หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 07, 2007 10:42 am
โดย 121
งั้นมั้ง.....นะ                :?

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 10:06 am
โดย ปรัชญา
เขาว่าดี

แต่

ผมยังไม่เห็นสีมือ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 08, 2007 4:38 pm
โดย boybbcom
ยังไม่อยากเชียร์ เดี๋ยวเป็นเหมือนคนก่อนๆ  

แต่ เป็นนักวิชาการมา ก้รู้สึกกลัวๆยังไงไม่รู้

ถ้าได้คนที่เคยอยู่พวกธุรกิจมาก่อน น่าจะสบายใจกว่า มั้งครับ ผมว่านะ

มุมมองเด็กๆ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 12:36 am
โดย นายสต็อก
พวกนักธุรกิจมุมมองแคบ...

คิดเป็นแค่ซื้อๆ...ขายๆ...ต่อให้เป็นนักธุรกิจ แสนล้าน!!!!

ก็คุยกับนักเศรษฐศาสตร์ ระดับ มหภาคไม่รู้เรื่องหรอก
มันคนละ สเกลความคิดกัน!!!

นั่นมันเด็กเกินไป!!! 8)

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 1:20 am
โดย pawiga
วอเรน บัฟเฟต ยังเคย บอกเลยว่า นักเศรษฐศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลก ยังทำนาย เศรษฐกิจ ไม่แม่น รึอะไรสักอย่างนี่แหละ
ผมว่า ความคิด ข้างบน แคบไปหนอ่ย ตรงไปป่าวขอโทษน่ะครับ  แต่ ถ้า คุณ เคย ไปอ่านประวัตินักธุรกิจเก่งๆต่างประเทศ จะรู้ว่า มีอะไรหลายๆอย่างหลายมุมเยอะ
อย่าติดภาพนักธุรกิจ ไม่กี่กลุ่มในบ้านเรา จริงๆมีพวกเก่งมากๆ อีกเยอะครับแต่ไม่ได้ลงหนังสือพิมพ์เท่านั้น
ใครเก่งไม่เก่ง ดูตอนลงมือทำงาน ไม่นานก็รู้

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 1:28 am
โดย pawiga
แต่ก็เห็นด้วย ตำแหน่งคลัง มันไม่เหมาะ กับ พ่อค้า
มันต้องรู้ เศรษฐศาสตร์มหภาค
แต่ไม่เอาพวกนักเศรษฐศาสตร์ ที่เก่งเฉพาะแต่ในตำรา น่ะ กลัวอันนี้กลัวมาก

สงครามปาก

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 2:06 am
โดย นายสต็อก
มิสเตอร์ บิลเกตต์ กับ คุณตาบัฟเฟ่ต์ อาจจะสุดยอด
ทางด้าน ความคิด และ วิสัยทัศน์ ในโลกธุรกิจของเราทุกวันนี้
แต่ จักรวาลนี้ ยังใหญ่โตกว่านั้นมาก

มิใช่แค่ ใครสร้างภาพ หรือ เปิดปากพูดอะไรได้...ปาวๆ แล้ว
จะทำได้ทุกอย่างที่คิด โลกนี้ก้าวหน้าไปได้ ส่วนหนึ่ง เพราะ คน
ชนชั้นทำงานจริงๆ มิใช่คนดีแต่พูดเท่านั้น!!!!

คนทั่วไปนั่นพูดได้...แต่ไม่มี POWER OF SPEECH!!!

แต่ว่าในโลกสงครามทางความคิด มันไปไกลกว่านั้นมาก
มันต้องต่อสู้กันทั้งคนในประเทศ และ นอกประเทศด้วย
แต่ละคนต่างก็มีมุมมอง และ วิสัยทัศน์ระดับพระกาฬทั้งนั้น!!! :roll:

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 11:37 pm
โดย BHT
ที่อ่านเจอ ปู่บัฟเฟตต์ จบโทด้านเสดสาด แต่แกบอกไม่เชื่อการวิเคราะห์ทำนายด้านเสดสาด ที่เห็นคือแกใช้วิชาด้านนี้เยอะมากในการลงทุน

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 10, 2007 1:55 pm
โดย boybbcom
คนที่เป็นเศรษฐศาสตรฺแต่ที่เคยอยู่ในธุรกิจ มีความเข้าใจทั้งเศรษฐศาสตร์มหภาค และเข้าใจธุรกิจการลงทุนก็มีอยู่ น่าจะดี นะครับ เพราะว่าจะทำให้นโยบายที่ออกมามีความเป็นกลางๆหน่อย ไม่ทฏษฎีเกินไป กล่าวคือ
 

