ผมซื้อ NFS ครับ คิดว่าถูกกว่า TISCO
บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
Home Page
www.tiscogroup.com
โทรศัพท์: 0-2633-6000
ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่ 48/2 อาคารทิสโก้ ทาวเวอร์ ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เลขทะเบียนบริษัทเลขที่ บมจ.618
ประกอบกิจการทางด้านเงินทุนมานานกว่า 30 ปี โดยบริษัทได้ให้บริการด้านการระดมเงินออม ให้คำปรึกษาด้านการเงิน ให้เช่าซื้อ และให้สินเชื่อประเภทต่างๆ ทั้งสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อการเคหะ และสินเชื่อบุคคลเอนกประสงค์ นอกจากนี้ บริษัทมีกลุ่มบริษัทในเครือซึ่งประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจจัดการกองทุน ธุรกิจเช่าซื้อ และ อื่นๆ
นอกจากนี้บริษัทยังคงยึดมั่นในมาตรฐานสูงสุดแห่งจรรยาบรรณวิชาชีพที่บริษัทได้ดำรงรักษามาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ซึ่งส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัล ผู้ปฏิบัติอันเป็นเลิศเชิงบรรษัทภิบาลในสาขาสถาบันการเงิน และ รางวัลคณะกรรมการตรวจสอบห่งปี 2544 ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้ตรวจสอบภายในแห่งประเทศไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย โดยได้รับความสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ Asian Corporate Governance Association
แม้ว่าจะมีการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ ในปี 2545 การแข่งขันของสินเชื่ออุปโภคบริโภคได้ทวีความรุนแรงขึ้นคงเป็นไปอย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของเช่าซื้อรถยนต์ ในขณะที่ยอดขายรถยนต์รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 49
ในส่วนของธุรกิจหลักทรัพย์ แม้ข้อกำหนดเรื่องค่านายหน้าขั้นต่ำ (Minimum fee regulation) จะทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้น บริษัทยังได้ทบทวนการจัดกลุ่มลูกค้าเพื่อมุ่งเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพซึ่งนำไปสู่ลูกค้าที่ทำกำไรให้บริษัท และเป็นลูกค้าที่มีความสม่ำเสมอ
การร่วมมือทางธุรกิจกับดอยช์ ซีเคียวริตี้ส์ เป็นปีแรกส่งผลดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากดอยช์ ซีเคียวริตี้ส์มีส่วนสำคัญในการนำธุรกิจใหม่มาสู่ทิสโก้ ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท ทิสโก้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดในปี 2545 สูงขึ้น ทิสโก้ มีปริมาณการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 7 ของตลาด
ความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อของบริษัทเกือบทั้งหมดเกี่ยวข้องกับธุรกิจการให้สินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อเพื่อการเคหะ ซึ่งมีปริมาณสินเชื่อรวมกันประมาณ 97% ของเงินให้กู้ยืมทั้งหมด ปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และปริมาณเงินให้กู้ยืมคงค้างตามคำนิยามใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยแยกตามรายธุรกิจ แสดงดังตารางต่อไปนี้
ธุรกิจ เงินให้กู้ยืมคงค้าง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ % ต่อเงินให้กู้ยืม
สินเชื่อเช่าซื้อ 24,654 336.95 1.4%
สินเชื่อธุรกิจ 11,750 2,068.51 17.6%
สินเชื่อเพื่อการเคหะ 3,451 861.30 25.0%
ธุรกิจเช่าซื้อถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทซึ่งมีปริมาณสินเชื่อถึง 60.44% ของปริมาณสินเชื่อทั้งหมด จึงมีความเกี่ยวข้องมากที่สุดกับความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ปริมาณสินเชื่อจำนวนนี้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพียง 1.4% สะท้อนถึงคุณภาพที่ดีของสินเชื่ออันมีผลมาจากนโยบายการพิจารณาสินเชื่อที่รัดกุม ความเสี่ยงของบริษัทในธุรกิจนี้จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ เช่น การตกต่ำของระบบเศรษฐกิจ ,วิธีปฏิบัติในการให้สินเชื่อในธุรกิจโดยรวมที่รัดกุมน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแข่งขันทางธุรกิจซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงโดยทั่วไปสูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินธุรกิจ เช่น การลดเงินดาวน์และการยอมรับส่วนต่างกำไรที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อในธุรกิจเช่าซื้อนี้จัดว่าอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้เนื่องจากอัตราการฟื้นเงินต้นของหนี้เสีย (loan loss recovery) อยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับประสบการณ์และความชำนาญของบริษัทในการพิจารณาการให้กู้ยืมและการเรียกเก็บและติดตามหนี้ และสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ
ปริมาณสินเชื่อธุรกิจมีมากเป็นอันดับสองรองจากสินเชื่อเช่าซื้อ ยอดเงินให้กู้ยืมคงค้างมีปริมาณทั้งสิ้น 11,750 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 17.6% ของเงินให้กู้ยืมเป็นผลที่ต่อเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 ในขณะคุณภาพสินเชื่อได้ถูกปรับปรุงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ประเด็นสำคัญของความเสี่ยงในการให้สินเชื่อธุรกิจเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับการกระจุกตัวของสินเชื่อในลูกหนี้รายใหญ่หรือภาคธุรกิจ
ธุรกิจสินเชื่อเพื่อการเคหะมีปริมาณสินเชื่อค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่นและมีอัตราส่วนปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 25% ของสินเชื่อเพื่อการเคหะทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านการให้สินเชื่อไม่สูงนัก เนื่องจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวนนี้เป็นผลคงค้างมาจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งก่อนซึ่งมีหลักประกันครอบคลุมเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจได้เน้นหนักเรื่องการจัดการกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากกว่าการเติบโตทางธุรกิจ นอกจากนี้ ฐานะความเสี่ยงยังมีแนวโน้มดีขึ้นตามสภาวะการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ลักษณะการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทสามารถแบ่งตามประเภทธุรกิจออกได้เป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจเงินทุน กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ กลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์ กลุ่มธุรกิจการจัดการกองทุน และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ โดยในแต่ละกลุ่มธุรกิจประกอบด้วยบริษัทในกลุ่มดังต่อไปนี้
1. ธุรกิจเงินทุน ประกอบด้วย
 บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
2. ธุรกิจเช่าซื้อ ประกอบด้วย
 บริษัทเงินทุน ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)
 บริษัท ทรู-เวย์ จำกัด
 บริษัท ไทยคอมเมอร์เชียล ออโต้ จำกัด
 บริษัท โฟล์ค สวาเก้น ลิสซิ่ง ไทยแลนด์ จำกัด
 บริษัท ทิสโก้ลีสซิ่ง จำกัด
 บริษัท ไฮเวย์ จำกัด
3. ธุรกิจหลักทรัพย์ ประกอบด้วย
 บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด
 บริษัท ทิสโก้ ซิเคียวริตี้ ฮ่องกง
 บริษัท ทิสโก้ โกลบอล อินเวสเมนท์ โฮลดิ้งส์
 บริษัท ทิสโก้ ซิเคียวริตี้ ยู เค

4. ธุรกิจจัดการกองทุน ประกอบด้วย
 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด
5. ธุรกิจอื่น ๆ ประกอบด้วย
 บริษัท ไทยอินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด
 บริษัทเงินทุน ไทยเพิ่มทรัพย์ จำกัด
ธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ปี 2545 ปี 2544 ปี 2543 ปี 2542
ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ
เงินทุน ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 1,039 54% 1,042 79% 1,193 63% (3,782) 96%
บง. ทิสโก้ ค่าธรรมเนียม 194 10% 117 9% 120 6% (119) 3%
กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 509 26% (13) -1% 506 27% (112) 3%
อื่นๆ 186 10% 168 13% 79 4% 61 -2%
