AYAL จะออกจากตลาด ครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 04, 2007 10:26 am
ไม่ทราบว่า พี่ ๆ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
หลักทรัพย์ BAY
หัวข้อข่าว แจ้งมติที่ประชุฒคณะกรรมการธนาคาร
วันที่/เวลา 04 ม.ค. 2550 09:24:15
ที่ สปธ.(ล) 005 /2550 วันที่ 3 มกราคม 2550
เรื่อง แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 1/2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ("ธนาคาร") ขอแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ
ธนาคาร ครั้งที่ 1/2550 เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2550 เวลา 10.30 น. ณ ห้องประชุมธนาคาร
ชั้น 35 อาคารธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ เลขที่ 1222
ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมได้พิจารณา
และมีมติในเรื่องสำคัญดังต่อไปนี้
1.รับทราบความคืบหน้าการเข้าลงทุนของกลุ่มบริษัท เจเนอรัล อีเลคทริค (General
Electric Company) ("GE") โดย จีอี แคปปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น
("GECIH") ดังนี้.-
ตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 ได้มีมติอนุมัติการ
เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,000 ล้านหุ้น ให้แก่ GECIH โดยให้เสนอขายในคราวแรกจำนวน
1,391 ล้านหุ้น พร้อมทั้งได้มีมติอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับข้อ 9 ทวิ ของธนาคาร และการเพิ่ม
จำนวนกรรมการและแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ ได้แก่ นายพรสนอง ตู้จินดา และนางสาวพรรณพร
คงยิ่งยง เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อการเข้าร่วมลงทุนของ GECIH และเพื่อ
ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร โดยกำหนดให้มีผลเมื่อ GECIH ดำเนินการชำระค่าจองซื้อ
หุ้นสามัญเพิ่มทุนสำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,391 ล้านหุ้น เข้าบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคาร
เต็มมูลค่า และธนาคารได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วสำหรับหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวนั้น
บัดนี้ GECIH ได้ชำระค่าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนสำหรับหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,391 ล้านหุ้น
เข้าบัญชีจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของธนาคารเต็มมูลค่า และธนาคารได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วสำหรับหุ้น
เพิ่มทุนดังกล่าว ต่อกระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ธนาคารได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วต่อกระทรวงพาณิชย์จาก 29,408,124,750
บาท (สองหมื่นเก้าพันสี่ร้อยแปดล้านหนึ่งแสนสองหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยห้าสิบบาทถ้วน) เป็นจำนวน
47,949,294,760 บาท (สี่หมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยสี่สิบเก้าล้านสองแสนเก้าหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยหกสิบบาทถ้วน)
โดย ทุนชำระแล้วที่เพิ่มขึ้นจำนวน 18,541,170,010 บาท เป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้เสนอ
ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ GECIH จำนวนทั้งสิ้น 1,391 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมเป็น
เงินทุนจำนวน 13,910,000,000 บาท โดยขายในราคาหุ้นละ 16 บาท เป็นเงินจำนวน
22,256,000,000 บาท และผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 70 ราย ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ
ในการซื้อหุ้นสามัญของธนาคาร ในระหว่างวันที่ 22 ธันวาคม 2549 ถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2549
จำนวน 463,117,001 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมเป็นเงินทุนจำนวน 4,631,170,010
บาท โดยขายในราคาหุ้นละ 12 บาท เป็นจำนวนเงิน 5,557,404,012 บาท ซึ่งภายหลังจาก
จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทุนชำระแล้วต่อกระทรวงพาณิชย์แล้ว GECIH ถือหุ้นในธนาคาร คิดเป็นร้อยละ
29.01 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของธนาคาร
นอกจากนี้ ธนาคารได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับข้อ 9 ทวิ ของธนาคารและ
จดทะเบียนเพิ่มจำนวนกรรมการและแต่งตั้งกรรมการเข้าใหม่ดังกล่าวต่อกระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2. รับทราบและมีมติเป็นเอกฉันท์ในเรื่องต่อไปนี้
(1) รับทราบการลาออกจากการเป็นกรรมการธนาคารของ นายกฤตย์ รัตนรักษ์ และ
นายปกรณ์ ทวีสิน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
(2) แต่งตั้ง MR. KONG KHOON TAN เป็นกรรมการแทน นายกฤตย์ รัตนรักษ์
และแต่งตั้ง MRS. JANICE VAN EKEREN เป็นกรรมการแทน นายปกรณ์ ทวีสิน ทั้งนี้ ตั้งแต่
วันที่ 3 มกราคม 2550 เป็นต้นไป
(3) เปลี่ยนแปลงแก้ไขอำนาจกรรมการของธนาคาร เป็นดังนี้.-
"ชื่อและจำนวนกรรมการซึ่งมีอำนาจลงลายมือชื่อแทนบริษัท คือนายเอกศักดิ์ ภูริผล
นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ และนางสาวพรรณพร คงยิ่งยง กรรมการสองในสามคนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกัน
และประทับตราสำคัญของบริษัท.