คนเป็นนักวิฃาการ การดำเนินนโยบาย ก็มักจะทำตามทฤษฎีตามข้อสมมติ ถ้าวิธีการคิดถูกแล้ว นอกนั้นไม่สนใจขอให้ถูกตามทฤษฏี ก็พอ

คนเป็นนักธุรกิจ ก็จะดำเนินนโยบายที่ให้ผลประโยชน์หรือเป็นประโยฃน์กับธุรกิจอย่างเดียว

ทั้งนี้ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นของผม ครับ อาจผิดก็ได้

ดร.ฉลอง...

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 10, 2007 6:21 pm
โดย นายสต็อก
ท่านดร.ฉลองภพ นะดูแลแค่ธุรกิจครอบครัวเค้าก็เป็นพันๆ
ล้านขึ้นไปแล้วครับ!!!

เค้าไม่ใช่กระจอกๆ ยาจกมาหาเงินซะที่ไหนหล่ะ!!!

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 10, 2007 9:40 pm
โดย ปรัชญา
:x แว่วว่า  ท่านจะมาขึ้นพาสีมูนค่าเพิ่มจาก  เจ็บ  เปน  ฉิบ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 8:45 am
โดย สุมาอี้
อ่ะนะ เขาเพิ่งมารับตำแหน่ง นั่งเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นเลย รอดูไปก่อน

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 11, 2007 11:08 am
โดย คนเรือ VI
ขึ้น VAT นี่

เสียรังวัดแน่ๆ

มันเป็น คนทั่วไป เลยนะเนี่ยะ

จะกลายเป็นรัฐบาลก่อนอุ้มคนจน รัฐบาลทหารฆ่าคนจน

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 8:40 am
โดย ปรัชญา
คนเรือ VI เขียน:ขึ้น VAT นี่

เสียรังวัดแน่ๆ

มันเป็น คนทั่วไป เลยนะเนี่ยะ

จะกลายเป็นรัฐบาลก่อนอุ้มคนจน รัฐบาลทหารฆ่าคนจน
มืออาชีพ  ไม่สนใจเรื่องรังวัดที่ดินแน่นอน   อิอิ

ไม่มีวิธีการอื่นจะได้ผลกับการขาดดุลงบประมาณ
ต้องใช้ยาขนานนี้ได้ผล100%  มาแค่ชั่วคราวฝากฝีมือขึ้นภาษี
พอประชาชเบื่อก็หมดเวลา  ลงตัวไม่เกิน2เดือนรู้ผล

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 8:55 am
โดย lekmak333
ขึ้น vat มีแต่จะทำให้ประชาชนเจ็บตัว ใครจะกล้าไปใช้จ่าย
เศษรฐกิจก็หยุดชะงัก

vat ก็คือการผลักภาระให้ผู้บริโภค ไม่ใช่ผู้ผลิต ไม่ใช่ผู้บริการ  :cry:


น่าจะมาปรับ rate ภาษีรายได้แทน เห็นบ่นกันว่าสังคม คนรวยคนจนต่างชั้นกันเยอะ ก็เก็บ rate คนมีรายได้มากๆ เยอะกว่า 30% ไปเลย  :lol:

โดยเฉพาะตลาดหุ้น เริ่มก่อนเลย เก็บภาษีจาก capital gain

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 8:59 am
โดย Jeng
vat เป็นภาษีที่ โหดที่สุดอยู่ แล้ว คือ ร้อยชัก 7 ร้อยชัก 10 โดยไม่ต้องสนใจว่าธุรกิจ นั้นจะกำไรหรือไม่ อย่างไร

เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้น vat 10 % ก็ควรยกเลิกภาษีเงินได้นิติบุคคล ได้แล้ว

และตั้งหน้าตั้งตาเก็บ vat อย่างเดียวให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เกือบทุกบริษัทที่อยู่นอกตลาด ก็เลี่ยงภาษีกันอยู่แล้ว

ส่วนบริษัทในตลาด นอกจากเสีย vat แล้ว ยังต้องมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอีก

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:08 am
โดย สุมาอี้
ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายสาธารณะทุกตำแหน่ง หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องทำให้มีคนบางกลุ่มเสียประโยชน์ บางกลุ่มได้ประโยชน์

policy maker ที่พยายามเอาใจทุกฝ่ายเพื่อมิให้โดนด่าอาจไม่ใช่ policy maker ที่ดีก็ได้ policy maker ที่ดีต้องมองประโยชน์สุทธิของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และยอมทนให้คนที่เสียประโยชน์ส่วนหนึ่งรุมด่า

