Thai VI

เท่าที่หาข้อมูลมา BAFS มีความเสี่ยงในเรื่องเกี่ยวกับอัตตราแลกเปลี่ยน และเรื่องกำหนดการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ นอกจาก2ข้อนี้แล้วยังมีอะไรอีกบ้างครับ

ผมฟังมาจากเพื่อนอีกทีนะครับ
เป็นข้อที่คนอาจจะคิดไม่ถึง
คู่แข่งของ BASF คือ
แหล่งเติมน้ำมันที่สนามบินสิงคโปร์
แหล่งเติดน้ำมันที่สนามบินฮ่องกง

ถ้าเขาทำได้ดีกว่า เครื่องบินที่ผ่านสนามบินดังกล่าว
ก่อนหรือหลังที่จะแวะมาประเทศไทย สามารถใช้บริการที่นั่นได้
คุณ tk ว่าน่าสนใจไหมละ

จำได้เลาๆ ว่า ตอนนี้ราคาน้ำมันที่ bafs ขาย เป็นราคาที่ถูกมาก เปรียบเทียบกับท่าอากาศยานประเทศอื่นๆ แต่ไกล้เคียงกับ สิงคโปร์ ฟิลิปปินน์?

ที่สามารถตั้งราคาต่ำได้เพราะ ได้ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้ว ที่สนามบินดอนเมือง
แต่ข้อได้เปรียบนี้กำลังหมดไป เพราะหากย้ายไปสุวรรณภูมิ
ซึ่งต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก และจะทำให้ราคาน้ำมันที่ขาย สูงขึ้นไปด้วยครับ สูงกว่าสิงคโปร์ และอีกหลายประเทศ.....

โดยที่ลูกค้าที่เป็นสายการบินต่างประเทศอาจจะลดลง เพราะไปเติมที่สนามบินอื่นถูกกว่า ยกเว้นการบินไทย และสายการบินภายในประเทศ ที่ยังต้องใช้บริการ เพราะไม่มีทางเลือก...

ดูรายการระหว่างกันใน56-1 ของ THAIแล้วงง ทำไม THAI ซื้อน้ำมัน
บางจาก และ ปตท มากกว่า ของ BAFS ครับ พอดีหัดดู56-1อยู่
รบกวนพี่ๆด้วยครับ

thanwa เขียน:ผมฟังมาจากเพื่อนอีกทีนะครับ
เป็นข้อที่คนอาจจะคิดไม่ถึง
คู่แข่งของ BASF คือ
แหล่งเติมน้ำมันที่สนามบินสิงคโปร์
แหล่งเติดน้ำมันที่สนามบินฮ่องกง

ถ้าเขาทำได้ดีกว่า เครื่องบินที่ผ่านสนามบินดังกล่าว
ก่อนหรือหลังที่จะแวะมาประเทศไทย สามารถใช้บริการที่นั่นได้
คุณ tk ว่าน่าสนใจไหมละ

พี่ธันวาครับ
ผมดูใน 56-1 แล้วเท่าที่จำได้ ราคาค่าบริการ (รวมค่าใช้สนามบิน) ไทยสูสีกะสิงคโปร์ แต่ของฮ่องกงแพงที่สุด

ที่ผมสนใจเพราะ
1. low cost airline น่าจะส่งผลดีต่อ BAFS
2. คุณทักษิณจะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน ผมว่าท่านทำได้นะ
3. ระบบเติมน้ำมันมีส่วนสำคัญหลักๆอยู่3ส่วนคือ คลังน้ำมัน ท่อส่ง และระบบเติมน้ำมัน ซึ่ง BAFS ค่อนข้างผูกขาดกับ 2 ระบบแรก และมีส่วนอยู่ประมาณ50% ของระบบเติมน้ำมัน (คาดว่าจะมีแค่2เจ้า)

ไม่ทราบท่านอื่นๆคิดอย่างไร
ขอบคุณสำหรับคำถามครับพี่ธันวา

การเติมน้ำมันมากต่อเที่ยวทำไห้สิ้นเปลืองมากขึ้นเพราะน้ำหนักมากขึ้น ก็คงขึ้นอยู่กับส่วนต่างของราคาระหว่างประเทศ

BAFS ให้บริการคลังและท่อ น้ำมันในคลังอาจเป็นของ PTT Shell หรือ อะไรก็ได้ครับ พวกผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ก็เป็นผู้ถือหุ้นของ BAFS

BAFS ดูไปดูมา ยิ่งดูยิ่งน่าสนใจ เป็นธุรกิจกึ่งผูกขาด ทำในสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญ ไม่ออกนอกแนวที่ตัวเองถนัด ผมมีปัญหาเล็กน้อยเรื่องราคา สงสัยคนยังนิยมอยู่ อาจจะรอให้คนรู้สึกเบื่อหุ้นกอนมั้ง