(4) แต่งตั้งนายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ เป็นประธานกรรมการ แทนนายกฤตย์ รัตนรักษ์
ประธานกรรมการที่ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง
ดังนั้น เมื่อได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการแล้ว คณะกรรมการของธนาคารจะประกอบ
ด้วยกรรมการ 11 คน ดังนี้.-
1. นายวีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ
2. นายเอกศักดิ์ ภูริผล กรรมการ *
3. นายทิพย์สมาตย์ ณ เชียงใหม่ กรรมการ
4. นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ กรรมการ *
5. นายสุรชัย พฤกษ์บำรุง กรรมการอิสระ
6. นายยงยุทธ วิทยาวงศรุจิ กรรมการอิสระ
7. นายวิรัช ไพรัชพิบูลย์ กรรมการอิสระ
8. MR. KONG KHOON TAN กรรมการ
9. MRS. JANICE VAN EKEREN กรรมการ
10. นางสาวพรรณพร คงยิ่งยง กรรมการ *
11. นายพรสนอง ตู้จินดา กรรมการ
* กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันธนาคาร
3. รับทราบความคืบหน้าการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย
จำกัด (มหาชน)
ตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2549 ได้มีมติอนุมัติการรับ
โอนทรัพย์สินและหนี้สินของธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) นั้น บัดนี้ธนาคารได้รับ
โอนทรัพย์สินและหนี้สินของธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) แล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้:
1) วัน เดือน ปีที่เกิดรายการ
3 มกราคม 2550
2) มูลค่ารับโอนทรัพย์สินและหนี้สินสุทธิ
ประมาณการมูลค่าสินเชื่อ 2,058,624,370.10 บาท
ประมาณการมูลค่า Fixed Assets 43,332,929.50 บาท
ประมาณการมูลค่าเงินฝาก (1,411,580,291.85) บาท
ประมาณการราคาซื้อ 690,377,007.75 บาท
ราคาข้างต้นเป็นราคาประมาณการ ซึ่งจะมีการปรับเพื่อให้สะท้อนราคาที่แท้จริงเป็นราคาสุดท้าย
ตามวิธีการซึ่งธนาคารและธนาคาร จีอี มันนี่ เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) เห็นชอบภายใน 120 วัน
นับแต่วันที่มีการโอนกิจการ โดยธนาคารได้จัดให้มีที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อให้ความเห็นในการปรับราคาสุดท้าย
ทั้งนี้ มื่อได้ราคาสุดท้ายที่ได้รับการยืนยันแล้ว ธนาคารจะได้แจ้งให้ทราบต่อไป
3) ที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอดไวเซอรี่
พลัส จำกัด
4) แหล่งเงินทุนที่ใช้
เงินทุนหมุนเวียนของธนาคาร
4. ตามที่ ธนาคารได้มีการตกลงให้กลุ่ม GE โดย GECIH เข้าลงทุนในธนาคารประมาณร้อยละ
25.4 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของธนาคาร หลังจากที่มีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งหมด
ภายในเดือนกันยายน 2551 นั้น เนื่องจากทั้งธนาคารและ GECIH ต่างก็มีธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ใหม่
เช่นเดียวกัน โดยธนาคารมีบริษัทย่อยซึ่งธนาคารถือหุ้นประมาณร้อยละ 79.33 ของหุ้นทั้งหมด ประกอบ
กิจการให้เช่าซื้อรถยนต์ คือบริษัท อยุธยา ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ("AYAL") และ GECIH
มีบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการดังกล่าวอยู่ เพื่อให้การประกอบ
ธุรกิจมีความเป็นหนึ่งเดียว ธนาคารและ GECIH จึงมีข้อตกลงว่า หลังจากที่ GECIH เข้าลงทุนใน
ธนาคารแล้ว ให้ธนาคารประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ใหม่ผ่านบริษัทจำกัด โดยธนาคารต้องถือหุ้นในบริษัท
ดังกล่าวร้อยละ 99.99 ทั้งนี้ ธนาคารจึงต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่ โดยให้การถือหุ้นของธนาคารในบริษัท
ดังกล่าว เป็นจำนวนร้อยละ 99.99 ซึ่งได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 21
พฤศจิกายน 2549 และบริษัท จีอี แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) จะหยุดการประกอบ
กิจการให้เช่าซื้อรถยนต์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป
บัดนี้ ธนาคารได้ทำการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์ใหม่
เรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้.-
1) ชื่อบริษัท
บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ลีส จำกัด (Ayudhya Capital Lease Co.,
Ltd.) ("AYCL")
2) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่
898 อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ ชั้น 16 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330
3) วัน เดือน ปีที่เกิดรายการ
ธนาคารได้ชำระค่าหุ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2549 และจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่
