Thai VI

ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่จริง

พูดถึงเรื่องทุนนิยมที่เป็น "กระแสโลก" ครับ

ว่าใครๆที่อยากจะต่อต้านทุนนิยม  แม้จะมีโอกาสทองที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านได้ง่ายๆ แม้ทุนนิยมโดยตัวมันเองจะมีข้อเสียอยู่เยอะ  แต่มันก็เป็นกระแสที่เลวน้อยกว่าระบบอื่นๆ  ระบบอื่นอาจจะมีส่วนดีก็จริง  แต่โดยรวมก็มีส่วนที่แย่เช่นเดียวกันถ้าพิจารณาด้วยใจเป็นกลาง  เรื่องนี้ก็หนีไม่พ้นแม้ในเมืองไทยเองก็ตาม

ผมนึกถึงทฤษฎี "อนาคตประวัติศาสตร์" ของ ฮาริ เซลดอน

เขาทำนายกระแสของจักรวาลไว้ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำเป็นร้อยๆปี  ว่าถ้ากระแสโลกเป็นอย่างนั้น  บุคคลหนึ่งบุคลใดหรือกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดไม่สามารถจะไปเปลี่ยนกระแสได้ง่ายๆ  เพราะกระแสจักวาลมันเป็นอย่างนั้น  ที่บุคคลใดต่อต้านได้ก็จะทำได้แค่ระยะสั้นๆเท่านั้นเอง  เหมือนคลื่นเล็กๆที่อาจจะแปรเปลี่ยนไปได้บ้างในกลุ่มคลื่นขนาดใหญ่  ไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญแต่อย่างไร  เพราะมันมีพลังที่มองไม่เห็นกดดันและบีบบังคับอยู่ในตัว (อ่านรายละเอียดได้ใน "สถาบันสถาปนา")

รัฐบาลไทยและแบ็งค์ชาติพยายามเหลือเกินที่จะใส่ตัวแปรใหม่ๆลงไปในระบบเศรฐกิจไทย  แม้หนทางนั้นจะสุ่มเสี่ยงเพียงใด  จะเกิดความเสียหายมากมายเพียงใด  ก็ยังดันทุรังเข้าทำนอง ข้าเก่งกว่าใคร  ข้าดีกว่าใคร

แต่สุดท้ายก็มีพลังที่มองเห็นและอีกมากมายที่มองไม่เห็นกดดันให้กลับไปอยู่ในกระแสโลกเหมือนเดิม

หลักฐานคือ  การยกเลิกมาตรการแดดเดียวต่างๆ  
หลักฐานคือ  การกลับมาให้ความสำคัญกับตลาดหลักทรัพย์
หลักฐานคือ  การกลับมาให้ความสำคัญกับนักเล่นหุ้น  

หลังจากที่เคยมองนักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์เป็นเพียงภาพมายา  เป็นเชื้อชั่วที่คอยกัดกินระบบคุณธรรมและจริยธรรมที่กล่าวอ้าง

วันนี้ หม่อมอุ๋ย  ออกมาบอกว่า  เป้าหมายของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้อยู่ที่ 750 จุด (ฮา)  บอกทำไม  ชี้นำทำไม (ฮา)

ไม่สำคัญว่าหม่อมอุ๋ยจะทายถูกหรือทายผิด  ตลาดอาจจะไป 800 หรือร่วงลงมา 500 ก็ตาม

แต่สำคัญว่า  พลังที่มองไม่เห็น  ได้ทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอมา (ฮา)

คนที่เคยเห็นผิดไปแล้ว แล้วกล้ากลับลำ เราไม่ถือว่าเป็นคนโลเล แต่เราถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นแก่ทิฐิมานะส่วนตัว ผู้นำน้อยคนนักที่จะทำได้ ครานี้ขอตบมือให้ก็ละกันนะครับ  

แหมแต่ก็ไม่ต้องกลับลำถึงขนาดหันมาเชียร์หุ้นด้วย อันนี้ถือว่าไม่พอเพียง  :roll:

เป็นศัพท์ใหม่ของผมครับ "พลังที่มองไม่เห็น"
เดาว่าคงไม่ใช่ "พลังเงียบ" มังครับ

ยังไงต้องขอเวลาพิสูจน์ผลสักระยะล่ะครับ ว่าพลังที่ว่าเป็น invisible force หรือ blind power กันแน่