คุ้นๆ ว่าลุงขวดเคยโพสต์ว่าสนใจอยู่ ไม่ทราบลุงขวดหรือท่านอื่นๆ มีข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันกับสิงคโปร์/ฮ่องกงไหมครับ

ทดสอบ ทดสอบ การโพสต์

นับเป็นหุ้นที่ดีที่ถูกลืมจริงๆครับ
หลายคนเข้าใจผิดว่า bafs ขายน้ำมัน
แท้จริงแล้วเค้าขายการบริการเติมน้ำมัน
ลูกค้าก็คือบริษัทซึ่งขายน้ำมันให้สายการบิน
ราคาเสนอบริการคิดเป็น $us ต่อ แกลลอน
ถ้าแปลงเป็นบบาทจะเคร่าๆที่ ๒๕ สตางค์ต่อลิตร
จากกรุงเทพไปยุโรปต้องเติมประมาณ 1.8 แสนลิตร
คิดค่าบริการก็ตกราวสี่หมื่นห้าพันบาท ไม่น้อยเลย!!

ถามว่าหุ้นตัวนี้น่าสนใจตรงไหน
จากมติกรรมการที่ให้มีการปรับราคาขึ้นอีก 10% เมื่อเดือนที่แล้ว
ซึ่งคงส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายปรับตัวดีขึ้น
ยิ่งดูจากอัตราเที่ยวบินกว่าเก้าพันเที่ยวเดือนที่แล้วและแนวโน้ม
ที่จะเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ซึ่งเป็นช่วงพีค คงทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี

อนาคตฝากไว้กับอะไร
แน่นอนกระแส low cost air คงช่วยผลักดันได้
จากการประเมินคร่าวๆจะมีเที่ยวบินลักษณะนี้เข้าสู่ระบบ
ประมาณวันละ 40 เที่ยวบิน เดือนนึงก็ตก 1200 เที่ยว

การเปิดเส้นทางการบินใหม่ในลักษณะเปิดเสรีการบิน
รวมทั้งการเปิด fta จะทำให้เกิดการขนถ่ายสินค้าทางอากาศมากขึ้น
และเมื่อรวมกับตัวเลขการเช่าเหมาลำที่มีการขอบินเข้ามา
ผมคาดว่าจะทำให้มีเที่ยวบินจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

ปัจจุบัน bafs ได้ขยายการบริการออกสู่ภูมิภาค จากเดิมที่สมุย,
สุโขทัย และกำลังจะขยายเป็นจุดอื่นๆเช่นเชียงใหม่ ภูเก็ต และ
สนามบินอื่นๆที่มีศักยภาพและกำลังจะเป็นศูนย์กลางการบิน

จากตัวเลขข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าตัวเลขการดำเนินงานในปีหน้า
คงจะเติบโตได้ประมาณ ๓๐ % ซึ่งไม่น่าจะเกินเลยนักและเมื่อ
เหลียวมองงบกำไรขาดทุนของบริษัทนี้ จะเห็นว่าอัตรากำไรจะ
ก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น เพราะต้นทุนส่วนใหญ่
ก็มีเฉพาะค่าแรงที่เป็นต้นทุนคงที่แทบจะไม่มีต้นทุนแปรผันเลย

ขอให้ทุกท่านที่มีหุ้นโชคดี รอวันที่คนส่วนใหญ่เห็นคุณค่าหุ้นตัวนี้

ช่วยคอนเฟริมเรื่องธุรกรรมของBafs ที่เชียงใหม่กับภูเก็ตด้วยครับคุณGuest เพราะผมเข้าใจว่าไม่มี ต่างจังหวัดมีที่สุโขทัยกับสมุยเท่านั้นครับ และแนวโน้มรายได้อนาคตอาจถูกกดดันจากกลุ่มธุรกิจของผู้นำประเทศ

ผมสนใจหุ้นตัวนี้อยู่เหมือนกัน เพราะเป็นการให้บริการเติมน้ำมัน ซึ่งไม่มีคำว่าขาดทุนแน่นอน ระดับราคาอยากได้แถว ต่ำกว่า 12 บาท ตอนนี้ไม่มีเลยครับ.... หุ้นดี ดี ของ สถาบัน และ ต่างชาติ ผมไม่ค่อยได้มีกับเขา เพราะ แพ้ ทางกันทุกที...........ที่สะสมและมั่นใจ ก็ไม่ใช่หุ้นสถาบันกับต่างชาติเลย เพราะ market cap ไม่ถึง 3 พันล้าน เขาไม่สนใจเท่าไหร่....ตอนนี้หุ้นที่ถือก็ไม่ขึ้นกับเขา (ถึงแม้ดัชนีจะเพิ่มขึ้น)รอไว้รับปันผลเท่านั้นเอง.....

