Thai VI

1) ทางการจีน มีนโยบาย ห้ามสร้าง และ ยกเลิกโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ถ่านหิน มีกำลังผลิต น้อยกว่า 300 MW เนื่องจากมีประสิทธิภาพต่ำ และ ปีปัญหากับสิงแวดล้อม ปีนี้ที่เซี่ยงไฮ้อากาศอบอุ่นที่สุดในรอบ 100 ปี ทางการจีนประมาณ ว่าจะมีกำลังการผลิตหายไปประมาณ 10,000 MW ทั้งนี้ กฎใหม่นี้ใช้กับโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่รวมที่ใช้ผลิตความร้อนด้วย  ทางการจีนมีแผน ที่จะหยุดการดำเนินการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ถ่านหินทั้งหมด (50,000 MW) ภายในปี 2010

Source: Bloombergs และ www.shanghaidaily.com

2) Stock ข้าวโพดของจีนเริ่มลดลงและในปีนี้ โดย Demand เริ่มมากกว่า Domestic Supply เป็นครั้งแรกหลังจาก Stock ในประเทศสูงขึ้นในปี 2004 อยางไรก็ตามส่วนต่างระหว่าง Demand กับ Supply ในปีนี้เพียงแค่ 500,000 ตัน จากความต้องการทั้งหมด 144 ล้านตัน

3) สภาวะแห้งแล้งที่ต่อเนื่องในตอนกลางของจีน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงเป็นอย่างมาก และสภาวะขาดแคลนน้ำก็ยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่

 :D  :o

ขอบคุณครับ

ขอบคุณครับ

แล้ว suc จะมีผลอะไรไม๊ครับ

เห็นผลิตไฟฟ้า 30MW และผลิตไอน้ำด้วย

คุณ nanchan ครับ ผมไม่แน่ใจ เพราะข่าวไม่ได้ให้รายละเอียดไว้มาก

ผมว่าในส่วนที่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีนเอง ในส่วนที่ใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้า

อย่างเดียวคงถูกยกเลิก ไม่แน่ใจในส่วนที่เป็นบริษัทร่วมทุน แต่ถ้า SUC

ผลิตไอน้ำด้วยอาจจะรอดนะครับ ถ้าผมเกิดมีโอกาสได้พบท่านผู้บริหาร

ของ SUC ที่นี่จะลองถามดูครับ แต่ถ้าท่านใดได้ไปประชุมผู้ถือหุ้นก็ฝาก

ถามด้วยแล้วกันนะครับ

เอ.....ว่าแต่ของ BANPU นี่ ขนาดเท่าไหร่มีใครพอทราบไหมครับ

เดี๋ยวนี้เวบ TVI มีข่าวล่ามาเร็วจากแดนมังกรด้วย ขอบคุณครับ  

ถ่านหิน vs. ก๊าซ สงครามนี้ใครจะชนะครับ

อ่านสัมภาษณ์ผู้บริหาร egcomp พูดค่อนข้างแรง บอกว่าให้เลิกหลงคารมปตท.ได้แล้ว ถ่านหินประหยัดกว่าก๊าซ แถมยังบอกอีกว่ากำลังสนใจเข้าไปลงทุนในบ้านปู

ถ่านหินถูกกว่าแต่เสี่ยงเหมือนกัน วันดีคืนดีเกิดคึกเรื่องสิ่งแวดล้อมขึ้นมาที คนทำถ่านหินก็แย่

ร่วมด้วยช่วยกันครับท่านแม่มัพ

ตอนนี้มีอีกข่าวที่ดังมากที่นี่ครับ อาจมีการพูดถึงบ้างในเมืองไทย

ตอนนี้รัฐบาลจีนกำลังจัดตั้ง กองทุน เพื่อการลงทุน โดยใช้รูปแบบเดียวกับ

"เทมาเสก" ของรัฐบาลสิงค์โปร์โดยจะนำส่วนหนึ่งของทุนสำรอง 2 Trillion

USD ออกมาเพื่อลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้จำนวนเงินในขั้นต้นถ้าผมจำไม่