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:18 am
โดย สุมาอี้
แวตนี่มัน 10 อยู่แล้วมิใช่หรือครับ แต่ช่วงที่ผ่านมาเขาผ่อนผันให้เหลือ 7 ซึ่งก็เคยต่อเวลาเพิ่มมาแล้วครั้งหนึ่ง

เราต้องการให้รัฐคอยใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เราต้องการให้รัฐรับภาระเรื่องสวัสดิการขั้นพื้นฐานแทนเรา รัฐก็จำเป็นต้องหาเงินมา finance ในส่วนนี้

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:20 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

policy maker ที่พยายามเอาใจทุกฝ่ายเพื่อมิให้โดนด่าอาจไม่ใช่ policy maker ที่ดีก็ได้ policy maker ที่ดีต้องมองประโยชน์สุทธิของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และยอมทนให้คนที่เสียประโยชน์ส่วนหนึ่งรุมด่า
policy ที่เป็นไปได้ และสามารถทำได้จริง

ในส่วนที่ทำได้นั้น อาจจะทำได้มาก หรือว่าทำได้น้อย ก็ยังดี

policy ที่ทำได้นั้น ได้รวม คนที่ไม่เห็นด้วย คนที่รุมด่าไว้เรียบร้อยแล้ว

การมองประโยชน์ส่วนรวม เป็นเรื่องยากจะเข้าใจ เพราะทุกฝ่ายก็คิดและมองว่า ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมทั้งนั้น เช่น ทหารเข้ามา ก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆที่ไม่มีใครเชิญ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:23 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แวตนี่มัน 10 อยู่แล้วมิใช่หรือครับ แต่ช่วงที่ผ่านมาเขาผ่อนผันให้เหลือ 7 ซึ่งก็เคยต่อเวลาเพิ่มมาแล้วครั้งหนึ่ง 

เราต้องการให้รัฐคอยใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เราต้องการให้รัฐรับภาระเรื่องสวัสดิการขั้นพื้นฐานแทนเรา รัฐก็จำเป็นต้องหาเงินมา finance ในส่วนนี้
จริงครับ vat 10

แต่ policy เวลาไม่มีเงินก็ ขึ้นภาษี โดยใช้คำพูดสวยๆ ว่ายกเลิก การผ่อนผัน 555

ผมว่า แย่มากๆ

ยิ่งเศรษฐกิจ ไม่ดี ยิ่งต้องประคอง เรื่อง ภาษีไว้ อย่าไปเก็บเพิ่ม เป็น 10 %

แต่ไปเก็บให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น

จะดีกว่าครับ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:27 am
โดย lekmak333
การเก็บภาษี vat เพิ่ม

แน่นอนที่สุด นิติบุคคลต้องผลักภาระไปที่ผู้บริโภค 100% เต็ม
นิติบุคคลซื้อของ ก็ทำการคืน vat ได้

งานนี้ประชาชนคนธรรมดา รับเต็ม ถ้าประเทศเรามีคนจนมากกว่าคนรวย
เคราะห์กรรมก็ไปตกที่คนจนล้วนๆ

คนรวยก็แทบจะไม่ได้รับผลอะไร แทบไม่ได้รับผลแตกต่าง


นโยบาย เพิ่ม vat น่าจะดีในประเทศที่ ประชาชนมีรายได้อย่างมั่นคง กระจายรายได้ทั่วถึง ช่องว่างคนรวยคนจนไม่มาก

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:34 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

การเก็บภาษี vat เพิ่ม 

แน่นอนที่สุด นิติบุคคลต้องผลักภาระไปที่ผู้บริโภค 100% เต็ม 
นิติบุคคลซื้อของ ก็ทำการคืน vat ได้ 
บางกิจการ ก็ผลักไม่ได้ เพราะปัจจุบันก็แย่อยู่แล้ว จะไปผลักอย่างไร

กิจการส่วนใหญ่ 100 %
มีกำไร กันกี่เปอร์เซ็นต์
อยู่ไปเรื่อยๆ พอมีกิน กี่เปอร์เซ็นต์
กำลังจะเจ๊งกี่เปอร์เซ็นต์

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:42 am
โดย สุมาอี้
lekmak333 เขียน:การเก็บภาษี vat เพิ่ม

แน่นอนที่สุด นิติบุคคลต้องผลักภาระไปที่ผู้บริโภค 100% เต็ม
นิติบุคคลซื้อของ ก็ทำการคืน vat ได้