27 ธันวาคม 2549
4) ประเภทธุรกิจ
ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยมีขอบข่ายการให้บริการรวมถึง 1) การให้สินเชื่อ
เช่าซื้อ 2) การให้สินเชื่อแบบลิสซิ่งแก่ลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล และ 3) การให้สินเชื่อเพื่อ
สินค้าคงคลังแก่ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์
5) ทุนจดทะเบียน
ทุนจดทะเบียนจำนวน 3,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่า
ที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยเรียกชำระค่าหุ้นเบื้องต้นร้อยละ 66.60 ของมูลค่าหุ้นที่
ตราไว้ ซึ่งเท่ากับ 1,998 ล้านบาท โดยจะเรียกชำระค่าหุ้นให้ครบทั้งจำนวนภายใน
เดือนมกราคม 2550
6) จำนวนหุ้น สัดส่วนการลงทุน และมูลค่าเงินลงทุน
ธนาคารถือหุ้นจำนวน 299,999,994 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของหุ้น
ทั้งหมดของ AYCL รวมมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 2,999,999,940 บาท ผู้บริหารของ
ธนาคารถือหุ้นจำนวน 6 หุ้น
7) แหล่งเงินทุนที่ใช้
เงินทุนหมุนเวียนของธนาคาร
8) วัตถุประสงค์
ปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทย่อยของธนาคารที่ประกอบธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ
เช่าซื้อรถยนต์
ดังนั้น จึงมีมติอนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
4.1 อนุมัตินโยบายให้ดำเนินการเลิกหรือหยุดประกอบกิจการของ AYAL โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1) ให้มีนโยบายให้ดำเนินการเลิกกิจการของ AYAL ในกรณีที่ ณ วันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
ของ AYAL ครั้งที่ 1/2550 ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550 อธิบดีกรมสรรพากรหรือบุคคลอื่นใดที่มี
อำนาจมีคำสั่งอนุญาตให้ หรือได้รับการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรจากกรมสรรพากรว่า AYAL ไม่ต้อง
เสียภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าคงเหลือและ/หรือทรัพย์สินที่ AYAL มีไว้ในการประกอบกิจการ ณ
วันเลิกประกอบกิจการ และไม่ต้องคืนใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงไม่ต้องเสียภาษีอื่นใดเกินกว่าภาษีที่
เกิดจากการประกอบกิจการของ AYAL ("การยกเว้นภาษี") โดยให้วันเลิกกิจการมีผลในวันที่ดังต่อไปนี้
ก. ในกรณีที่ ณ วันประชุมคณะกรรมการธนาคารครั้งที่ 1/2550 ธนาคารได้รับการ
ยืนยันจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าสามารถกำหนดวันเลิกกิจการที่เป็นเงื่อนไขได้ ให้
วันเลิกกิจการมีผลในวันที่ ซึ่งคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวัน
ที่หลักทรัพย์ของ AYAL พ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ
ข. ในกรณีที่ ณ วันประชุมคณะกรรมการธนาคารครั้งที่ 1/2550 ธนาคารยังไม่ได้รับ
การยืนยันจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีความ
เห็นว่าไม่สามารถกำหนดวันเลิกกิจการที่เป็นเงื่อนไข ให้วันเลิกกิจการมีผล ในวันที่ 14 มิถุนายน 2550
ซึ่งเป็นวันที่คาดว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันที่หลักทรัพย์ของ
AYAL พ้นจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
2) ให้มีนโยบายให้ดำเนินการหยุดประกอบกิจการของ AYAL โดยให้ AYAL หยุดการ
ขยายบริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่ยังคงให้บริการในธุรกรรมที่ยังคงค้างอยู่กับลูกค้าต่อไป จนกว่าที่
ประชุมผู้ถือหุ้นของ AYAL จะมีมติให้เลิกกิจการ หรือมีมติเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ ณ วันประชุมวิสามัญ
ผู้ถือหุ้นของ AYAL ครั้งที่ 1/2550 ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550 ไม่มี ?การยกเว้นภาษี? ให้ AYAL
นอกจากนี้ ธนาคารมีนโยบายให้ยกเลิกการสนับสนุนการประกอบกิจการของ AYAL นับ
แต่วันที่ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 1/2550 อนุมัตินโยบายให้ยกเลิกการสนับสนุนดังกล่าว
4.2 อนุมัตินโยบายในการดำเนินการเพิกถอนหุ้นสามัญและใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ
("หลักทรัพย์ฯ") ของ AYAL ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมทั้งให้
ธนาคารเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL เป็นการทั่วไป เพื่อขอเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL
ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ จากผู้ถือหุ้น
เป็นการทั่วไปมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้
ประเภทหลักทรัพย์ : - หุ้นสามัญจำนวน 58,921,110 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