ชี้นำดัชนีด้วย 750 ไปเลย โลด

คนที่เคยเห็นผิดไปแล้ว แล้วกล้ากลับลำ เราไม่ถือว่าเป็นคนโลเล แต่เราถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นแก่ทิฐิมานะส่วนตัว ผู้นำน้อยคนนักที่จะทำได้ ครานี้ขอตบมือให้ก็ละกันนะครับ

ถ้ากลับใจเองก็น่าชื่นชม

แต่ถ้าจำใจทำเพราะโดนบีบ  น่าชื่นชม...????...

ความคิดส่วนตัวผม คิดว่าไม่ใช่กลับใจได้มั้งครับ ผมว่าโดนบีบ+ไม่มีทางเลือกแล้วมากกว่า - -"

ถ้าให้พูดจากใจจริง ผมชอบทุนนิยมมากกว่า เศษรฐกิจพอเพียง ที่ไทยเรากำลังทำในขณะนี้

ไม่ใช่ว่า มองเศษรฐกิจพอเพียงไม่ดีน่ะครับ แต่ทำไมมันต้องมากับการถูกครอบงำ จำกัดสิทธิ์ ในหลายๆเรื่อง  

ผมคิดว่าแนวความคิดแบบเสรี ดีที่สุดแล้ว เป็นการเร่งให้คนพัฒนาศักยภาพตัวเองอยู่ตลอด

ไม่ว่าระบบไหนก็ตาม ประวัติศาสตร์ ก็ได้บอกไว้อย่างดีแล้ว ไม่สามารถบล็อก ความทะเยอทะยาน ความต้องการ กิเลสที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์ได้  :roll:

[quote="สุมาอี้"]คนที่เคยเห็นผิดไปแล้ว แล้วกล้ากลับลำ เราไม่ถือว่าเป็นคนโลเล แต่เราถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ไม่เห็นแก่ทิฐิมานะส่วนตัว ผู้นำน้อยคนนักที่จะทำได้ ครานี้ขอตบมือให้ก็ละกันนะครับ

[quote="lekmak333"]ถ้าให้พูดจากใจจริง ผมชอบทุนนิยมมากกว่า เศษรฐกิจพอเพียง ที่ไทยเรากำลังทำในขณะนี้

ไม่ใช่ว่า มองเศษรฐกิจพอเพียงไม่ดีน่ะครับ แต่ทำไมมันต้องมากับการถูกครอบงำ จำกัดสิทธิ์ ในหลายๆเรื่อง

นึกถึง "มือที่มองไม่เห็น"

         ธรรมชาติจะจัด" ความสมดุล"

อยากจะพูด แต่ไม่ดีกว่า ....... เด๋วจะแรงไป

ว่างๆจะเขียนเป็นกลอนก็แล้วกัน

นึกว่า force ของ jedi  8)

ผมยังเชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยนั้นดีเยี่ยม คงร่วงได้ยาก สังเหตุได้จากหุ้นแนว VI ยังมีมากมายในตลาด และแม้ที่ผ่านมาตลาดจะโดนกระแสตอกย้ำซ้ำเติมแค่ไหน ทั้งเตะทั้งศอกทั้งเข่า ทั้งก้านคอ (โดยหม่อม) ตลาดก็ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ไม่ยาก เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาน่าจะเป็นข้อพิสูจน์ได้พอสมควรว่าตลาดบ้านเราเป็นประเภท มวยอึดน็อกยาก ไปแล้ว

 

สุมาอี้ wrote

เอ๊ะ แนวคิดเราไปกันได้แหะ ผมชอบทุนนิยมมากกว่าระบบใดๆ ก็ตรงที่ เป็นระบอบเดียวที่ให้เสรีภาพในระดับปัจเจกนี่แหละ ไม่ใช่เป็นเพราะผมหลงไหลในวัตถุ

เอ๊ะ แนวคิดเราก็ไปกันได้แหะ ผมเองก็ชอบทุนนิยมมากกว่าระบบใดๆ ก็ตรงที่ เป็นระบอบเดียวที่ให้เสรีภาพในระดับปัจเจกนี่แหละ ไม่ใช่เป็นเพราะผมหลงไหลในวัตถุเช่นกัน  