งานนี้ประชาชนคนธรรมดา รับเต็ม ถ้าประเทศเรามีคนจนมากกว่าคนรวย
เคราะห์กรรมก็ไปตกที่คนจนล้วนๆ

คนรวยก็แทบจะไม่ได้รับผลอะไร แทบไม่ได้รับผลแตกต่าง


นโยบาย เพิ่ม vat น่าจะดีในประเทศที่ ประชาชนมีรายได้อย่างมั่นคง กระจายรายได้ทั่วถึง ช่องว่างคนรวยคนจนไม่มาก
ถ้ามองในมุมของการกระจายรายได้อันนี้ผมไม่เถียงครับ ภาษีเป็นเรื่องของการกระจายรายได้อย่างที่ว่า  :wink:

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 9:47 am
โดย Jeng
นึกว่า จะเป็นมือเซียนมาจากไหน

สุดท้ายก็เลือกวิธี ที่แสนจะง่าย คือการเพิ่มรายได้ให้รัฐ โดยการเพิ่มภาษี โอ๊ย ไม่ต้องใครที่ไหนหรอก ถ้าทำได้แค่นี้ ให้ผมไปบริหารก็ได้ เพิ่ม 15 % เลย ไปคำนวณ ก็รู้แล้วว่าจะเก็บได้เท่าไร ในระยะสั้น ส่วนในระยะยาว ตายกันเป็นแถบๆ

การลดรายจ่าย และการใช้รายจ่ายให้เหมาะสม กับรายได้ที่มี เป็นสิ่งที่รัฐบาล พอเพียง ต้องนำมาใช้ เพราะประกาศกันจังว่า พอเพียง

สุดท้าย พอไม่พอ ก็ มารีดไถ ห่วยจริงๆ

รัฐควรหันไปเน้นการจัดการ ที่ทำให้ต้นทุนโดยรวมต่ำ

ซึ่ง รัฐก็ทำได้ดีแล้ว ในช่วงรัฐบาลก่อน ไม่ว่า จะเป็นการทำบัตรประชาชน และหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ก็จัดการได้อย่างรวดเร็ว ไมยืดเยื้อ ซ้ำซ้อน

เงินภาษี 1.36 ล้านๆ ถ้าเก็บได้น้อย หรือมีแนวโน้มเก็บได้น้อย แสดงว่า เศรษฐกิจไม่ดี

รัฐไม่ควรเห็นแก่ตัว ในเมื่อกิจการต่างๆ ค้าขายไม่ดี มีภาษีมาจ่ายน้อยๆ ด้วยนโยบาย พอเพียงของท่าน

ท่านก็ต้องรับผิดชอบ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 10:01 am
โดย สุมาอี้
ทุกรัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารประเทศย่อมเลือกที่จะใช้จ่ายให้มากๆ เก็บภาษีให้น้อยๆ ในยุคของตัวเอง เพราะภาระที่เกิดขึ้นสามารถ postpone ไปให้รัฐบาลในยุคต่อไปแก้ปัญหาได้ นี่เป็นกลยุทธ์เด่น

รัฐบาลที่เข้ามาพื้นฟูฐานะทางการคลังของรัฐบาล ผมสรรเสริญนะ เพราะเขามีทางเลือกที่จะใช้จ่ายมากๆ แล้วผลักภาระให้รัฐบาลไปแก้ปัญหาเอาก็ได้ แต่เขาไม่ได้ทำ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 10:22 am
โดย akekarat
รัฐบอกเงินน้อย ต้องหาเงินมากขึ้น แต่มีมากพอสำหรับงบลับ ที่ไม่รู้ที่ไป

ข้าราชการบอก งบได้มา ต้องใช้ให้หมด เดี๋ยวโดนตัดงบ เลยต้องไปดูงานต่างประเทศ

สรุปก็คือ ระบบบริหารและราชการของประเทศไทย เจริญไม่ทันยุคสมัย นั่นเอง

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 10:30 am
โดย ปรัชญา
ปกติมัน10  ที่ผ่านมาเก็บ7
เพราะนโยบายประชานิยม  นรกทักสินครับอิอิ

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 10:59 am
โดย freemindd
มาคอนเฟิร์มคุณ lekmak333 ทุกประการครับ
"การเก็บภาษี vat เพิ่ม

แน่นอนที่สุด นิติบุคคลต้องผลักภาระไปที่ผู้บริโภค 100% เต็ม
นิติบุคคลซื้อของ ก็ทำการคืน vat ได้