เคยไปฟัง เขาพูดเรื่อง bafs จำได้ว่า ราคาน้ำมันทางดอนเมืองจะเสียเปรียบสิงค์โปร์และฮ่องกง เมื่อไหร่ที่ราคาน้ำมันของเราถูกกว่า เขาก็คงมาเติมกันที่นี่ ทาง bafs ก็จะได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น

ตอนนี้ที่ผมอยากรู้ที่สุดเลยคือ เวลาบินทุกครั้งเค้าจะเติมน้ำมันทุกครั้งหรือเปล่า หรือเติมทีเดียว แล้วบินจนหมด แล้วค่อยเติมใหม่
ซึ่งอันนี้เป็นจุดสำคัญมากกว่า นโยบายการเติมน้ำมันมันคงมีข้อกำหนดในคู่มือการบินอยู่มังครับ ว่าควรเติมมากน้อยแค่ไหน เช่นเติมให้พอใช้เท่านั้น เติมเผื่อทีเดียวโดยไม่เติมอีกจนกว่าจะหมด ถ้าเติมให้พอใช้เท่านั้นก็ไม่ต้องคำนึงถึงค่าน้ำมันของแต่ละสนามบินหรอกครับ แต่ถ้ามีการเติมเผื่อนี่อาจต้องคิดไว้หน่อย

แต่ในใจคิดนะ ว่าคงเติมแค่พอใช้เท่านั้น ไม่งั้นเค้าจะเปิดบริการเติมน้ำมันในต่างจังหวัดทำไม บินไป แล้วก็กลับมาเติมกทม ไม่ดีกว่าหรือ

เดานะครับ

พอดู Bafs แล้วหันไปมอง PTT โอโห อะไรจะขนาดนี้ 150 บาทแล้ว

T เขียน:แต่ในใจคิดนะ ว่าคงเติมแค่พอใช้เท่านั้น ไม่งั้นเค้าจะเปิดบริการเติมน้ำมันในต่างจังหวัดทำไม บินไป แล้วก็กลับมาเติมกทม ไม่ดีกว่าหรือ

เดานะครับ

เอ็นจิเนียร์เค้าคงคำนวณไว้เลยครับว่าเติมแค่ไหนคุ้มสุด ถ้าเติมเต็มถัง
แต่บินแค่ 3 ชั่วโมงคงไม่คุ้มครับ เพราะต้องแบกน้ำหนัก จะทำให้เปลือง
มาก

เคยได้ยินว่า ตามกฎต้องเติมให้พอบินวนได้ 2-3 ชั่วโมงเมื่อถึงที่หมาย
ครับ และได้ยินมาอีกว่า ถ้าเครื่องบินน้ำมันมากเกินไป ไม่ควรเสี่ยงลง
จอดครับ เช่นถ้าออกจากกรุงเทพจะไปยุโรปแล้วเกิดเครื่องมีปัญหาต้อง
ลง เขาจะต้องบินวนสัก 3 ชั่วโมงเพื่อเผาน้ำมันไปก่อน

เพราะฉะนั้นรวมๆแล้วน่าจะมีช่องว่างให้สามารถเติมมากหรือน้อยตาม
yield ที่ดีที่สุดครับ (เช่นถ้าสนามบินนี้น้ำมันแพง ก็เติมที่สนามบินที่
ถูกกว่ามากหน่อย)

ปกติจะเติมเท่าที่จำเป็น
เพราะถ้าเติมมากไปเกินความจำเป็นก็จะทำให้เครื่องบินหนักสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน
ตามความจำเป็นก็คือ เพียงพอไปยังจุดหมายปลายทาง + alternate สนามบิน (ถ้าสนามบินจุดหมายปลายทางลงไม่ได้)
+ fixed reserve 30 นาที + variable reserve 10%

ข้างบนนี้เป็นที่ผมไปถามมาครับ สรุปว่าจะเติมเท่าที่จำเป็น ครับ สายการบินเค้าคำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าครับ

ถ้าแนวโน้มที่ว่าเงินบาทจะเข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ US$ เป็นจริง ก็จะมีผลเสียกับ BAFS พอสมควรนะครับ

เห็นด้วยครับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในระยะยาวแล้วดีแน่ครับเพราะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การโปรโมตการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง lowcost airline

ช่วงนี้อาจจะได้เก็บเพิ่มแล้วนะครับ เพิ่งเจอข่าว new sars case ที่เมืองจีนระยะสั้น ๆ นี้คงอ่อนตัวครับ แต่ถ้ามีการระบาดหละก้อ ผมขายก่อนหละ แล้วค่อยไปรับใหม่ :lol:

วันนี้วันวิ่งแปลกมาก ๆ เลย ปกติจะไม่ไปไหน วันนี้เปิดดูอ้าวไปซะแล้ว ว่าจะรอต่ำกว่า 12 นะเนี่ย แต่สงสัยต้องซื้อแพงแล้วมั้งงานนี้