...ขอบคุณครับ...
...ใช้google searchเจอบทความนี้ครับ...
ดอกเบี้ยซื้อรถที่ 4.5 % ถูกจริงหรือ ทำไมถูกกว่าดอกเบี้ยซื้อบ้าน
ท่านเคยแปลกใจหรือไม่ว่า ดอกเบี้ยซื้อรถดูตัวเลขแล้วน้อยกว่า
ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านเกือบครึ่งต่อครึ่ง
ในขณะที่ทรัพย์สินที่เป็นบ้านนั้นมีความเสี่ยงต่ำกว่ารถเยอะ
ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านเท่าที่เห็นก็ราวๆ 6 % คงที่ 1 ปี (ธนาคารพาณิชย์)
ในขณะที่ดอกเบี้ยซื้อรถ ต่ำสุดอยู่ ราวๆ 3 % ทำไม
คำตอบเบื้องต้นก็คือ วิธีการคิดดอกเบี้ยที่ต่างกัน
พูดกันง่ายๆ ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านนั้นคิดแบบลดต้นลดดอก
ในขณะที่ดอกเบี้ยเช่าซื้อนั้นคิดแบบคงที่ ดังตารางสรุปข้างล่าง
ซื้อบ้าน เช่าซื้อ
การคิดดอกเบี้ย ลดต้นลดดอก คงที่
การคำนวนค่างวด ยาก ง่าย
นายทุนทำกำไร ไม่มาก มาก
การคิดดอกเบี้ย
ลดต้นลดดอก
หมายความว่าดอกเบี้ยในแต่ละเดือนนั้นจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงินต้นคงเหลือ
โดยช่วงแรกๆ เงินค่างวดจะต้องนำไปจ่ายดอกเบี้ยเสียเป็นส่วนใหญ่
เค้าเรียกว่าระบบ Front Load ส่วนที่เหลือก็จะนำไปหักออกจากเงินต้น
แล้วนำเงินต้นที่เหลือ มาคำนวนดอกเบี้ยในเดือนต่อไป
สมมุติว่า คุณไปกู้เงินมา 1000 บาท อัตราดอกเบี้ย 12 % ต่อปี
ก็ตกเดือนละ 1 % ถ้าคุณชำระเดือนละ 100 บาท
ผ่านไปเดือนแรกคุณก็จะต้องจ่ายดอกเบี้ย 10 บาท
( 1 % ของเงิน 1000 บาท) สรุปดังตาราง
เดือนที่ เงินต้นคงเหลือ ค่างวด ชำระดอกเบี้ย ชำระเงินต้น
1 1000 100 10 90
2 910 100 9.1 90.9
3 819.1 100 8.19 91.81
4 727.29 100 7.27 92.73
5 634.56 100 6.35 93.65
6 540.91 100 5.41 94.59
7 446.32 100 4.46 95.54
8 350.78 100 3.50 96.5
9 254.28 100 2.54 97.46
10 156.82 100 1.57 98.43
11 58.39 64.23 5.84 58.39
64.23 1000
จะเห็นว่าในระยะเวลา11 เดือนคุณก็จะชำระหมด คุณจ่ายดอกเบี้ยทั้งสิ้นเกือบ 65 บาท
ถ้าคุณชำระค่างวดมากขึ้น คุณก็จะจ่ายดอกเบี้ยน้อยลง และผ่อนหมดเร็วขึ้น
ข้อสังเกตอีกอย่างก็คือว่า หากคุณมีโจทย์ตั้งต้นว่า
จะกู้เงินต้นจำนวนหนึ่งด้วยอัตราดอกเบี้ยเท่านี้เปอร์เซ็นต์
คุณจะคำนวนได้ยากว่าต้องผ่อนชำระงวดละเท่าใดจึงจะผ่อนในเวลาที่กำหนด
หรือถ้ากำหนดเงินค่างวดจะไม่ทราบว่าเมื่อใหร่จะผ่อนหมด
การคำนวนต้องใช้สูตรทางคณิตศาสตร์มาช่วย เราๆ ท่านๆคงต้องปวดหัวกันน่าดู