25.07 ของจำนวนหุ้นสามัญที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ AYAL
(หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.67 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้ว
ทั้งหมดของ AYAL)
- ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ AYAL จำนวน 7,891,454 หน่วย
หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.33 ของจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิที่จำหน่าย
ได้แล้วทั้งหมดของ AYAL
ผู้เสนอซื้อ : ธนาคาร
ความสัมพันธ์กับ AYAL : ธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ AYAL โดยถือหุ้นสามัญเป็นจำนวน
176,078,890 หุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ จำนวน 50,000,000 หุ้น หรือ
คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 79.33 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ
AYAL
ราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญ : - สำหรับหุ้นสามัญ ในราคาเสนอซื้อที่ 8.5 บาทต่อหุ้น
- สำหรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ในราคา 1.5 บาทต่อหน่วย
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
ของผู้เสนอซื้อ
ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าว ธนาคารจะดำเนินการเมื่อเงื่อนไขอันจำเป็น
และเกี่ยวเนื่องกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ ดังกล่าวสำเร็จ ซึ่งรวมถึงเงื่อนไขดังต่อไปนี้
1) ธนาคารแห่งประเทศไทยอนุมัติให้ธนาคารซื้อหรือมีหุ้นใน AYAL ได้ทั้งหมด
2) ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ AYAL อนุมัติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL ออกจากการเป็น
หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยให้ธนาคารเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ AYAL
เป็นการทั่วไป
3) ตลาดหลักทรัพย์อนุมัติให้เพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL ออกจากการเป็นหลักทรัพย์
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
พร้อมทั้งอนุมัติให้ธนาคารลงคะแนนเสียงเห็นด้วยกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL ออก
จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการประชุมผู้ถือหุ้นของ AYAL และในการใด ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนหลักทรัพย์และการดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ AYAL ให้คณะกรรมการ
จัดการการลงทุน หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือผู้บริหารสูงสุดที่กำกับ
กลุ่มงานบริหารการเงินหรือบุคคลอื่นที่บุคคลหรือคณะบุคคลดังกล่าวมอบหมาย มีอำนาจดังต่อไปนี้
(ก) ดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
(ข) กำหนด และ/หรือเปลี่ยนแปลงรายละเอียด วิธีการ ระยะเวลา ขั้นตอนการ
ดำเนินการ หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งมีอำนาจเปลี่ยนแปลงราคาเสนอซื้อ
หลักทรัพย์ เมื่อมีเหตุการณ์หรือการกระทำใด ๆ อันมีผลกระทบต่อมูลค่าของหลักทรัพย์ของ AYAL
หรือมีเหตุการณ์อื่นใดที่จำเป็น เพื่อให้สามารถเพิกถอนหลักทรัพย์ และ/หรือเลิกหรือหยุดประกอบกิจการ
ของ AYAL ได้
(ค) ติดต่อ เจรจา แก้ไข เปลี่ยนแปลง เข้าทำ และ/หรือลงนาม สัญญาเกี่ยวกับ
การซื้อหลักทรัพย์ฯ ข้อผูกพัน คำรับรอง และ/หรือเอกสารต่าง ๆ รวมถึงขออนุญาต ให้ข้อมูล ยื่นเอกสาร
หลักฐาน ต่อกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
คณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ
ตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ และ/หรือหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหลักทรัพย์ฯ หรือการทำคำ
เสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ ของ AYAL ตลอดจนดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็นได้ทุกประการตาม
ที่เห็นสมควร รวมทั้งให้มีอำนาจขอผ่อนผันให้มีการถือหุ้นเกินกว่าจำนวนที่พระราชบัญญัติการธนาคารพาณิชย์
หรือพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ หรือขอผ่อนผันข้อกำหนดต่าง ๆ ภายใต้กฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไข และ/หรือเปลี่ยนแปลงข้อความหรือถ้อยคำตามคำสั่ง ความเห็น หรือ
คำแนะนำของนายทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ/หรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นใด
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
พงศ์พินิต เดชะคุปต์
(นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์)
กรรมการ
DS/Nattawut2007/แจ้งตลาดฯ1-50