อิอิ  อย่างน้อยก็มีสามคนแล้วล่ะ

เราเองก็เชียร์ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี แต่ในแง่ของรัฐ ต้องจัดให้มีสวัสดิการแก่ประชาชน และให้โอกาสและความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ทุนนิยมแบบอิงอำนาจรัฐ หาประโยชน์ให้ชนชั้นนำโดยไม่คิดถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศ
อย่าลืมว่าหม่อมอุ๋ยเป็นตัวแทนของกลุ่มทุนเก่าที่เสียประโยชน์จากพลังทุนสื่อสารและทุนรวยด้วยหุ้นของนายทุนใหม่อย่างทักษิณ
สำหรับหม่อมอุ๋ย ถ้าเป็นทุนนิยมที่กลุ่มแกได้ประโยชน์ รับได้ แต่ถ้าจะมีกลุ่มอื่น หรือคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ประโยชน์ ฮึๆๆๆๆๆๆ

นี่ขนาดเจอแค่พลังที่มองเห็นได้ง่ายๆอย่างเช่น หอการค้าฝรั่ง หอการค้าญี่ปุ่นหม่อมยังดิ้นต่อไม่ไหว

ยังไม่ได้เจอพลังที่เห็นรางๆจากคนที่เขาไม่มี ไม่มีคือไม่มี แต่บังคับให้เขามีพอเพียง  ทำเหมือนกับเขามีเหลือเฟือเหมือนท่านๆทั้งหลาย  กลุ่มนี้มีขนาดมหึมาเลยทีเดียวเพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศและของโลก  ซึ่งได้แก่ คนชั้นล่างมาถึงคนชั้นกลางๆ

ส่วนพลังที่มองไม่เห็นนั้นยิ่งใหญ่กว่านี้อีก และสู้รบปรบมือได้ยาก เพราะมองไม่เห็น แต่มีตัวตนอยู่จริง และผมเดาว่าพลังนี้แฝงอยู่ใน DNA ของมนุษยชาติที่เราเรียกว่า  homosapians นี่เลยทีเดียว

ถ้าการแก้ปัญหาของโลกเราทำได้ง่ายๆแค่บอกให้ทุกคนทำความดี  ป่านนี้โลกเราคงไม่มีคนชั่ว

Glad to know there are some fan for The Foundation. It's such a fasinating story.

More detail
สถาบันสถาปนา

สามัญชน เขียน:ถ้าการแก้ปัญหาของโลกเราทำได้ง่ายๆแค่บอกให้ทุกคนทำความดี  ป่านนี้โลกเราคงไม่มีคนชั่ว

   
_________________
จงอย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น

ครั้งนี้ชอบ คุณสามัญชน  ผมก็คนหนึ่งที่เบื่ออะไรๆที่มันเทวดาไปหน่อย

ซื้อหนังสือแปลมาเล่มนึง สนุกดีค่ะ
(แต่ยังอ่านไม่จบ มัวห่วงอ่านนวนิยายอยู่  อิอิ)

The World Is Flat ใครว่าโลกกลม

เพิ่งอ่านได้แค่ 50 หน้า แต่ชอบเลย

โลกสมัยนี้เร็วมาก ถ้าเราไม่ทันได้นึกถึง ก็อาจจะไม่รู้สึกว่า มันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากจริงๆ




พี่ไทยเรานี่ ต้องควบแล้วล่ะ แค่วิ่งตามอย่างเดียวสงสัยไม่ทันการ

เอ้า...บึ๊ดจ้ำบึ๊ดด

:lol:

เอ๊ะ แนวคิดเราก็ไปกันได้แหะ ผมเองก็ชอบทุนนิยมมากกว่าระบบใดๆ ก็ตรงที่ เป็นระบอบเดียวที่ให้เสรีภาพในระดับปัจเจกนี่แหละ ไม่ใช่เป็นเพราะผมหลงไหลในวัตถุเช่นกัน  

