Thai VI

ชื่อลงทุนอย่าง... วอเรน บัพเฟต

อ่านแล้ว วิญญาน วอเรน เริ่มเข้าสิงอีกรอบ

อิอิ

กลับมานั่งนึกถึง AEONTS ตอนนั้น ตัดใจขายไปที่ 157 เพราะว่า คิดว่า ธุรกิจ AEONTS นี้ มีคู่แข่งเยอะ

เช่น ซิงเกอร์, จีอี แคปปิตอล, สยามเอแอนด์ซี, เซทเทแลม

ตอนหลังก็มี ไมด้า

ปัจจุบัน มี แคปปิตอล โอเค

นี่ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ก็คงต้องคิดว่า โห ตลาดดีซิ คนถึงเข้ามาทำการค้าตั้งเยอะ

แต่ถ้าเป็นแนววอเรน

ต้องขอบอกเลยว่า ธุรกิจแบบนี้ ไม่มีความได้เปรียบในการแข่งขันแบบยั่งยืน (Durable Competitive Advantgae อิอิ คุณ WEB เขาแปลไว้ในหนังสือ)

ระยะเวลาที่ผ่านมา 1 ปี 2 เดือน ทำให้ผมมีความรู้มากขึ้น

และผมก็หวังว่าจะรอด ได้ ตอนที่ตลาดหุ้นตกมากๆครับ

หมายถึง รอด และ เหลือ เงิน มาซื้ออย่างบ้าคลั่ง

ถ้าพวกเรารอดจากวิกฤตอีกครั้ง ผมรับรองว่าเป็นเศรษฐีกันหมดทกคนแน่นอนครับ เอาใจช่วยจนกว่าจะเกิดวิกฤตรอบใหม่นะครับ

มีสัญญาน เตือนภัยอะไร คุณฉัตรก็บอกด้วยนะครับ

เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ผู้ผ่าน ดัชนี 1700 ลง มา 200 กว่า แถมกำไรมหาศาล

เล่าให้ฟังว่า

เมื่อไร IPO เข้าตลาดแล้วขาดทุน ห้ามซื้อ IPO ตัวต่อไป ไม่ว่า บทวิเคราะห์จะว่าดีขนาดไหน

ท่านว่า เป็นสัญญาน การกลับทิศ ของ ตลาด

พรุ่งนี้ 27 แล้วไปซื้อมาอ่านดีกว่า

ด้วยคนครับ พรุ่งนี้รีบไปแต่เช้าเลยครับ

อิอิอิอิอิ

หาซื้อได้ที่ไหนครับ ช่วยบอกหน่อยครับ

ร้าน se-ed ครับ

วันนี้ผมไปล่ามาได้แล้วครับ

ไปมา 3 ที่

1. ซีเอ็ดสยามเซนเตอร์ ไม่เจอ ....
2. ศูนย์หนังสือจุฬา .... ก็ไม่เจอ ...
..
3. ไปได้ที่ ซีเอ็ด สีลมคอมเพล็ก ครับผม

ปกสีเขียวอ่อนครับ จะเรียกว่าคลาสิกก็ได้ แต่ใครจะว่าเฉิ่มๆก็ได้ แต่อ่านดูคร่าวๆแล้วรับรองว่าไม่เฉิ่มครับ เนื้อหาแน่นกว่าที่ผมคิดไว้ตอนแรก

ใครไม่มีแนะนำให้ไปซื้อครับ เชื่อว่าวันพรุ่งนี้น่าจะวางตามซีเอ็ดทุกสาขาแล้วครับผม

ผมก็ไบมาหลายที่ แล้วก็ไปมาหลายวัน
ฃอติ se-ed ว่า.... ไม่สามารถแยกสินค้าที่หมดกับที่ยังไม่วางจำหน่ายได้..