รวม 1,927 100% 1,314 100% 1,898 100% (3,953) 100%
ธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ปี 2545 ปี 2544 ปี 2543 ปี 2542
ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ
หลักทรัพย์ ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 24 4% 39 6% 25 9% 108 10%
บล. ทิสโก้ ค่าธรรมเนียม 423 75% 333 55% 434 159% 826 78%
ทิสโก้ ฮ่องกง กำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ 111 20% 225 37% (190) -70% 109 10%
ทิสโก้ จีไอเอช อื่นๆ 6 1% 6 1% 4 1% 19 2%
ทิสโก้ ยู เค รวม 563 100% 602 100% 273 100% 1,062 100%
ธุรกิจ โครงสร้างรายได้ ปี 2545 ปี 2544 ปี 2543 ปี 2542
ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ ล้านบาท ร้อยละ
รวม ธุรกิจเงินทุน 1,927 58% 1,314 43% 1,898 69% (3,953) 139%
ธุรกิจหลักทรัพย์ 563 17% 602 20% 273 10% 1,062 -37%
ธุรกิจการจัดการกองทุน 225 7% 233 8% 73 3% 39 -1%
ธุรกิจเช่าซื้อ 612 18% 826 27% 497 18% - 0%
อื่นๆ 17 1% 76 3% 3 0% - 0%
รวม 3,345 100% 3,053 100% 2,745 100% (2,852) 100%
ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2545 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 11,002,000,000 บาท เรียกชำระแล้ว 7,068,870,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 520,923,420 หุ้น หุ้นบุริมสิทธิ 185,963,580 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท
จำนวนหุ้นที่ถือ
ชื่อผู้ถือหุ้น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ รวม สัดส่วนร้อยละ
1. CDIB & Partners Investment Holding (Cayman) Ltd. 41,500,000 80,000 121,500,000 17.19
2. Mizuho Corporate Bank, Ltd. 7,505,652 46,000,000 53,505,652 7.57
3. Deustche Bank 37,895,496 0 37,895,496 5.36
4. Goldman Sachs International 34,877,000 0 34,877,000 4.93
5. กลุ่มปัฐพาณิชย์โชติ 15,012,000 12,800,000 27,812,000 3.93
6. HSBC (Sigapore) Nominees Pte Ltd 25,716,000 0 25,716,000 3.64
7. ธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 20,000,000 0 20,000,000 2.83
8. Morgan Stanley & Co International 16,028,100 0 16,028,100 2.27
9. กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ 14,993,700 463,700 15,457,400 2.19
10. บริษัท ไทนเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 15,052,100 319,000 15,371,100 2.17
รวม 228,580,048
59,662,700
368,162,748
52.08
ข้อมูลสำคัญทางการเงิน 2545 2544 2543 2542 2541
ผลประกอบการ
รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผล 3,369 3,112 3,234 3,459 4,820
ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืม 1,267 1,345 1,579 2,134 5,002
รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ 2,102 1,767 1,656 1,325 -181
หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 518 171 59 4,993 1,516
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 1,761 1,457 1,148 816 -759
ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และค่าธรรมเนียมอื่นๆ 903 764 642 982 795
กำไร (ขาดทุน) จากการซื้อขายหลักทรัพย์ 625 201 359 -2 1,066
ค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า 7 4 -25 -244 -506
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอื่นๆ 225 487 172 81 18
ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน 1,964 2,038 1,682 1,294 1,264
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน 811 752 676 418 322
ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆ 1,153 1,287 1,006 876 941
กำไรก่อนภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย 1,382 1,015 1,063 -4,146 -3,720
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,154 839 885 -4,474 3,850
ฐานะการเงิน
สินทรัพย์รวม 49,212 47,059 40,802 43,727 41,844