อิอิ  อย่างน้อยก็มีสามคนแล้วล่ะ

ขอผมอีก 1 คนละกัน

ใครก็ตามที่โดนบีบง่ายๆ แสดงว่าอ่อนแอครับ

สามัญชน เขียน:

ถ้ากลับใจเองก็น่าชื่นชม

แต่ถ้าจำใจทำเพราะโดนบีบ

[quote="007-s"]ซื้อหนังสือแปลมาเล่มนึง สนุกดีค่ะ
(แต่ยังอ่านไม่จบ มัวห่วงอ่านนวนิยายอยู่

ถ้าให้ผมเลือกระบบเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยเพียงระบบเดียวจากระบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผมก็เลือกทุนนิยม

คนว่ากันว่าทุนนิยม ทำให้เงินมีอำนาจ เงินซื้อได้ทุกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดี  แต่ผมมองว่า อำนาจเงินมีทั้งดีและไม่ดี ขึ้นกับคนที่ใช้  เราเอาเงินไปผูกกับความไม่ดี  ทำให้คนรู้สึกว่าถ้าจะเป็นคนดีเราไม่ควรต้องการเงิน  เงินจำนวนมากส่วนหนึ่งก็ไหลไปอยู่กับคนไม่ดี  ซึ่งก็นำไปใช้ในทางที่ไม่ดี  ทำให้เงินเสียชื่อเสียงต่อไปอีก  เป็นวงจรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

คนในโลกผลิตสิ่งต่างๆขึ้นทุกวัน ทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ (เอาวัตถุดิบมาจากสิ่งแวดล้อม)  สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตนี้ ก็จะถูกจัดสรรไปสู่คนแต่ละคน โดยมีบางส่วนกลับไปสู่สิ่งแวดล้อม  ถ้ามองเพื่อให้เข้าใจง่ายๆว่ามีคนอยู่สองกลุ่ม คนดีและไม่ดี  เมื่อคนดีมีความคิดว่าการคิดนำสินทรัพย์เหล่านี้มาเป็นของตนเป็นเรื่องไม่ดี  สินทรัพย์ส่วนใหญ่ก็จะไปตกอยู่กับคนไม่ดี  ก็จะเป็นการส่งเสริมให้คนไม่ดีมีอำนาจเงินมากขึ้น

จริงๆแล้ว เราควรที่จะสนับสนุนให้คนดีรู้จักแย่งสินทรัพย์ที่ถูกสร้างขึ้นนี้กลับมาจากคนไม่ดี แย่งโดยวิธีที่ถูกต้อง  เพื่อให้คนดีเหล่านี้สามารถใช้อำนาจเงินในทางดีได้  ถ้าคนดีไม่เอาส่วนที่ตนควรจะได้มา  สินทรัพย์นั้นก็จะตกไปอยู่กับฝ่ายตรงกันข้าม  สินทรัพย์เหล่านี้ในช่วงเวลาสั้นๆไม่อยู่ดีๆหายไปเฉยๆ

ลองคิดดูว่า ถ้ามีคนซื่อสัตย์สุจริตที่มีความสามารถเท่าๆกันสองคน คนหนึ่งมีเงิน คนหนึ่งไม่มีเงิน  ใครจะมีโอกาสที่จะทำประโยชน์ต่อสังคมได้มากกว่ากัน

ถ้าคนเรามองการแสวงหาเงินให้เป็นเหมือนการแสวงหาความรู้ การแสวงหาสุขภาพที่ดี เพื่อให้เรามีความสามารถที่จะทำประโยชน์ต่อสังคม ต่อตนเองและคนที่เรารัก ได้มากขึ้น ก็จะเป็นการดี  แต่เราก็ต้องระวังวิธีการแสวงหาเงินให้เป็นวิธีที่ถูกต้อง เช่นเดียวกันกับวิธีการแสวงหาสิ่งอื่นๆของเรา