SE-ED นี่แย่จัง ทำให้พวกเราอารมณ์ค้างได้

พี่ Jeng

ราคาเท่าไหร่ครับ ช่วงนี้ ไม่ได้แวะร้านหนังสือเลย

แล้วพี่ มีถือ ตัว SE-ED บ้างไหมครับ ผมมีนิดหน่อย ทั้งแม่และลูก ครับ

ขอบคุณครับ

ราคา 298 มั๊งครับ

พี่ไม่ถือ SE_ED ครับ ไม่ค่อยชอบ เพราะคิดว่าน่าจะโตช้าครับ

ณ. เวลานี้นะครับ อีกหน่อย ไม่แน่ครับ

อ่านจบไป 1 รอบแล้วครับ เป็นหนังสือเกี่ยวกับหลักการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ดีมากที่สุดเล่มห่นึ่งที่เคยอ่านมา
ทำให้เข้าใจว่าทำไม วอเรน ถึงได้เป็นนักลงทุนหมายเลข 1 ของโลก และสามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติตลาดหุ้นตกต่ำ มาได้ ทุกครั้ง พอจะสรุปได้ว่า วอเรน ลงทุนในธุรกิจที่มีความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันอย่างยั่งยืน และหาจังหวะซื้อในขณะที่ราคาของหุ้นตกต่ำจาก การตื่นตระหนกของตลาด หรือ เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และก็ถือเอาไว้จนกว่าราคาจะสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง หรือ จังหวะที่ตลาดกำลังถึงจุดสูงสุด หรือตลาดกระทิง ข้อได้เปรียบของการลงทุนแบบนี้ก็คือ โอกาสที่จะขาดทุนน้อยมาก แต่โอกาสที่จะได้กำไรตามที่ได้คาดการ์ณ หรือสูงกว่าก็มีโอกาสมาก แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ การลงทุนแบบนี้ต้องใช้ความอดทนสูง ต้องหาข้อมูลและทำการบ้านเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับตัวบริษัทและงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี จึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ.

อิอิ อ่านเร็วเป็นบ้าเลย

โห อ่านเร็วมากเลยครับคุณ Manit ผมอ่านทั้งวันยังไปได้แค่บทที่ 17 ครับ แต่ก็ยังได้อะไรมาเยอะเลย
อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้น ว่าทำไมพี่ๆเลือก WG, WACOAL, SSPORT, AYUD, FANCY, etc.

เข้าใจแนวคิดของ Buffet มากขึ้นครับ แต่ถึงอย่างไรก็ดี อ่านแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยๆ เพราะว่าธุรกิจแบบที่ลุง Buff แกบอกในไทยหาไม่ได้ง่ายๆเลยครับ

ขอตัวไปอ่านก่อนครับ เพราะยังอ่านไม่เข้าใจว่า จะ "รอด และ เหลือ เงิน มาซื้ออย่างบ้าคลั่ง" ได้อย่างไร

ผมคิดว่าเล่มนี้อ่านแล้วจะได้ในแง่ที่เกี่ยวกับการปรับตัวกับข่าวร้าย
และคุณค่าของการทำการบ้านอย่างดี มีข้อมูลที่แน่น
เพื่อที่จะกล้าไปซื้อตอนที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า
ส่วนการถือยาวๆ เป็นสิบปีผมว่าหุ้นเมืองไทยยังมีไม่มากครับ

ผมคิดว่าเล่มนี้จะเป็นการสอนเล่นหุ้นในกล่มที่เรียกว่า Stalwarts นะครับ
ในขณะที่เมืองไทยหุ้นส่วนมากจะเป็น cyclic, turnaround, asset, slow grower ซะมากกว่า

แต่ก็เห็นด้วยว่าเป็นหนังสือที่ดีมากครับ
ผมก็อ่านแล้วทั้งseries ของ M.Buffet

ผมต้องไปหาซื้อ อ่าน บ้างแล้วครับ

ไปซื้อที่สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าเมื่อคืนวาน ได้ Value Investing Made Easy มาด้วยครับ ซื้อสองชุด ฝากเพื่อนเป็นของขวัญปีใหม่ชุดนึง

ได้ New Buffetology เล่มสุดท้ายพอดี คงจะมีเข้ามาใหม่อีก

หน้าตาเป็นยังงี้ ครับ อิอิ





อิอิ.....