เงินให้กู้ยืมและลูกหนี้ 40,637 32,689 27,598 27,058 33,300
รายได้ดอกเบี้ยค้างรับ 112 202 206 259 74
รวมเงินลงทุนในหลักทรัพย์ - สุทธิ 6,362 9,361 8,302 12,446 6,153
เงินกู้ยืมจากประชาชน 30,944 35,458 31,219 30,896 30,530
เงินกู้ยืมจากธนาคาร 3,264 2,695 2,215 1,623 3,565
เงินกู้ยืมจากต่างประเทศ 53 57 89 716 2,989
ส่วนของผู้ถือหุ้น 7,812 6,689 5,546 4,403 2,975
ข้อมูลสำคัญทางการเงิน 2545 2544 2543 2542 2541
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้* 3,846 2,507 3,831 5,004 14,144
ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ* 4,232 2,151 2,108 1,071 2,902
ข้อมูลอื่นๆ ที่มิได้แสดงอยู่ในงบการเงิน
มูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์จากธุรกิจนายหน้า 160,772 90,405 65,782 138,223 71,461
สินทรัพย์ภายใต้การบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 31,743 36,613 42,469 39,443 29,960
เทียบรายหุ้นที่มูลค่าปรับลด
กำไร/ขาดทุน สุทธิ 1.60 1.17 1.26 -6.39 -38.43
มูลค่าหุ้นตามบัญชี 10.25 9.53 7.92 6.29 29.69
ราคาตลาด หุ้นสามัญ สูงสุด 30.00 22.75 31.75 61.50 46.50
ต่ำสุด 15.50 9.80 10.25 9.70 3.50
ณ สิ้นปี 22.40 16.20 15.50 30.50 14.25
หุ้นบุริมสิทธิ สูงสุด 28.00 22.00 28.75 50.00 -
ต่ำสุด 15.30 9.80 10.25 20.50 -
ณ สิ้นปี 22.60 15.60 14.75 28.00 -
ผลตอบแทน
กำไร (ขาดทุน) ก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ 1,672 1,010 945 519 -2,334
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 1,154 839 885 -4,474 3,850
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย 2.35% 1.90% 2.10% -10.50% -8.1
อัตราส่วนทุน
เงินกองทุน ขั้นที่ 1 7,193 5,911 4,962 3,940 2,873
ขั้นที่ 2 848 492 885 577 0
เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) 19.45% 17% 16% 14% 8%
เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ 254.32 273% 178% 71% 262%
จำนวนพนักงาน (คน)** 1,292 1,198 1,179 1,107 632
2545 2544 2543
อัตรากำไรขั้นต้น 59.72% 50.30% 45.26%
อัตรากำไรสุทธิ 23.57% 20.57% 20.08%
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 15.92% 13.71% 17.80%
อัตราดอกเบี้ยรับ 8.38% 8.81% 9.73%
อัตราดอกเบี้ยจ่าย 3.50% 3.75% 4.71%
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 4.88% 5.06% 5.00%
อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน* 17.42% 8.16% 12.31%
2545 2544 2543
อัตรารายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ 4.37% 4.02% 3.92%
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ 2.40% 1.91% 2.09%
อัตราการหมุนของสินทรัพย์ 0.10เท่า 0.09 เท่า 0.10 เท่า
2545 2544 2543
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 5.30 เท่า 6.04 เท่า 6.36 เท่า
อัตราส่วนเงินให้กู้ต่อเงินกู้ยืม 120.76% 85.55% 83.26%
อัตราส่วนเงินให้กู้ต่อเงินฝาก 133.70% 92.19% 89.41%
อัตราส่วนเงินฝากต่อหนี้สินรวม 74.74% 87.83% 88.55%
อัตราการจ่ายเงินปันผล 0% 0.00% 0.00%
2545 2544 2543
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อรวม 10.41% 5.58% 6.07%
อัตราส่วนหนี้สูญต่อสินเชื่อรวม -1.13% 0.06% 1.06%
อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่หยุดรับรู้รายได้ต่อ
สินเชื่อรวม 4.13% 5.22% 9.94%
อัตราส่วนดอกเบี้ยค้างรับต่อสินเชื่อรวม 0.27% 0.62% 0.75%
2545 2544 2543
ข้อมูลต่อหุ้น
มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 10.25 บาท 9.53 บาท 7.92 บาท
กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.60บาท 1.17 บาท 1.26 บาท
เงินปันผลต่อหุ้น 0 บาท 0 บาท 0 บาท
อัตราการเติบโต
สินทรัพย์รวม 4.94% 15.33% -6.69%
หนี้สินรวม 2.98% 14.51% -10.34%
รายได้จากการขายหรือบริการ 20.10% -3.73% -2.45%
ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน -3.65% 21.18% 29.98%
กำไรสุทธิ 37.62% -5.27% n.m.
