Thai VI

ด่วนที่สุด  ใช่เลย

http://www.prachatai.com/05web/th/home/ ... guage=Thai

ดูแต่หัวเรื่อง ยังบ่ได้อ่าน

เจ้ารัฐสวัสดิการมันก็ดีอยู่หรอกครับ ที่เขาอยู่ได้เพราะเก็บภาษีโหดนะครับ หลายสิบ %

ลองไปศึกษาประเทศแถวยุโรปสิครับ มีตัวอย่างเพียบ
และตอนนี้หลายประเทศเหมือนกำลังมีปัญหาด้วยนะครับ

คุ้นๆว่านโยบายนี้ในไทยแรกเริ่มมาจากคุณพ่อ อ.จอนนะครับ

เก็บโหดแต่คนรวยนี่ครับ
ผมไม่โดนอยู่แว้ว อิอิ

แต่ถ้าผมรวยผมก็ยอมให้เก็บโหดนะ ถ้ามีระบบนี้จริงๆ
สังคมอยู่ดี  น่าอยู่ เราก็อยู่ดีไปด้วย

ที่จริงแล้ว  แถวๆ ยุโรปเหนือ  ให้สวัสดิการมาก  เก็บภาษีโหดมาก
.... สุดท้ายแล้วคนหนุ่มสาวหนีไปอยู่ประเทศอื่นกันหมด
ทำอย่างไรดีครับ..... เดินสายกลางเถอะครับ

สวัสดิการดีเกินไปคนที่ได้งานน้อยกว่าเงินสวัสดิการก็นอนอยู่บ้านทำ Freelant ดีกว่าไม่ต้องจ่ายภาษีด้วย
ที่ Germany ก็มีปัญหานี้ ยิ่งสภาพสังคมเปลี่ยน คนหน่มสาวลดลง สายป่านที่มาจ่ายเงินจุดนี้ยิ่งลดลงเรื่อยๆ ต่อไปคนยุโรปคงได้เกษียณที่ 70
2-3 ปีก่อน ก็ต้องลดค่าใช้จ่ายทำฟัน คนด่ากันตรึม แต่ก็ช่วยไม่ได้ดันไม่ยอมปั้มลูกกันเอง

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว
ภาพที่ญี่ปุ่นเกิดปัญหาอยู่ตอนนี้ล่ะ
ประชากรของญี่ปุ่นเป็นผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
อัตราการเกิดและผู้อยู่ในภาวะแรงงานนั้นลดลงอย่างน่าใจหาย
กองทุนที่เกิดในช่วงที่มีผู้อยู่ในภาวะแรงงานน้อยอย่างนี้
มันครอบคลุมถึงประชากรผู้สูงอายุดังกล่าวแล้วหรือ

ถ้าตอบโจทย์อันนี้ได้ทุกอย่างก็สมบูรณ์

เหรียญมันมีสองด้านแล้วแต่คนจะมอง

เมื่อก่อนรัฐบาลญี่ปุ่นบอกว่า เอาเงินมาให้เราสิ แล้วเราจะจ่ายคืนให้ 7 เท่่า ตอนคุณเกษียณ
ตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นบอกว่า เอาเงินมาให้เราสิ แล้วเราจะจ่ายคืนให้ครึ่งนึงตอนคุณเกษียณ ถ้าคุณไม่คิดจะจ่าย เราจับคุณเข้าคุกได้

งั้นประกันการว่างงานก็เอาแค่พอมีตังกินข้าวไม่ให้ตายก็พอครับ

แล้วที่เหลือก็ ไม่ให้มีใครตายเพราะป่วยแล้วไม่มีเงินรักษา

ไม่มีเด็กคนไหนไม่ได้เรียนจนจบอย่างน้อย ปวช เพราะไม่มีตังค์

คนแก่ คนพิการ ไม่อดตายเพราะทำงานไม่ไหว

คือทุกคนพออยู่พอกิน เศรษฐกิจพอเพียง   พอเพียงในแง่ของไม่น้อยไป นะครับ เพราะที่เห็นทุกวันนี้ทุกคนพูดถึงแต่พอเพียงที่ไม่มากไป  ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ มักเอาไปสอนคนจนเสียด้วย ไม่สอนคนรวย

 ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือ มักเอาไปสอนคนจนเสียด้วย ไม่สอนคนรวย

อันนี้เห็นด้วยครับ แบบว่า ให้จนแล้วเจียม

[quote]

เอ่อ นอกจากยุโรป ยังมีที่แคนาดา ประชาชน รักษาฟรี มีลูก รัฐก็ให้สตางค์ เป็น single mom รัฐก็ให้สตางค์ แต่เก็บภาษี 14%ของสินค้าทุกชนิดที่ซื้อ(8 % เป็นของจังหวัด อีก 6 %  เป็นของรัฐบาลกลาง)สุดท้ายคนทำงานหนักเสียภาษีหนัก พวกขี้เกียจเต็มบ้านเต็มเมืองไม่ทำอะไร เพราะมีรัฐเลี้ยง ทำงานมากก็เสียภาษีมาก ไม่ทำงานมีรัฐเลี้ยงสบายแฮ

พักหลังๆ นี้ คำว่า "พอเพียง" เป็นคำที่ได้ยินบ่อย
เรียนกันตรงๆ ว่าสนใจ แต่ ไม่เข้าใจความหมาย และไม่ทราบว่า
จะนำมาปรับใช้กับชีวิตในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันอย่างไร?

คนที่น่าจะปรับใช้ได้ใกล้เคียงที่สุด ก็น่าจะเป็นคนที่ใช้ชีวิต
ในวิถีเกษตร...แต่กับคนในภาคส่วนอื่นๆ ล่ะ จะทำอย่างไร?

โฆษณาที่บอกให้ ปลูกผัก เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ .. คงไม่เหมาะกับชีวิต
ของคนอีกหลายคน

ใครพอที่จะหา ต้นฉบับ พระราชดำรัส ที่วังไกลกังวลได้
ช่วยสงเคราะห์ด้วย จะได้นำมาพิจารณาด้วยตนเอง ...
เบื่อโฆษณาทีวีเต็มทีแล้ว

คุณ tanate ครับ  งั้นเราต้องเก็บอย่างพวกสินค้าฟุ่มเฟือย และจากผู้ที่รายได้ปีนึงเป็นสิบล้านขึ้นไป อะไรงี้แทน  ปรัชญาคือเน้นพวกที่ไม่ต้องทำงานหนัก แต่รายได้สูง

หรือคุณ tanate คิดว่าคนที่ไม่ทำงาน ควรอดตายไปเลยครับ หรือไปนั่งขอทาน ฯลฯ  (รวมถึงคนแก่  คนป่วย  คนจนที่เจอปัญหาฯลฯมา)

tanate@man มีเหตุผล คนขยันทำงานให้คนขี้เกียจกินเปล่า ไม่เจริญ

ไม่ควรให้เงินเปล่า ควรจ้างทำงานถ้ายังมีแรง ประเทศนี้มีงานเยอะ คนน้อย ถ้าไม่มีอะไรทำจริง ให้กวาดถนนให้สะอาด เก็บขยะในแม่น้ำคูคลอง แหล่งท่องเที่ยว

ไม่มีงานทำ? เราต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติ ปีละมากๆ

ญี่ปุ่นก็หัวดี ประชากรหนุ่มสาวน้อย มันก็มาส่งเสริมให้พวกเด็กไทยเรียนวิศวกรรมยานยนต์ในบ้านเราไง เรียนจบมันรับหมด

ผมว่าการเก็บภาษีนั้น เป็นเรื่องที่นำมาแก้ปัญหาทางสังคมครับ เพราะในข้อที่ว่าเมื่อมีใครได้ประโยชน์ต้องมีคนเสียประโยชน์ ดังนั้นคนที่ได้ประโยชน์ก็ควรจะแบ่งประโยชน์บางส่วนมาเป็นส่วนกลางเพื่อเฉลี่ยให้คนที่ไม่ได้ประโยชน์บ้าง ไอ้พวกไม่ทำงานแล้วรัฐเลี้ยงมันได้อย่างเดียว อันนี้ไม่ยุติธรรม

