Thai VI

ที่      0110/2550

                                         วันที่    14 กุมภาพันธ์ 2550

เรียน   กรรมการและผู้จัดการ
      ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เรื่อง   ชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานตามงบกำไรขาดทุนเกินกว่าร้อยละ 20 ของ
กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2549

     ตามที่บริษัทฯได้ปรากฎผลการดำเนินงานของงบกำไรขาดทุน สำหรับงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 72.25 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิสำหรับงวด
บัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 45.49 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ
เพิ่มขึ้นเท่ากับ 26.76 ล้านบาทหรือร้อยละ 58.82 ซึ่งมากกว่าร้อยละ20 นั้นบริษัทฯ
ขอชี้แจงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือ
     เนื่องจากการลดอัตราภาษีตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับที่ 387 พ.ศ.2544
ได้หมดอายุลงเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2549 บริษัทได้ปรับปรุงภาษีเงินได้และสินทรัพย์ภาษีเงินได้
รอการตัดบัญชีโดยวัดมูลค่าสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีและหนี้สินภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
ด้วยอัตราภาษีที่คาดว่าจะต้องใช้ในงวดที่กิจการจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์หรือจะต้องจ่ายชำระ
หนี้สินโดยใช้อัตราภาษีและกฎหมายภาษีอากรที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 ธันวาคม 2549
คือเท่ากับร้อยละ 30 ดังนั้น บริษัทได้บันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน
ประมาณ 33.6 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลงจำนวนเงินประมาณ 33.6 ล้านบาท

      จึงเรียนมาเพื่อทราบ


                                   ขอแสดงความนับถือ

                                (นายเกริกชัย  ศิริภักดี)
                                   กรรมการผู้จัดการ

โดยใช้อัตราภาษีและกฎหมายภาษีอากรที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 31 ธันวาคม 2549
คือเท่ากับร้อยละ 30 ดังนั้น บริษัทได้บันทึกสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน
ประมาณ 33.6 ล้านบาท

nowkung เขียน:
มันงงตรงนี้ครับ
ดูเหมือนว่าจะเสียภาษีมากขึ้นกว่าเดิมจาก 25% เป็น 30%
แต่กลายเป็นว่าได้ภาษีคืน