ผิดน่าจะประมาณ 200 Billion USD ตอนนี้รัฐบาลจีนเริ่มมองการลงทุนที่มี

ความเสี่ยงมากขึ้นจากเมื่อก่อนลงทุนเฉพาะพันธบัตรของ US. ผมว่ารูปแบบ

การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มีบางส่วน คล้ายกับการเจริญเติบโตของ ญี่ปุ่น

ในมุมที่ ตอนแรกของการเติบโต ใช้การอิงค่าเงินกับ US พอทุกอย่างเริ่มดี มีเ

เงินเกินดุลการค้ามหาศาล แต่ US ขาดดุลมโหฬาร หลังจากนั้น US

ก็พยายามบีบให้ญี่ปุ่นเลิก pegged ค่าเงินกับ US ทำให้ญี่ปุ่นต้องรีบดำเนิน

การย้ายฐานการผลิตและ การลงทุน ออกต่างประเทศ คล้ายๆกับ จีน ที่เป็น

อยู่ตอนนี้เลยครับ

คนขายของ เขียน:ร่วมด้วยช่วยกันครับท่านแม่มัพ

ตอนนี้มีอีกข่าวที่ดังมากที่นี่ครับ อาจมีการพูดถึงบ้างในเมืองไทย

ตอนนี้รัฐบาลจีนกำลังจัดตั้ง กองทุน เพื่อการลงทุน โดยใช้รูปแบบเดียวกับ

"เทมาเสก" ของรัฐบาลสิงค์โปร์โดยจะนำส่วนหนึ่งของทุนสำรอง 2 Trillion

USD ออกมาเพื่อลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้จำนวนเงินในขั้นต้นถ้าผมจำไม่

ผิดน่าจะประมาณ 200 Billion USD ตอนนี้รัฐบาลจีนเริ่มมองการลงทุนที่มี

ความเสี่ยงมากขึ้นจากเมื่อก่อนลงทุนเฉพาะพันธบัตรของ US. ผมว่ารูปแบบ

การเติบโตของเศรษฐกิจจีน มีบางส่วน คล้ายกับการเจริญเติบโตของ ญี่ปุ่น

ในมุมที่ ตอนแรกของการเติบโต ใช้การอิงค่าเงินกับ US พอทุกอย่างเริ่มดี มีเ

เงินเกินดุลการค้ามหาศาล แต่ US ขาดดุลมโหฬาร หลังจากนั้น US

ก็พยายามบีบให้ญี่ปุ่นเลิก pegged ค่าเงินกับ US ทำให้ญี่ปุ่นต้องรีบดำเนิน

การย้ายฐานการผลิตและ การลงทุน ออกต่างประเทศ คล้ายๆกับ จีน ที่เป็น

อยู่ตอนนี้เลยครับ

โอ้ว อันนี้ถ้าเขามองไทยเมื่อไรก็สามารถทำให้หุ้นไทยวิ่งแรงๆ ได้เลยครับ นับเป็นข่าวที่ดีมาก

เช็ดข่าวเรื่องกำลังการผลิตถ่านหินของจีน
และปริมาณการนำเข้าถ่านหินของจีนด้วยครับ

ถ้าใครตามน้ำมันก็ตามเรื่องการสร้างที่สำรองน้ำมันทางทหารแห่งที่สองและสาม
ว่าเสร็จแล้วและเอาน้ำมันไปเก็บหรือยังครับ

ส่งเรื่องโรงไฟฟ้านี้ต้องตามกันต่อไปครับ

เขานำไปลงทุนในสิ่งที่เสี่ยงหรอครับ  ??

เมาครับโพสผิดกระทู้ขอโทษครับ
อ่านไปก็ได้น่าครับ
นั้นเป็นขอSST
งานนี้ตัวนี้หุ้นดีในอดิตแต่ปัจจุบันหุ้นตัวนี้ดีหรือครับ

คุณ miracle ทราบอะไรมาหรือเปล่าครับ

หรือการลงทุนของเขามีอะไรผิดปรกติ

ไม่ได้ทราบครับ
แค่สงสัยเท่านั้นครับ
โพสผิดห้องขออภัยครับ
เนื่องจากเปิดสองหน้าตาแล้ว พอดีไม่ได้ดูว่าหน้าตาไหมเป็นอะไรครับ
เลยโพสผิดกระทู้ครับ
ต้องขอโทษที่ทำให้กระทู้นี้ผิดวัตถุประสงค์ของเจ้าของกระทู้