ปัญหาก็คือ คนรวยกลัวอยู่สองอย่างคือ ความตาย กับการเสียภาษีให้ถูกต้อง

อืม สงสัยพี่มนจะชอบหนังเรื่อง Meet Joe Black.....Death and Tax  :P

อย่างว่าครับ นโยบายคิดโดยชนชั้นไหน ก็เอาใจชนชั้นนั้น ถ้าให้กรรมกรหรือชาวไร่นาชั้นล่าง ที่มีความไม่แน่นอนในชีวิตสูง  ขาดแคลนโอกาส เป็นคนคิด  คำตอบส่วนใหญ่ต้องไม่เป็นอย่างนี้แน่

ควรจะมีภาษีมรดกด้วย
การสนับสนุนให้การส่งต่อความร่ำรวยข้ามรุ่น โดยไม่มีการเก็บเข้าส่วนกลางเพื่อนำไปทำประโยชน์ส่วนกลางในระยะยาว (เช่นสนับสนุนการศึกษา หรือ สาธารณสุขขั้นพื้นฐาน) ก่อให้ ผู้รับความร่ำรวยไม่มีความกระตือรือร้นที่จะทำมาหารับประทาน (ซึ่งส่งให้ผลิตภาพมวลรวมต่อสังคมดีขึ้น) นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ส่งเสริมให้มีความเคลื่อนไหวทางชนชั้น (social mobility) กล่าวคือ เกิดมาจนยังไง ก็จนต่อไปเจ็ดชัวคน และเกิดมารวยยังไง ก็รวยต่อไปอีกเจ็ดชั่วคน ทั้งๆที่คนชั่วคนที่สองถึงเจ็ดของทั้งสองฝั่ง อาจมีความสามารถและศักยภาพที่ไม่แตกต่างกันเลยหากพิจารณาโดยเนื้อแท้

เห็นด้วยกับคุณ bangkokwu

แต่ต้องเว้นให้มรดกของคนไม่รวยนะครับ
เช่นต่ำกว่า 1 ล้านงี้เว้น  
แต่มากกว่าล้านขึ้นไปนี่เก็บอัตราก้าวหน้าเลย

คุณ bangkokwu เรามาตั้งพรรคกันเถอะครับ อิอิ

คนคิดแบบเราออกมาทะเล่อทะล่าตอนนี้ก็จะถูกตราหน้าว่าเป็น คลื่นใต้น้ำน่ะสิครับ

ไม่ทราบคุณ Freemindd ได้อ่าน TKNS หรือยัง?

ผมสั่งซื้อหนังสือไป ได้รับก่อนรัฐประหารประมาณสองสัปดาห์ ใช้เวลาอ่านประมาณสามคืนจบ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ ไม่แปลกใจที่มุมมองต่อโลกของตัวเองเปลี่ยนไปชนิดกลับหัวกลับหาง

TKNS ยังไม่ได้อ่านตัวหนังสือครับ  
อ่านแต่บทวิจารณ์ของอาจารย์ J.O. ไป
แต่ถึงจะยังไม่ได้อ่าน  
ตัวเนื้อเรื่องข้างใน ผมก็อ่านจากหลายๆ source
มาแล้ว เช่นหนังสือประมวลข่าวอดีต
จากเว็บต่างๆ  หนังสือเก่าๆ และงานของ สศจ
โดยเฉพาะเรื่องเมื่อ 30 ปีกับอีก 3 เดือนก่อน
ค่อนข้างชัดมาก
ถ้าจะคุยต่อเรื่องนี้ pm มาก็ได้ครับคุณ bangkokwu

ส่วนเรื่องคลื่นใต้น้ำผมไม่ใช่แน่นอน
คนเว็บนี้รู้กันดีว่าก่อนแม้วกระเด็น
ผมด่าแม้วสุดลิ่มทิ่มหัวแค่ไหน
ทุกวันนี้ถึงเซ็งรัฐบาลนี้แค่ไหน
แต่ก็ไม่ถวิลหาแม้วแน่นอนครับ