งานนี้ประชาชนคนธรรมดา รับเต็ม ถ้าประเทศเรามีคนจนมากกว่าคนรวย
เคราะห์กรรมก็ไปตกที่คนจนล้วนๆ

คนรวยก็แทบจะไม่ได้รับผลอะไร แทบไม่ได้รับผลแตกต่าง


นโยบาย เพิ่ม vat น่าจะดีในประเทศที่ ประชาชนมีรายได้อย่างมั่นคง กระจายรายได้ทั่วถึง ช่องว่างคนรวยคนจนไม่มาก"

เสริมอีกนิดว่า ของจำเป็นอย่างเช่น ข้าว เกลือ น้ำตาล น้ำปลา แชมพู สบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ   คนจนใช้ต่อคนเท่าคนรวย  ฉะนั้นเมื่อคิด VAT ที่รวมอยู่ในราคาแล้ว ถือว่า

คนจนเสีย VAT ต่อ 1 คน ใน % ต่อรายได้ ที่สูงกว่าคนรวย

เพราะฉะนั้นนี่คือภาษีที่เก็บจากคนจนมากกว่าคนรวยอย่างแท้จริง

สะท้อนชัดว่ารัฐบาลนี้คือตัวแทนของคนรวย หลายท่านในนี้น่าจะชอบกันนะครับ  หึหึ  แต่ดูมาตรการเศรษฐกิจทั้งหลายที่ผ่านมา ชอบกันลงหรือเปล่า ?!?

และด้วยการที่ไม่ยึดโยงกับเสียงประชาชน จึงไม่แคร์จนคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะคนจนนั้นเสียงเบาแผ่วอ่อนแรงเสมอ  

แบบนี้แย่ไม่ต่างกับเวลาที่พรรคการเมืองตัดสินใจอะไรๆตามผลประโยชน์ของกลุ่มทุนนายทุนพรรค  

จะแย่กว่าด้วยซ้ำตรงที่ไม่ต้องสนใจให้ ประชา มา นิยม เลย

ฉลองภพ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 11:26 am
โดย jaychou
ผมมาแย้งในสองประเด็นครับ

1. ภาษีที่รัฐก่อนเก็บจากคนจนเยอะมากคือ "หวย" ครับ รัฐบาลนี้ลดการจัดเก็บไปเยอะแล้ว โดนคนจนบ่นกันถ้วนหน้า ผมแนะนำให้จัดโปรโมชั่น เอาสลิป VAT เขียนชื่อไปชิงรางวัล เหมือนที่เคยจัดมา คงพอแก้ขัดเบาบรรเทาเสียงด่าไปได้บ้าง

ก็นับมูลค่า VAT เทียบเท่ากับเงินแทงหวยบนดินเลยเป็นไงครับ มันก็เท่าๆกันอยู่แล้ว จ่ายมากก็ถือว่าแทงมาก คนไทยเสียตังไม่ว่าครับ ขอให้มีลุ้นความรวย เชื่อผมเหอะ

2. น้ำปลา เกลือ...คนรวยใช้น้อยกว่าคนจนครับ เพราะเค็มอยู่แล้ว

ผมว่านะ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 12, 2007 11:49 am
โดย path2544
งง กันเรื่อง Vat หรือเปล่าครับ ผมว่านะ

เก็บ Vat เพิ่มหรือไม่นั้น สินค้า ตาม Super ไม่ได้มีราคาเพิ่มขึ้นนะครับ เพราะราคาที่ติดไว้นั้นมันรวม Vat ในตัวแล้ว เช่น มา่ม่า ซองละ 5 บาท มันรวม Vat ไว้แล้ว (ลองดูในใบเสร็จรับเงินตาม Super นะครับ) และสินค้าพวกนี้เป็นสินค้าควบคุม การขึ้นราคาทำได้ยากครับ

ส่วนที่จะมีผลให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มจริงๆๆ คือ การซื้อ สินค้าฟุ่มเฟื่อย เช่น การไปกินข้าวตามร้านอาหาร ซึ่งจะบวก Vat ที่หลัง (จากราคาขาย) การซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ที่เอาใบเสร็จ ไปลงเป็นค่าใช้จ่าย และที่กระทบมาที่สุดคือ ค่าโทรศัพท์มือถือ พวกนี้ครับ ซึ่งมันก็คือสินค้าฟุ่มเฟื่อยครับ

อันนี้ผมพูดเท่าที่ผมพอรู้นะครับ หากผิดก็ขอโทษครับ