อย่างนี้ต้องหาเครื่องประหารหัวสุนัขแล้วครับ

ปล
ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวบริษัทนี้ครับ
แค่ดูงบแล้วเกิดความสงสัย ว่าทำไมเงินมันหายไปไหน จึงแกะดูว่า
หุ้นดีในอดีตตัวนี้ ปัจจุบันยังดีอยู่หรือเปล่าเท่านั้นเองครับ
แค่มาบอกเฉยๆ พอดีมีคนโพสในร้อยคนร้อยหุ้นครับ
ต้องกราบขอโทษความผิดพลาดมา ณ ที่นี้ด้วย

การผลิตไฟฟ้าจากปรมาณู

เทียบเป็นต้นทุน
กับ
น้ำมัน  ก๊าซ  ถ่านหิน

พลังงานน้ำ  พลังงานลม

ในปริมาณ  เท่าเท่ากัน
ใครถูกที่สุดคับ

เพิ่งอ่านเจอในข่าวเมื่อกี๊ครับ นิวเคลียร์ถูกกว่าถ่านหินนิดหน่อย
น้ำกับลมไม่ได้เทียบครับ

ต้นทุนไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำที่สุดคือ 2.08 บาท/หน่วย เมื่อเทียบกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2.11 บาท/หน่วย และจากพลังงานแสงอาทิตย์ 20.20 บาท/หน่วย

http://www.manager.co.th/Science/ViewNe ... 0000027648[/list]

ข่าวที่ 2 กับ 3 จะทำให้สินค้าเกษตรทั้วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยแพงขึ้นมั้ยครับ

ผมว่าแดดเดี๋ยวนี้แรงจังเล่นเอาผิวสีเทม
ไปเลย  แล้วทุ่งข้าวจะได้ผลกระทบหรือเปล่าคับ

เรื่องถ่านหินต้องยอมรับว่าเป็นพลังงานที่ก่อมลพิษค่อนข้างเยอะครับ แต่ในปัจจุบันทางญี่ปุ่นสามารถกักสารพิษที่ออกมาจากการเผาไหม้ถ่านหินได้ 99.90 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ ซึ่งตอนนี้เหมือนกับทางญี่ปุ่นยินดีจะออกมาบริหารจัดการกับทางโรงไฟฟ้าที่ต้องการกักสารพิษนี้ครับ

ถ้าเป็นอ้อย ปีนี้ supply กลับมาแล้วครับ

ข้อมูลต้นทุนเชื้อเพลิงบ้านเรานะครับ
ถ่านหิน 0.52 บาท/หน่วย
แก๊ส 1.54
น้ำมันเตา 3.97
ดีเซล 8.14

ส่วนพลังงานทางเลือกมีประเมินไว้เหมือนกัน ต้นทุนยังคงสูงอยู่
พลังลม 5 บาท/หน่วย
โซล่าเซล 13

บ้านเราใช้ถ่านหิน 15% เดินเครื่องเป็น Base load
เกือบทุกประเทศทั่วโลกยังคงเลือกใช้ถ่านหินเป็นหลักอยู่ มีแต่บ้านเราที่มีภาพหลอนของแม่เมาะอยู่ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีถ่านหินไปไกลแล้ว แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นแต่ก็ถูกกว่าแก๊สอยู่ดีครับ

1) ทางการจีน มีนโยบาย ห้ามสร้าง และ ยกเลิกโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ถ่านหิน มีกำลังผลิต น้อยกว่า 300 MW เนื่องจากมีประสิทธิภาพต่ำ และ ปีปัญหากับสิงแวดล้อม ปีนี้ที่เซี่ยงไฮ้อากาศอบอุ่นที่สุดในรอบ 100 ปี ทางการจีนประมาณ ว่าจะมีกำลังการผลิตหายไปประมาณ 10,000 MW ทั้งนี้ กฎใหม่นี้ใช้กับโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ไม่รวมที่ใช้ผลิตความร้อนด้วย  ทางการจีนมีแผน ที่จะหยุดการดำเนินการโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ถ่านหินทั้งหมด (50,000 MW) ภายในปี 2010