ฟังดูแปลกๆหน่อย ต้องขออภัยครับ

ในความเหตุของผมนะครับ ผมชอบเศรษฐกิจพอเพียงครับ
คำว่าพอเพียงไม่ใช้ว่าจะไล่ตามทุนนิยมไม่ทันครับ
แต่พอเพียงที่เราจะรับกับวิวัฒนาการในอนาคตได้ทัน
พอเพียงในการที่จะตามอนาคตได้ทัน มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและความรู
นันคือทำอะไรต้องพอเพียงทั้งในอดีตและมีเหลือเพื่อไว้ในอนาคต
พอเพียงไม่ใช้ว่าจะไม่พัฒนา แต่มันคือการพัฒนาอย่างไรที่ใช้ทรัพยากร
ที่น้อยที่สุดแต่ก่อเกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งประเทศที่พัฒนานำหน้าประเทศเราไปหลายขุม แล้วใช้กัน  ถ้ามองลึกๆลงไปก็ใช้หลักการพอเพียงครับ
เพื่อให้เกิดต้นทุนต่ำสุด เช่นญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร

จริงอยู่เสรีนิยมอาจจะเป็น model ที่ดีสุดในขณะนี้ที่ทำให้เศรษฐกิจและเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้ามากที่สุดในขณะนี้ครับ

แต่เรามองมิติเดียวเกินไปรึเปล่า

ความเจริญทางจิตใจ อาจจะเติบโตได้ดีกว่าภายใต้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงนะครับ

ข้อต่อมา โลกเราทุกวันนี้กำลังไปถึงจุดจบที่ว่าทรัพยากรกำลังจะหมดโลก ภาวะโลกร้อน หลายที่อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงนี่ ไม่ใช่เพราะทุนนิยมหรือครับ

ผมว่า เศรษฐกิจพอเพียงครอบคลุมทุกมิติเพื่อความดำรงอยู่ของเราได้ดีกว่าครับ

ผมชอบทุนนิยมแบบมีรัฐสวัสดิการเป็นภูมิคุ้มกัน
อย่างใน เยอรมัน อังกฤษ ประเทศสแกนดิเนเวีย ฯลฯ
ช่วงไหนพรรคฝ่ายซ้ายชนะเลือกตั้งก็มีมากหน่อย
เช่น Democrat ใน USA, Labor ในอังกฤษ, Social Democrat ในเยอรมัน
ปีไหนพรรคฝ่ายขวาขึ้นมาก็น้อยลงหน่อย แต่ไม่สามารถไม่มีได้
เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอม

ผมชอบทุนนิยมในประเทศพวกนั้นที่เขาทำอย่างไรก็ไม่รุ้
ให้คนขุดถนน แรงงานจบวุฒิต่ำๆ ได้ค่าแรงแทบไม่ต่างกับ
คนจบปริญญาตรี เพราะทำงานหนักไม่แพ้กัน หนักกว่าด้วยซ้ำ
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็มีคุณภาพชีวิต ไม่สนใจเงินซื้อเสียง
ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็เกิด

ผมชอบแบบนี้มากกว่าเศรษฐกิจพอเพียง ที่สงเคราะห์กันเป็นรายๆไป
ไม่เป็นระบบ ไม่มีกฏหมายคุ้มครองแน่นอนครอบคลุมเท่าใดนัก

เศรษฐกิจพอเพียง   เป็นปรัชญาที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต  มีน้อย ใช้น้อย  มีมาก ใช้น้อย  ไม่ทำอะไรเกินตัว  
  การใช้ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง  สามารถใช้กับระบบทุนนิยมได้  ไม่ใช่คู่ปรปักษ์กัน  อยู่ร่วมกันได้  หมายถึง ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่สร้างหนี้ที่เกินกำลังจะหามาได้   ปรับปรุง ภาคบริการ ภาคการผลิต ให้แข่งขันในระบบเปิดเสรีกับต่างชาติได้    กำลังซื้อภายในประเทศต้องเกิดจากความมั่งคั่งของประชากร  มิใช่เกิดจากการปล่อยสินเชื่อจากภาครัฐ

ซึ่งประเทศที่พัฒนานำหน้าประเทศเราไปหลายขุม แล้วใช้กัน  ถ้ามองลึกๆลงไปก็ใช้หลักการพอเพียงครับ
เพื่อให้เกิดต้นทุนต่ำสุด เช่นญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร

แสดงว่าทั้งทุนนิยมแล้วพอเพียงอยู่ด้วยกันได้สบายๆ ...
ส่วนตัวผมชอบทุนนิยมแบบพอเพียงละกัน