หน้าปกคลาสสิกเจงๆ สุนทราภรณ์เรียกพี่ อิอิ

ได้เล่มสุดท้ายมาเหมือนกันค่ะ ไม่อยากเชื่อเลย คนจะซื้อกันมากขนาดนี้

หลังจากอ่านจบไป 1 รอบ แล้ว และกำลังอ่านรอบที่ 2 ก็เกิดคำถามขึ้นมาหลายข้อ
1. เราจะไปหาข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ได้ที่ไหน เท่าที่ดูก็มีแต่ Set.or.th แต่ก็มีแค่ 4 ปี ย้อนหลัง
เท่านั้นเอง
2. ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น เช่น แตกพาร์ การจ่ายปันผล
3. ในกรณีที่บริษัทส่งออก ผลกระทบที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน จะนำมาคำนวณด้วยหรือไม่
4. กำไร/ขาดทุนจากการปรับโครงสร้างหนี้
5. เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าธุรกิจไหน มี DCA หรือไม่
6. ตลาดในช่วงนี้ราคามักจะปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว เราควรจะรอให้เกิดวิกฤติการก่อนหรือไม่

ปล.ในเมืองไทยน่าจะมีคนที่มีแนวการลงทุนเหมือนวอเรนต์ จัดตั้งกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นบ้านเราบ้างน่ะครับ

หมดแล้วครับ วันนี้ไปหาซื้อที่ Se-ed มาบุญครองครับ พนักงานบอกว่า "เพิ่งหมดไปเมื่อกี้เองค่ะ" เศร้าเลยครับ หมดเร็วมาก ไม่ทราบว่าผมจะไปหาซื้อได้ที่ไหนอีกครับเนี่ย

LOT ใหม่คงจะเข้ามาที่ SE-ED อีก วันสองวันนี้ครับ เมื่อคืนผมเห็นที่ดอกหญ้า THE MALL งามวงศ์วานเหลือสองเล่มครับ หนังสือเล่มนี้ต้องพิมพ์ซ้ำหลังจากวางขายได้เพียง 3 วันครับ ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยอุดหนุนครับ โชคดีปีใหม่ครับ

อ้อ ขออนุญาตเตือนคุณ MANIT ด้วยความเคารพครับว่า อย่าอ่านเกิน 2 รอบ มิฉะนั้น คุณอาจจะหันมาดื่มCOKE วันละ 3 - 4 กระป๋อง และมีหุ่นเหมือน WARREN ได้ ตอน WARREN ถูกถามถึงความสำคัญของ SELF DISCIPLINE ในการลงทุน WARREN ตอบว่า " ผมคงจะสามารถพูดถึงเรื่องนี้ได้ หากผมหนักน้อยกว่านี้สัก 20 ปอนด์ " สำหรับผม ผมอ่านไปแล้ว 7 รอบ ติด COKE งอมแงม และรูปร่างผมก็ถอดพิมพ์ WARREN มาเลยครับ

แปลและเรียบเรียงได้ดีมากครับ ผมกำลังอ่าน Value Investing Made Easy อยู่
หวังว่าจะมีเล่มอื่นๆ ตามออกมาอีก

แม้จะอ่านจบ แต่หากอยากใช้การลงทุนแบบวอเรนสำหรับตลาดหุ้นไทยตอนนี้ก็ยากมากแล้ว เพราะหุ้นตลาดราคาขึ้นเกือบหมด หุ้นที่ยังไม่ขึ้นก็เป็นหุ้นไม่ดังไม่มีบทวิเคราะห์ ต้องศึกษาเอง แล้วจะทำอย่างไร

หุ้นเมืองไทย มีศักยภาพ พอ ถึงขนาดฝ่าวิกฤต ขึ้นมาได้หรือ
มองดูไป ก็ไม่ค่อยจะมั่นใจ ซะเท่าไหร่

และการได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน
ก็ยิ่งหายาก

ประเทศไทยเราไม่ค่อยเหมือน อเมริกา
ที่มีขนาดธุรกิจขนาด mega และ เทคโนโลยี่
นวัตกรรมใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น การลงทุน แบบ บัฟเฟต น่าจะยาก ถึงยากมาก

วันนี้ไปซื้อของที่ห้างมา แวะเข้าไป ซีเอ็ด หนังสือยังไม่มา และไม่รู้เมื่อไหร่ ฉงฉาย หมดแล้วหมดเลยครับ