เรื่องถ่านหินต้องยอมรับว่าเป็นพลังงานที่ก่อมลพิษค่อนข้างเยอะครับ แต่ในปัจจุบันทางญี่ปุ่นสามารถกักสารพิษที่ออกมาจากการเผาไหม้ถ่านหินได้ 99.90 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ ซึ่งตอนนี้เหมือนกับทางญี่ปุ่นยินดีจะออกมาบริหารจัดการกับทางโรงไฟฟ้าที่ต้องการกักสารพิษนี้ครับ

ตกลงข้อมูลเป็นยังไงครับ เรื่องมลพิษ

หรือว่า แม้กักมลพิษได้ 99.90% ก็ยังมากโขอยู่

สิ่งที่ตามยอดขายแอร์คงพุ่งกระฉูด ไม่ต่ำกว่า10ปี
ก่อนถ่านหินเลิกใช้แน่  ตามอีกยอดใช้ไฟฟ้าทั่วโลก
อาจสุงขึ้นเป็นประวัติ



พลังงานปรมาณู  จะเกิดในหลายประเทศ


จีนจะใช้ไหมคับ

ปรมาณู ดูน่าสนใจมาก จะ 50 ปีแล้ว

ที่ไม่มีข่าวการรั่วของกัมมันตภาพรังสี

เท่าที่เคยอ่านประวัติศาสตร์
ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป มีการใช้ถ่านหินจำนวนมาก จนมีการประเมินว่าถ่านหินจะหมดแล้ว และเริ่มค้นพบแหล่งน้ำมัน จึงหันมาใช้น้ำมันกันยกใหญ่

แต่ตอนนี้ มีคนบอกว่าน้ำมันจะหมดภายในไม่กี่สิบปี แก๊สก็เหลือสำรองในโลกไม่กี่สิบปีเช่นกัน ส่วนถ่านหินยังมีสำรองถึงสองร้อยปีและราคาถูก หลายประเทศจึงหันมาใช้ถ่านหินในสัดส่วนที่มากขึ้น แม้จะต้องเพิ่มต้นทุนบ้างในการทำให้ถ่านหินสะอาดก็ยังถูกกว่า
อนาคตต่อไปคงมีคนบอกว่า ถ่านหินใกล้หมดแล้วแน่นอน

ผมสงสัยว่าแอฟริกาใต้ที่ถูกบอยคอตการค้า จริงหรือเท็จแค่ไหนไม่ทราบนะครับ ที่เขาคุยว่าใช้ถ่านหินเป็นหลัก น่าจะมีการแอบซื้อน้ำมันในทางลับ

About CHINA NUKE PLANT

COPIED FROM

www.shanghaidaily.com

This news was published on 6 MAR 2007....


CHINA will award a contract to build two nuclear reactors in its southeast to France's Areva SA, a Chinese official said yesterday.

The two sides are working on a final accord to build the reactors at Yangjiang in Guangdong Province, Qian Jihui, a senior adviser at China National Nuclear Corp, the nation's top nuclear reactor builder, said in Beijing. The contract was originally awarded to Toshiba Corp's Westinghouse Electric Co, which will get an agreement for two other reactors in Shandong.

China needs to add two reactors a year to meet a 2020 target of getting four percent of its power from nuclear energy from about 2.3 percent now. Areva and Westinghouse are competing to build as many as 26 more reactors by 2020 as China turns to atomic energy to cut pollution and reliance on oil.

