8:57 am
โดย cwiboon
:(  ประเทศอื่นเค้ามีแต่เพิ่มกฏให้เข้มงวดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น เฮ้อ.......

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 8:59 am
โดย jaychou
ผู้บริหารจากก.ล.ต.ให้เหตุผลในการขอแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้มาร้องเรียนว่า ข้อกำหนดในร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องธรรมาภิบาลมากเกินไป ทำให้อาจลดแรงจูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ไม่รู้ว่าใช้อะไรคิด

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 9:05 am
โดย 007-s
ผู้บริหารจากก.ล.ต.ให้เหตุผลในการขอแก้ไขพ.ร.บ.ดังกล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้มาร้องเรียนว่า ข้อกำหนดในร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ค่อนข้างจะเข้มงวดในเรื่องธรรมาภิบาลมากเกินไป ทำให้อาจลดแรงจูงใจในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
โอ้แม่เจ้า

:wall:

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 9:35 am
โดย triathlon
พอดีกำลังอ่านร่างกฏหมายฉบับนี้อยู่ในมือ พี่น้องชาววีไอ อย่าเพิ่งตกใจไป
จริงๆ แล้วที่ภาคเอกชนกำลังร้องเรียนเรื่องปัญหาของร่างกฏหมายฉบับนี้ มีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่ใช่ว่าสมาคาบริษัทจดทะเบียนจะไม่ต้องการหลักธรรมาภิบาลนะคะ แต่ร่างกฏหมายของกลต ฉบับนี้จะทำให้หุ้นตกกันอีกขนาดหนักและที่สำคัญ กิจการดีๆ ย้ำดีๆ จำนวนไม่น้อยจะทะยอยกันออกจากตลาด

ตัวอย่าง กฏหมายเดิมลงโทษแต่ กรรมการ ซึ่งโอเค
แต่ร่างใหม่ของ กลต จะลงโทษ "ผู้บริหาร" ซึ่งหมายถึง "ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท..." ชีวิตจริง เด็กเงินเดือนสามสี่หมื่นสมัยนี้ก็มีตำแหน่ง "ผู้จัดการ"แล้ว แปลว่าพนักงานระดับนี้ต้องติดคุกหรือ  ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก็ขอให้ถือตามกฏหมายต่างประเทศว่า ควรหมายถึง CEO, CFO, CMO, CIO หรือเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง
กลต ไม่โอเค อยากเป้นเรื่องที่ กลต เลือกใช้ดุลยพินิจตามที่เห็นสมควร

นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้มีตำแหน่ง "เลานุการบริษัท" ซึ่งการกระทำความผิดใดๆของเลขานุการบริษัทจะมีโทษทางอาญา  ข้อเสนอของภาคเอกชน ไม่ใช่ไม่ยอมรับ แต่ขอให้มี grace period สักสองปี เพราะทุกวันนี้ จะหานักกฏหมายหรือคนมาทำตรงนี้ยาก

กลต ตอบในที่ประชุมที่เป้นการทำ public hearing ว่าจะยากอะไร พวกคุรก็จ้างที่ปรึกษากกหมายมาทำ (ก้ดีนะ จู่ๆ ทุกบริษัทต้องเสียเงินกันเป็นล้านๆ จ้างคนมาทำตรงนี้)  
ข้อเสนอภาคเอกชนที่ขอให้ใช้วิธี license คือจะเป็นเลขานุการบริษัทต้องสอบ license ของ กลตได้ก่อน เป็นการรับรองคุรภาพ ถ้าบริษัทที่ตัวเองดูแลมีปัญหา ถุกเพิกถอน license แนนี้ กลต ไม่เอา ชอบโทษอาญามากกว่า

ในแง่การเสนอข่าว สื่อมวลชนไม่อ่านรายละเอียดอยู่แล้ว
งานนี้ บอกตรงๆ มีมุมข้างในระหว่าง กลต กระทรวงการคลัง และ ตลาดฯ ที่พูดไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ยืนยันว่าไม่ใช่ภาคเอกชนไม่ต้องการหลักธรรมาภิบาล แต่ต้องการหลักธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ไม่ใช่ต้องพึง "อำมาตย์" ว่าเรื่องนี้ทำได้หรือไม่
พอดีกำลังทำรายละเอียดเรื่องนี้ให้สมาคมบริษัทจดทะเบียนอยู่ เลยขอชี้แจงแทนแล้วกันคะ