แล้วจะ ตรวจสอบได้อย่างไรว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าใหร่ เราจ่ายเงินเกินหรือเปล่า
ผู้ให้กู้ก็ไม่แน่ใจว่าเราจ่ายน้อยไปหรือเปล่า ลองเอาโจทย์นี้ไปคิดดู
จากตารางข้างต้น หากผ่อนเดือนละ 200 บาท จะใช้เวลากี่เดือน
แล้วต้องเสียดอกเบี้ยทั้งหมดเท่าใหร่
คงที่
วิธีนี้คิดดอกเบี้ยได้ง่าย บริษัทเงินกู้ทั้งหลายนิยมเพราะหลอกตัวเลขดอกเบี้ยต่ำๆ ได้
ก็ขอยกตัวอย่างเดิม กู้เงิน 1000 บาท ดอกเบี้ย 12 % เป็นระยะเวลา 11 เดือน (ให้เหมือนข้างบน)
เท่ากับว่าจ่ายดอกเบี้ยเท่ากับ 1 % ต่อเดือนเป็นระยะเวลา 11 เดือน 0.01 x 1000 = 10 บาทต่อเดือน
ทั้งหมด 11 เดือน ดอกเบี้ย = 110 บาท รวมเงินต้น อีก 1000 บาท เป็น 1110 บาท
จ่ายเดือนละ 100.909 บาท ถ้าต้องการจ่าย 10 เดือน ดอกเบี้ยคือ 100 บาท รวมเป็น 1100 บาท
หารด้วย 10 เดือน จ่ายเดือนละ 110 บาท
จะเห็นว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น(สำหรับ 11 เดือน) 45.77 บาทหรือ อีก 70 %
คำนวนก็ง่ายแถมได้ดอกเบี้ยเพิ่มอีกต่างหากยิ่งผ่อนนานดอกเบี้ย ยิ่งบานเบอะ
ถ้ากลับไปย้อนดูข้างบน แบบลดต้นลดดอกที่ 12 % ต่อปีผ่อน 11 เดือนตามเงื่อนไขข้างต้น
จะได้ดอกเบี้ย 64.23 บาท หากต้องการ ดอกเบี้ยเท่าเดิมแต่คิดแบบ คงที่จะตกที่ 7.02 % ต่อปี
(7.02/12 = 0.00585 ต่อเดือน x 1000 x 11 = 64.35 )
ดูตัวเลขแล้วต่างกัน ถึง 5 % รู้สึกว่าน้อยกว่ากันเยอะเลย
คราวนี้เห็นแล้วใช่ใหมครับว่า ตัวเลขมันหลอกเรา รัฐบาลก็ไม่ทำอะไร
น่าจะมีกฏเกณฑ์ที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าจริงๆ แล้วเราจ่ายดอกเบี้ยเท่าใหร่
ทีเวลาเราฝากเงินกลับไม่คิดดอกเบี้ยแบบคงที่บ้าง แต่ดันคิดแบบถ้าถอนเงินออก
ดอกเบี้ยกลับลดลงอีกอย่างบริษัทที่ทำธุรกิจเช่าซื้อเหล่านี้
เวลาไปกู้เงินจะเป็นแบบลดต้นลดดอก แต่มาปล่อยกู้แบบคงที่ แล้วยังงี้ไม่ถือว่าเป็นการหลอกลวงหรือ
คราวหลังเวลาคุณจะเช่าซื้ออะไร ลองถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อดูว่าคิดดอกเบี้ยแบบใหน
แล้วถ้าจริงๆ แล้วคุณเสียดอกเบี้ยอัตราเท่าใด
ผู้เขียนขอชื่นชมสถาบันการเงินบางแห่งที่ใช้หลักการคิด แบบลดต้นลดดอก
นั่นคือวิธีการที่ดี ลูกค้าจะได้รับรู้กันชัดๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ประกาศคืออัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจริง
http://www.thaicash.com/issue/c1.htm