คนขายของ เขียน: เอ.....ว่าแต่ของ BANPU นี่ ขนาดเท่าไหร่มีใครพอทราบไหมครับ

ผมบังเอิญอ่านเจอพอดีครับพี่ ไม่ทราบว่าเห็นแล้วหรือยัง

o ธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน บริษัทฯ ได้มีการขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นการลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power) ในแถบภาคเหนือของสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 ในมณฑลเหอเป่ย 2 แห่ง และมณฑลซานตง 1 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้ารวม 248 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไอน้ำ 798 ตันต่อชั่วโมง

กำลังการผลิตจิ๊บๆ มากๆ

ขอบคุณครับท่านแม่ทัพ

ผมเพิ่งทราบว่ากำลังผลิตประมาณ 200 กว่าๆ MW ก็คงประมาณใกล้เคียงกับของ ROJANA ที่อยุธยา ไม่มากเท่าไหรเลยครับ คงอยู่ในกลุ่ม SPP

เห็นลุง JIM ROGERS ให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ครับว่า ตอนนี้แกถือหุ้นโรงไฟฟ้า และ สายการบินอยู่ ผมว่าเหตุผลหนึ่งที่ เจ้าของหนังสือ Hot Commodities มาถือกิจการที่มีต้นทุนหลักเป็น Commodities เพราะแกคงเชื่อว่าราคา Commodities ทั้งหลาย เว้นภาคการเกษตร จะเริ่มมีการพักของราคา และการที่ต้นทุนพลังงานที่ลดลงมีผลให้สองกิจการที่ว่ามามีกำไรมากขึ้น

แต่ถ้ามามองเรื่องคุณภาพของกิจการแล้ว ไม่ทราบว่าท่านแม่ทัพว่ากิจการโรงไฟฟ้าเป็นอย่างไรครับผมว่า

ข้อดีคือ

1. รายได้แน่นอน
2. แนวโน้มของราคาเป็นขาขึ้นตลอด
3. ไม่มีการแข่งขันกันโดยตรง
4. ส่วนใหญ่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก

ข้อเสียคือ
1. ใช้เงินลงทุนสูง
2. ค่าบำรุงรักษาสูง
3. การขยายงานต้องใช้เงินลงทุนมาก
4. เป็นสินค้ามีการควบคุมราคา หากควบคุมต้นทุนไม่ดี กำไรอาจลดลง
5. เป็นกิจการที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์กับภาครัฐค่อนข้างมาก

ผมว่าเป็นหุ้นที่ดีสำหรับเวลาที่ตลาดมีความเสี่ยงสูง หนึ่งในสุดยอดของ Defensive Play. ปรากฎการ EGCOMP ที่วิ่งจาก 60 กว่าๆ ไป ร้อยนิดนี่ เป็นพวกปรากฎการดาวหาง นานจะเกิดสักที

CLP HOLDING เจ้าของโรงไฟฟ้ามากมายใน ASIA ราคาหุ้น 5 ปีที่ผ่านมามี LOW เมื่อปี 2002 อยู่ที่ประมาณ 30 HKD และสูงสุดในปีนี้ 2007 ที่ 60 KHD
แต่ลักษณะการขึ้นเป็นแบบขั้นบันได คือปีที่ขึ้นจะขึ้นมากและหยุดไป 2-3ปี แล้วขึ้นมากๆอีกที ตามวัฏจักรการลงทุน

ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากๆ ในช่วงห้าปีข้างหน้านี้ครับ

คุณภาพชีวิตที่กำลังสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของคนในแถบเอเชียจะทำให้การบริโภคไฟฟ้าในแถบนี้สูงขึ้นเร็วเป็นพิเศษในช่วงต่อไปนี้

ไฟฟ้าเป็นสินค้าอย่างเดียวที่ผลักภาระต้นทุนในผู้บริโภคได้ทั้งหมดเพราะค่าไฟฟ้าปรับขึ้นตามสูตรคำนวณ (ยกเว้นภาคการเมืองจะมาบีบให้ลดค่าไฟเท่านั้น) ถ้าไม่มีการปิดซ่อมบำรุงนานๆ กำไรจะเพิ่มขึ้นอย่างเดียว เพราะการบริโภคไฟฟ้าไม่มีคำว่าลดลง

แต่ปัญหาก็คือว่าการเติบโตของโรงไฟฟ้าเป็นเรื่องของการประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ให้ได้ ซึ่งทุกครั้งที่มีการเปิดประมูลใหม่ ก็เหมือนล้างไพ่ใหม่หมด หน้าเก่ากับหน้าใหม่มีโอกาสเท่าๆ กัน Barrier to Entry จึงถือว่าต่ำ ตอนนี้ก็เห็นหน้าใหม่ๆ กระโดดเข้ามาประมูลแข่งเต็มไปหมด เช่น TOP, BANPU, ROJANA, SUC แม้แต่ PTTEP เองก็ยังมองๆ อยู่