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 9:42 am
โดย cwiboon
[quote="triathlon"]พอดีกำลังอ่านร่างกฏหมายฉบับนี้อยู่ในมือ พี่น้องชาววีไอ อย่าเพิ่งตกใจไป
จริงๆ แล้วที่ภาคเอกชนกำลังร้องเรียนเรื่องปัญหาของร่างกฏหมายฉบับนี้ มีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่ใช่ว่าสมาคาบริษัทจดทะเบียนจะไม่ต้องการหลักธรรมาภิบาลนะคะ แต่ร่างกฏหมายของกลต ฉบับนี้จะทำให้หุ้นตกกันอีกขนาดหนักและที่สำคัญ กิจการดีๆ ย้ำดีๆ จำนวนไม่น้อยจะทะยอยกันออกจากตลาด

ตัวอย่าง กฏหมายเดิมลงโทษแต่ กรรมการ ซึ่งโอเค
แต่ร่างใหม่ของ กลต จะลงโทษ "ผู้บริหาร" ซึ่งหมายถึง "ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท..." ชีวิตจริง เด็กเงินเดือนสามสี่หมื่นสมัยนี้ก็มีตำแหน่ง "ผู้จัดการ"แล้ว แปลว่าพนักงานระดับนี้ต้องติดคุกหรือ

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 9:43 am
โดย woody
ขอบคุณมากครับคุณ triathlon...อะไรที่มันฟังดูเว่อร์เกินจริงจากหนังสือพิมพ์นี่ต้องเชคอีกครั้งเสมอเลยนะครับ  :wink: ต่อไปจะเชื่อใครดีน๊า ฮิฮิ

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 10:19 am
โดย triathlon
คุณวู้ดดี้คะ พี่ว่า เราต้องยึดหลักกาลามสูตรคะ สรุป ไม่เชื่อไผเลย อิอิ
กลต เขาโพส ร่างกฏหมายฉบับนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำกับดุแลกิจการของบริษัท ไว้ในเวบนะคะ
ถ้าคืนไหน นอนไม่หลับ ลองปริ้นมาอ่านดูก้ได้ ถ้าไม่หลับสนิท ก็ตาค้างทั้งคืน :shock: (อันนี้ พี่เตือนคุณแล้วเด้อ)
แต่ร่างนี้ น่าจะมีต้องแก้อีกพอควร เพราะแม้แต่ฝ่าย CG ของกลตเอง ก็ไม่เห็นด้วยกับโทษทางอาญาที่รุนแรงมากๆ และครอบจักรวาล แถมบางเรื่องเนี่ย มีกฏตลาดอยู่ ร่างของ กลตก็เขียนให้มันครุมเครือเล่น

ในแง่หนึ่ง พี่ก็เห็นใจ กลต เพราะบางเรื่องเนี่ย โกงจริงๆ แต่ไปถึงอัยการไม่ฟ้องเฉยเลย ทางกลต ก็คงอึดอัดที่เล่นงานคนโกงไม่ได้ แต่วิธีการแก้นี่สิ จะทำให้คนดีๆ มีภาระและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมหาศาล ธุรกิจที่มีสภาพคล่องของหุ้นน้อยๆ อาจคิดว่าเอาออกจากตลาดจะดีกว่า
เดี๋ยวถ้ามีประเด็นที่น่าสนใจ จะเอามาเล่ารู้กันฟัง แถมขอความเห็นพวกเราด้วยดีกว่า
เพราะจริงๆ งานนี้ พี่ทำในฐานะบริษัทจดทะเบียน แต่ในแง่ผู้ถือหุ้นรายย่อยอย่างพวกเรา ก้น่าจะเห็นต่างกับบริษัทได้นะ (ว่าแล้วก็ ขัดแย้งทางผลประโยชนือีกแล้วครับท่าน เงินเดือนเนี่ย รับจากบริษัท เงินเก็บ เอามาลงทุน) :roll:

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 10:43 am
โดย woody
เชื่อครับว่าไม่หลับทั้งคืน ตอนสอบ FA นี่ก็ทำผมใกล้ตายมารอบแล้ว  :wink:

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 02, 2007 3:13 pm
โดย javidol
ขอบคุณพี่ triathlon ครับ  :D

จี้คลังแก้ร่างก.ม.หุ้น ลดเข้มธรรมาภิบาล

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 03, 2007 12:55 pm
โดย shinnozuke
ทำไปเถอะครับ ถ้าเป็นผลดีต่อนักลงทุน ผมเชื่อว่าระเบียบกฏเกณฑ์ใหม่จะช่วยกรองบริษัทที่ไม่ดีพอออกไปจากตลาดได้เยอะพอสมควร เน้นคุณภาพดีกว่าเน้นปริมาณ
ผมว่าห่วงเงินในกระเป๋าตัวเองไว้ก่อนเถอะครับ ดีกว่าไปห่วงใครที่ไหนก็ไม่รู้