บริษัทและบริษัทย่อย ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพของเงินให้กู้ยืมในทุกส่วนของธุรกิจ และได้พยายามดำเนินการเร่งรัดการฟื้นฟูหนี้สิน โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากคำนิยามของธนาคารแห่งประเทศไทยในปีพ.ศ. 2545 ลดลงร้อยละ 6.8 อยู่ในระดับประมาณ 1,764 ล้านบาท สัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อลูกหนี้ในปีพ.ศ. 2545 คิดเป็นร้อยละ 4.6 ลดลงจากร้อยละ 5.7 การลดลงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทและบริษัทย่อยเกิดจากการลดลงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อเคหะในปีพ.ศ. 2545 กล่าวคือสินเชื่อเพื่อธุรกิจได้ปรับปรุงหนี้เป็นจำนวน 3,746 ล้านบาทและสินเชื่อเคหะได้ปรับปรุงหนี้ไปเป็นจำนวน 567 ล้านบาท
ปี 2545 ร้อยละของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม
สินเชื่อธุรกิจ 53.8
สินเชื่อเพื่อการเคหะ 22.4
สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ 5.1
สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ 3.7
สินเชื่ออื่น ๆ 15.1
เงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและส่วนสูญเสียจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คิดเป็นจำนวน 3,856 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสำรองตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 2,792 ล้านบาทและเงินสำรองทั่วไปตามนโยบายการตั้งสำรองของบริษัท จำนวน 1,064 ล้านบาท รวมแล้วคิดเป็นร้อยละ 82.1 ของเงินสำรองรวมของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 4,695 ล้านบาท นโยบายการตั้งสำรองของบริษัทและบริษัทย่อยเป็นไปอย่างรอบคอบโดยเงินสำรองจะถูกตัดออกไปต่อเมื่อมีการชำระเงินจริงเท่านั้น ด้วยนโยบายดังกล่าวเงินสำรองของกลุ่มทิสโก้จึงสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทยถึงร้อยละ 173
ความเห็น nfs
เรายังแนะนํ า ซื้อ" ปรับเพิ่มราคาเปาหมายป 04 เพิ่มจาก 38.50 บาทเปน 50.50 บาท (อิง P/E 16.5 เทา)
คาดปนี้ถึงเวลาจายปนผลเปนครั้งแรกหลังวิกฤต 0.66 บาท/หุน สํ าหรับผูถือหุนสามัญ และ 1.66 บาท
สํ าหรับผูถือหุนบุริมสิทธิ์ (TISCO-P) นอกจากนั้ นใหจับตาดู "บง. กรุงเทพธนาธร (BFIT)" เพราะอาจ
เปนเปาหมายที่จะถูก TISCO เทคโอเวอรไดในอนาคต (เพื่อเพิ่มขนาดของสินทรัพยใหใหญขึ้นไปอีก)
เนื่องจากมีผูถือหุนคาบเกี่ยวกัน (CDIB ถือ TISCO อยู 16.8% และถือ BFIT อยู 49.50%)