ที่ดีแน่ๆ คือ EGAT เพราะผูกขายสายส่ง และตามนโยบายรัฐ EGAT จะได้เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าเองประมาณครึ่งหนึ่งเพื่อความมั่นคง เป็นตัวที่ perfect จริงๆ แต่มันดันไม่อยู่ในตลาด  :evil:

แต่รองจาก EGAT แล้ว ผมมอง BANPU ครับ

ที่จริงแล้วเวลาเปิดประมูลใหม่ จะมีคนที่ได้เปรียบอยู่เหมือนกัน คือ คนที่ทำธุรกิจเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้าครับ

โรงไฟฟ้าถ่านหินจำเป็นต้องตั้งอยู่ใกล้ๆ เหมืองถ่านหินหรือไม่ก็ท่าเรือที่ทำให้ขนส่งถ่านหินได้สะดวก เพื่อประหยัดค่าขนส่งถ่านหิน ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเจ้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินกับเหมืองถ่านหินจึงมักเป็นคนๆ เดียวกัน มิฉะนั้นแล้วพอโรงไฟฟ้าสร้างเสร็จ เกิดเจ้าของเหมืองบอกว่าจะขอขึ้นค่าถ่านหิน โรงไฟฟ้าก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือทันที เพราะลงทุนไปแล้ว ดังนั้น BANPU จึงมีภาษีดีกว่ารายอื่นที่มีแค่เงินลงทุนหรือประสบการณ์ในการ operate โรงไฟฟ้าเท่านั้น

EGCOMP เองก็มีแผนที่จะเข้าไปถือหุ้น BANPU นี่ก็เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าไพ่เด็ดอยู่ที่ใคร

รัฐมีนโยบายเพิ่มโรงไฟฟ้าถ่านหินให้มากขึ้นจนมาเท่ากับก๊าซ เนื่องจากปัจจุบันก๊าซกลายเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาสูงเกินกว่าที่จะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าได้แล้ว แต่เนื่องจากถ่านหินโดนประท้วง รัฐจึงมีนโบยายให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศเพื่อนบ้านแล้วซื้อไฟฟ้าสำเร็จรูปเข้ามาแทน ซึ่งถ้าโมเดลนี้สำเร็จ โรงไฟฟ้าถ่านหินจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติครับ

สุมาอี้ เขียน: ตอนนี้ก็เห็นหน้าใหม่ๆ กระโดดเข้ามาเต็มไปหมด เช่น TOP, BANPU, ROJANA, SUC แม้แต่ PTTEP เองก็ยังมองๆ อยู่

ตัดคำว่าประมูลออกครับ แบบว่าหันมาทำโรงไฟฟ้ากันหมดประมูลบ้าง ทำขายเอกชนบ้างครับ


หุ้นโรงไฟฟ้าถ้าจะรอการเติบโตจาก existing plant ก็คงจะได้น้อย ต้องมอง"ข้ามช๊อต"ให้ออกครับว่าใครบ้างที่มีโอกาสที่จะสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ในอนาคตอันใกล้

ธุรกิจพลังงานคงเป็นธุรกิจแห่งอนาคตครับ เพราะคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้พลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า แต่ประเด็นก็คือ การใช้พลังงานที่มากขึ้น ก็นำมาซึ่งปัญหาการหาแหล่งวัตถุดิบจำนวนมากเพื่อมาลองรับ ก็ขึ้นอยู่ว่า จะสร้างความสมดุลย์ของความมั่นคงด้านพลังงาน ต้นทุนค่าเชื่อเพลิงที่เหมาะสม และปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งนับวันจะมีกระแสจากทั่วโลกมากขึ้นครับ

เอาบทความมาฝากให้ดูกันว่า demand ด้านพลังงานเป็นอย่างไรในอนาคตครับ

แนวโน้มพลังงาน ไทย- โลก

พลังงานเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วโลก เป็นปัจจัยที่ทำให้โลกมีการพัฒนาขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ พลังงานได้เป็นสินค้าที่มีความเป็นสากล (International) มีการซื้อขายกันทั่วโลก ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ น้ำมันปิโตรเลียม และพลังงานประเภทอื่นซึ่งขนย้ายได้ยาก เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้า ก็ได้มีการขยายเครือข่ายการขนส่ง ท่อ และสายส่งระหว่างประเทศมากขึ้น เช่น ในยุโรป อเมริกา และ อาฟริกา ทำให้การค้าพลังงานระหว่างประเทศมีความสำคัญและมีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ

เนื่องจากพลังงานเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นต่อทุกๆ อย่าง จึงมีความสำคัญต่อทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง

อย่างไรก็ตามการจัดหาให้ได้พลังงานมา และการนำพลังงานไปใช้ ล้วนแต่ต้องอาศัยการลงทุนปริมาณมหาศาล ดังเช่น ทบวงพลังงานโลก หรือ IEA (International Energy Agency) ได้ประมาณการไว้ว่าในช่วงปี 2001-2030 โลกต้องลงทุนในกิจการพลังงานถึง 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ โดยร้อยละ 60 (640 ล้านล้านบาท) ของการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการลงทุนในกิจการไฟฟ้า ทั้งในส่วนของการผลิตไฟฟ้า และการสร้างสายส่ง สายจำหน่ายไฟฟ้า


โดยตัวเลขที่น่าสนในใจคือ ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย โดยเฉพาะ จีน อินเดีย และประเทศอาเซียน ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มประเทศที่ต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยร้อยละ 32 ของความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในโลกจะมาจากภูมิภาคนี้ ที่สำคัญคือ ประชาชนและภาคธุรกิจอุตสาหกรรมต้องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นทุกประเทศจึงจำเป็นต้องมีการลงทุนในกิจการไฟฟ้าให้เพียงพอ นั่นก็คือ ไม่ลงทุนไม่ได้ ซึ่งไฟฟ้าเป็นกิจการที่เป็น Capital Intensive การลงทุนจึงมีปริมาณมหาศาลในแต่ละปี


การจัดหากำลังการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอจึงเป็นภาระที่สำคัญของรัฐบาลของทุกประเทศต้องวางแผนในการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เนื่องจากมีผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศโดยตรง


ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น เนื่องจากกิจการไฟฟ้าเป็นกิจการที่อาศัยเงินลงทุนสูงมาก การเข้าหาแหล่งทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้ประกอบกิจการไฟฟ้า ทั้งที่เป็นรัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้า บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติ บริษัทไฟฟ้าเอกชน และบริษัทไฟฟ้าข้ามชาติ ซึ่งผู้ประกอบการที่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนขนาดใหญ่ได้ในต้นทุนที่ต่ำ จะเป็นผู้มีความได้เปรียบในการลงทุน ทั้งทางด้านขนาดของกิจการที่จะลงทุน และต้นทุนที่ใช้ในการลงทุน กิจการไฟฟ้าจึงกลายเป็นกิจการที่มีการแข่งขันไร้พรมแดน ผู้ใดที่บริหารได้ต้นทุนต่ำสุดก็คือผู้ชนะ

ความได้เปรียบด้านลงทุนจะเป็นของบริษัทไฟฟ้าข้ามชาติ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่ มีเครือข่ายทางการเงินที่กว้างขวาง สามารถระดมทุนได้ในต้นทุนที่ต่ำ มีความทันสมัยด้านเทคโนโลยี และสามารถหาเครือข่ายพันธมิตรร่วมทุนได้ง่าย

สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตอย่างรวดเร็ว ต้องมีการลงทุนปริมาณมหาศาล หากไม่สามารถหาเงินลงทุนได้มากเพียงพอ ก็จะต้องเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุน ซึ่งภาคเอกชนที่มีศักยภาพมากที่สุดทั้งทางด้านการเงิน และเทคโนโลยีก็คือ บริษัทไฟฟ้าข้ามชาติ (ของประเทศที่พัฒนาแล้ว) ที่ต้องการขยายการลงทุนนอกขอบเขตประเทศของตน ซึ่งเห็นได้ชัดจากตัวอย่างของหลายประเทศ เช่น อาร์เจนตินา และแม้แต่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ก็มีบริษัทไฟฟ้าข้ามชาติเข้าไปดำเนินการหลายราย

สำหรับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียนั้น การจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตไฟฟ้านั้น เป็นเรื่องสำคัญ ที่ทุกประเทศได้มีการดำเนินการ ทั้งการหาพันธมิตร การออกไปแสวงหาแหล่งพลังงานจากภายนอกประเทศ โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการจัดหาพลังงานของประเทศในภูมิภาคนี้ก็ คือ ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ใช้พลังงานที่สำคัญในภูมิภาค

จีนเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และแน่นอนการใช้ไฟฟ้าก็ต้องมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วตามไปด้วย นอกจากอัตราเติบโตที่รวดเร็วแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด คือ ขนาดของระบบเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งมีประชากรกว่าพันล้านคน ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจึงมหาศาล ซึ่งความมั่นคงด้านพลังงานเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนคำนึงถึงอย่างมาก เพราะต้องหาแหล่งเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ที่มั่นคง แต่เนื่องจากแหล่งพลังงานในภูมิภาคมีจำกัด ทุกประเทศจึงต้องแข่งขันกันในการจัดหาเชื้อเพลิงอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทั้งการแข่งขันด้านการลงทุนและการจัดหาเชื้อเพลิง นั้น ผู้ที่จะชนะได้ต้องมีความแข่งแกร่งทางด้านเงินทุน และที่สำคัญคือต้องมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์กรนำด้านพลังงาน (หรือ National Champion) ของแต่ละประเทศจะต้องเป็นแกนหลักในการเข้าหาแหล่งทุนและแหล่งเชื้อเพลิง และแต่ละประเทศก็ต้องตัดสินใจว่าจะให้องค์กรนำด้านพลังงานของประเทศตนเป็นบริษัทไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บริษัทไฟฟ้าข้ามชาติของต่างประเทศ ซึ่งถ้าไม่ต้องการให้บริษัทไฟฟ้าข้ามชาติมาเป็นองค์กรนำด้านไฟฟ้าของประเทศ มีอิทธิพลครอบงำประเทศ ก็ต้องพัฒนาบริษัทไฟฟ้าแห่งชาติให้มีความแข่งแกร่งทางด้านเงินทุน และ ที่สำคัญต้องมีประสิทธิภาพ จึงจะสามารถรักษาความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศ และออกไปแข่งขันนอกอาณาเขตประเทศตนได้

สำหรับประเทศไทยนั้น การที่กิจการไฟฟ้าของประเทศไทยจะสามารถดำเนินอยู่และเจริญเติบโตได้ในสภาวะของโลกซึ่งมีการแข่งขันด้านกิจการไฟฟ้าอย่างไร้พรมแดนนั้น ต้องมีการปรับตัวเองให้พร้อม เมื่อโลกเปลี่ยน ถ้าเราไม่เปลี่ยน ก็ย่อมถูกกลืนเข้าไปในความเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งที่จะกลืนเรานั้นก็คือ ทุนข้ามชาติ ที่มีการเคลื่อนย้ายและลงทุนอย่างไร้พรมแดน ทางเลือกของเราก็คือ จะโต้อยู่บนคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลง หรือ ถูกกลืนไปกับความเปลี่ยนแปลง

การเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจไทยนั้น ทำให้เราต้องมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะต้องมีการลงทุนปริมาณมหาศาลตามมาเพื่อรองรับความต้องการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การที่จะได้มาซึ่งต้นทุนของเงินทุนที่ต่ำที่สุดนั้นเป็นปัจจัยสำคัญ (Key Factor) ปัจจัยแรกของกิจการไฟฟ้า ปัจจัยที่สองที่ตามมาก็คือ การดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาศักยภาพการแข่งขันของตัวเองให้เทียบระดับสากล


ที่มา* กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน