Thai VI

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ทุกท่าน
ขอตั้งกระทู้คุย กับ เพื่อนทุกคนไม่ว่าสาขาอาชีพไหน เกี่ยวกับ ข่าวที่น่าสนใจ ทิศทาง กลยุทธิ์ หรือสิ่งที่น่าสนใจ ของธุรกิจ ก่อสร้าง

ผมเปิดร้านซื้อมาขายไป วัสดุก่อสร้างเล็กๆ อยู่เชียงราย อยากจะหาคนในวงการเดียวกัน คุยกันทางกระทู้นี้  หรือ คนนอกวงการมีอะไรน่าสนใจ ทั้งข่าว หรือ ความคิดเห็นอะไร ก็เชิญได้เลยนะครับ

สิ่งที่ผมคิดว่า น่าสนใจ เช่น
1. ราคาสินค้า ปัจจุบัน และ แนวโน้มราคาในอนาคติ
2. ปัญหาที่พบ เช่น ลูกหนี้ การเลือกสินค้า
3. กลยุทธ์ การบริหาร โปรโมชั่น

จะได้แลกเปลี่ยนข่าวสาร และ ความคิดเห็นกันอย่าง สนุก

เชิญเลยนะครับ  :D

ผมก็อ่านข่าวว่า อสังหาฟื้นตัวปีนี้ แต่ เท่าที่ผมทำกิจการอยู่ ถามเซลส์ สังเกต กำลังซื้อ รู้สึกว่า ที่เชียงราย ซบเซากว่าปีที่แล้ว

ราคาของก็แพงขึ้นกว่าปีที่แล้ว เกือบทุกตัว

ที่จังหวัดเพื่อนๆ เป็นยังไงกันมั่งครับ

วัสดุก่อสร้างที่เพิ่งซื้อคือซิลิโคนเอาไว้อุดรอยต่อ ก็ราคาไม่แพงครับ นอกนั้นยังไม่ได้ซื้ออะไร

ตัวจังหวัดใหญ่ๆ  จะต้องเพิ่มขีดการแข่งขันขึ้นไปอีกหลายระดับ

การแทรกเข้ามาจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม  กระจายสู่ภูมิภาค

การตัดราคา  ลด  แลก  แจก  แถม  เครดิต30-60บางราย90วันก็มี

แนวโน้มต้องปรับตัว  กำไรน้อยลง  เมื่อคู่แข่งเพิ่มขึ้น

ผมไม่ได้ทำธุรกิจบ้านจัดสรร  หรือรับเหมา  แต่มีเพื่อนบ้านทำอยู่

และให้ความสนใจกับสังคมรอบตัว


โดยเฉพาะโฮมโปร   เปิิดเกมส์รุก    ค่อนข้างรุนแรง


เป็นเรื่องเล่านะ...
คุณคิดดู  เดอะมอล  จังหวัดนครราชสีมา
โฮมโปร  เชาพื้นที่ยกชั้นห้างสรรพสินค้าเลย
สินค้าจำพวกนี้มีน้ำหนัก  แต่พื้อนที่ห้างสรรพสินค้าไม่ว่างชั้นล่างๆ
เลยเช้าชั้นบนสุดขาย  เดินดูอยู่ชั่วเป็นชั่วโมง
แฮะๆๆ  พนักงานขายมากกว่าคนซื้อซะอีก

เฮ้อเล่าซะยาว  ไม่มีอะไรเลย
เพียงอยากบอกว่า  ส่วนต่างกำไร  คงแคบลง
แนวโน้มน่าจะขายได้มากขึ้น

SCG ปีนี้เขาก็จะเน้นพวกบ้านตกแต่งใหม่ด้วยนะครับ

ตอนนี้ กระเบื้องไม่มีใยหินของ ห้าห่วง (ไตรลอน สีซีเมนต์) ออกราคามาแล้ว ราคาขายต่อแผ่น ประมาณ ห้าสิบกว่าบาท

ไม่รู้ค่ายอื่นจะเป็นอย่างไร

ที่นี่ โฆษณาจิ้งจก Flexy board ได้ผลดี คนถามหากันมากขึ้น กระตุ้นตลาดแผ่นฝาให้คึกคักดีที่เดียว  เห็น smart board ของค่ายช้างก็เริ่มขายดี แต่ เจียระไนบอร์ดของ DRT ผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร

ตอนนี้ หลายบริษัท พยายามผลักดัน ให้เอเย่นต์ ทำ modern trade มากๆ ผมคิดว่า จุดประสงค์หลักๆ คือ ขายของได้เยอะๆ เพราะต้องตุนสินค้าหลากหลาย อีกทั้งสินค้า ที่เหมาะกับ วาง modern trade มักเป็นสินค้าที่กำไรต่อหน่วยสูง

ผมคิดว่า แนวโน้มคงต้องปรับตัวกันเยอะ ทั้งรูปแบบร้าน พนักงาน ไปในทางเดียวกัน การ educate ลูกค้า การบริการหลังการขาย  แข่งกันหนักมากขึ้น ไม่งั้นก็ต้องเล่นแข่งด้าน สินค้าราคาถูก  และ ขายเชื่อ ซึ่งเสี่ยงมาก

ผมเคย pm คุยกับ คุณนริศ เค้ามีแนวทางการปรับตัวสู้กับ modern trade ได้เก่งมากครับ  ถ้าเจ้าตัวมาเล่าให้ฟัง ก็คงจะดีไม่น้อย

ผมเชื่อว่า โดยหลักการปรับตัวแข่งขัน แบบ modern trade ทุกร้านทราบดี แต่การปฏิบัติจริง เสกลของร้าน คชจ.ที่จะเกิดขึ้น เงินลงทุนที่ต้องสูงมากขึ้น  ใครจะทำได้ดีแค่ไหน และคุ้มแค่ไหนในระยะยาวครับ

เพื่อนๆ ใครปรับร้านจากแบบเก่า สำเร็จแล้วบ้าง ทำยังไงและ ประสบความสำเร็จยังไง ช่วยมาเล่าให้ฟังกันด้วยครับ

ขอบคุณครับ

ที่บ้านอยู่สิงห์บุรีก็ขายวัสดุก่อสร้างเหมือนกัน ร้านของผมอยู่อำเภอรอบนอก ขายกระเบื้องโอลิมปิคเหมือนกัน รหัส 09 ปีนี้ก็รอว่าเงินแต๊ะเอีย ที่โอลิมปิคจะให้เป็นยอดเท่าไรจากการที่ขายสินค้าให้เขาเพียงแบรนด์เดียว
  ความฝันของผมก็อยากมีร้านเป็น modern trade เหมือนกับ
โฮมโปร หรือ โกลบอลเฮ้าส์ กับเขาบ้าง แต่ ไม้รู้ว่าเราจะไปจุดนั้นได้อย่างไร เท่าที่เข้าใจ คือ ต้องใช้เงินลงทุนสูง ทั้งด้านอาคาร สถานที่ ระบบการจัดการภายในเช่น ด้านระบบงานคอมพิวเตอร์ ระบบบัญชี การฝึกอบรมพนักงาน
 ตอนนี้เอเยนต์ซิเมนต์ไทยในตัวจังหวัด หนึ่งในสองรายได้เปลี่ยนจากระบบเก่าเป็นร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ตเรียบร้อยแล้วแต่กระแสก็ยังไม่แรงเท่าที่ควร แถวๆบ้านยังไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงเท่าไรนัก
 สภาพการค้าตั้งแต่ต้นปีมานี้ที่ร้านก็ไม่ค่อยคึกคักเท่าไรนัก คิดว่าเนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่นับวันจะรุนแรงขึ้น ร้านค้าแบบเราก็มีแต่คนอยากจะเปิดเพิ่มขึ้น ที่ร้านตอนนี้พยายามเน้นขายแต่เงินสดไว้ก่อน จะปล่อยเครดิตก็เฉพาะกับลูกค้าที่เคยอุดหนุนกันมานานสมัยรุ่นเตี่ยกับแม่ ถ้าขายเชื่อแล้วเก็บเงินไม่ได้ทุนมีเท่าไรก็คงจะไม่พอ

ร้านขายวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ ต้องให้เครดิตกับลูกค้า คำถามก็คือเราควรมีวิธีการใดในการบริหารลูกหนี้การค้า ฟังมาว่าบางร้านค้าเวลาปล่อยเชื่อ ก็ออกเอกสารเป็นใบยืมสินค้าบ้าง ถึงอย่างนี้ลูกค้าบางรายก็ยังเบี้ยวได้อยู่ดี เวลาไปทวงเงินก็บอกว่ายังไม่มี
จะฟ้องร้องก็จะคุ้มกับค่าทนายหรือเปล่า บางร้านเวลาไปทวงยังต้องพกอาวุธไปด้วยเลย หรือว่านี่คือความเสี่ยงของการทำการค้าขายเงินเชื่อ
 ตอนนี้คิดดูแล้วว่าจากการแข่งขันระหว่างร้านที่รุนแรงแล้ว เราเป็นเจ้าของสินค้าที่เราขายไม่ดีกว่าหรือ เช่น ปูนซิเมนต์ ทุกร้านจำเป็นต้องมีปูนเสือ ช้าง กระเบื้องตราช้างไว้ขายเป็นหลัก ส่วนตัวประกอบ ก็อาจเลือกเป็นตราโอลิมปิค ตราเพชร เราก็อาจจะซื้อหุ้น ปูนใหญ่ที่แถมธุรกิจปิโตรฯ กระดาษ พ่วงมาด้วย หรือซื้อหุ้นปูนกลาง  DRT หรือหุ้นโฮมโปร เป็นต้น

มองดูแล้วว่าแนวโน้มของธุรกิจขายวัสดุก่อสร้างมีแต่จะแข่งขันกันรุนแรงขึ้น กำไรน้อย รายจ่ายสูง ผมกับภรรยาที่เขาทำงานนอกบ้านพอจะมีเงินออมที่เป็นส่วนตัวอยู่บ้าง ได้พยายามองหาธุรกิจที่ทนอยู่ได้ทุกสภาวะเพื่อเป็นการหาช่องทางการลงทุนอย่างอื่นที่สนใจอยู่เช่น
   ธุรกิจค้าปลีก เช่น bigc 7-11 พวกนี้ขายสด ซื้อเชื่อ เงินสดจะมีเยอะ
   สินค้าที่ใช้หรือทานบ่อยๆ เช่น ขนมปัง มาม่า โทรศัพท์
   ธุรกิจที่เกือบจะผูกขาด เช่น น้ำมัน แก๊ส
   ธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลซึ่งลูกค้าต่อราคาไม่ได้

ธุรกิจค้าปลีกพวกออนไลน์ก็ไม่เลวนะคับ

อย่างเครื่องใช้เครื่องเขียนผมยกให้
officemate ดีมากระบบของเขา

แต่พวกซูปเปอร์ของใช้  นี่ยังไม่เห็นใครทำระบบเจ๋งเจ๋ง
เสียที

ตอนนี้ ราคาสายไฟที่เซลส์แจ้งผม ลดลง 7% เนื่องจากทองแดง และพีวีซี ราคาลง คง ตามราคาน้ำมันครับ

สต็อกสายไฟเก่าผมขาดทุนเลยนะครับ ฮือๆๆ

ข่าวล่าสุดจากเซลส์ ห้าห่วง (เค้าแจ้งผมแบบนี้)

เนื่องด้วย ทางกระเบื้องโอฬาร ยังไม่พรอ้มที่จะผลิตกระเบื้อง non asbestos ทาง ค่ายห้าห่วง และค่าย เพชร จึงผลิต กระเบื้อง 4 มม. มีใยหิน ออกมาอีกเป็น lot สุดท้าย เพื่อป้องกันส่วนแบ่งตลาด ส่วนทางเครือซีเมนต์ไทย ทิ้งแล้วทิ้งเลย

งานนี้ต้องคอยดูว่า สัญญาที่ทำกันไว้ จะแค่ลมปากเป่าหรือเปล่า  ถ้าเป็นแค่ลมปาก งานนี้ คนถือ DRT เตรียม เฮ

ForrestGump รายงาน

คนในวงการ แจ้งมาว่า ค่ายช้าง ยกเลิกสายการผลิต กระเบื้องใยหินจริง  แต่ได้จ้าง ตราเพชร ผลิตกระเบื้องใน แบรดน์ ดราก้อน แทน ราคาขายก็แพงเอาการ  ซึ่งอาจทำให้ กำไรตราเพชร ดีต่อเนื่อง  

ทำให้ผมขายหมูไปตัวเบ้อเร่อ ฮืออๆๆๆ

ยินดีกับ ผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วยนะคร้าบบบบ

ตัวเลขกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าราคาวัสดุก่อสร้างสามเดือนนี้พุ่งสูงมาก โดยเฉพาะเหล็ก สายไฟ และสุขภัณฑ์

4 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมีนาคม 2550 เทียบกับเดือนมีนาคม 2549 เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 (กุมภาพันธ์ 2550 เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2) เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 ที่สำคัญคือ หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก (เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย เหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กตัวซี เหล็กฉาก ท่อเหล็กและเหล็กแผ่น) ร้อยละ 11.6 หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา (สายไฟ สายเคเบิลและถังเก็บน้ำ) ร้อยละ 11.5 และหมวดสุขภัณฑ์ (โถส้วมราดน้ำและที่ปัสสาวะ) ร้อยละ 15.7 เป็นผลจากต้นทุนการผลิตสูงขึ้น

ไม่ทราบว่าทางร้านค้าเห็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วยหรือไม่ครับคุณ FG  :roll:

เท่าที่ทราบ  ราคาขึ้นประมาณนี้ (%)

เหล็ก 10  สายไฟ 7  สุขภัณฑ์ 5

แต่โดยรวม จากที่ถามเซลส์ ดูยอดขาย อ่านข่าว นสพ. demand ลดลงพอควร  supplier บอกว่า ราคาขึ้นเพราะ ราคาวัตถุดิบตลาดโลกขึ้น

ต้นทุนก่อสร้างโดยรวมคงมากขึ้นเรื่อยๆครับ เพราะอีกปัจจัยคือต้นทุนแรงงาน เพิ่มขึ้นด้วย

ธุรกิจอสังหาคงต้องเลือกที่แบรนด์แข็งแกร่ง มี อำนาจต่อรองสูงกว่าเจ้าอื่นครับ

ขอบคุณครับ

ที่บ้านทำอยู่เหมือนกันครับ ของฝั่งพี่ชายเป็นเจ้าของร้านซิเมนต์ไทยโฮมมาร์ทแม็กซ์ครับ ส่วนแม่ผมกับน้าหุ้นกันทำร้านวัสดุธรรมดา (พี่ชายคนละแม่กับผม) เรื่องราคานี่ไม่ทราบรายละเอียดครับเพราะผมไม่ได้เข้าไปบริหารด้วย มีกิจการของตัวเองต่างหาก แต่คร่าวๆแล้วผมว่าเทรนร้านวัสดุก่อสร้างธรรมดานี่ถ้าไม่ปรับตัวก็เหมือนโชห่วยไทยนี่แหละครับ รอวันตาย ยกเว้นร้านที่มีทำเลดีมากๆ และสามารถบริหาร(เครดิต)ลูกค้าเก่งๆก็จะยังรอดได้ ส่วนอื่นๆจะหวังรวยเหมือนเมื่อก่อนจากธุรกิจนี้เริ่มยากแล้วครับ

ทางพี่ชายผมเค้าลงทุนเยอะครับ เปลี่ยนตัวเองจากร้านธรรมดาเป็นโฮมมาร์ทแม็กซ์ การเปลี่ยนลุคแบบนี้ก็ดีครับ ทำให้ฐานลูกค้ากว้างขึ้นด้วย ดึงลูกค้าประเภทที่เดินพวกโฮมโปรมาได้บ้างครับ ประเภทเจ้าของบ้านที่ไม่เคยซื้อของเองก็เดินเข้ามารู้จักกัน จากที่เมื่อก่อนส่วนใหญ่มีแต่ช่างกะผู้รับเหมาซะส่วนใหญ่

สินค้าหลายอย่างก็สามารถทำมาร์จิ้นให้สูงขึ้นได้ครับ พี่ผมบอกว่าขายปูนกำไรลูกละ 2 บาท กว่าจะได้ร้อยนึงต้องขายหินทรายพ่วงด้วย เดี๋ยวนี้ขายสีผสมกระป๋องนึงก็ร้อยกว่าแล้ว แถมพวกฮาร์ดแวร์ก็กำไรค่อนข้างสูง ถ้าร้านมีพื้นที่และมีระบบจัดการสต็อกดีๆ ขายสบายครับ

เวลาวัสดุก่อสร้างราคาขึ้นคงจะส่งผลบวกต่อผู้ผลิต แต่มันบวกหรือลบกับผู้ค้าปลีกครับ  :?:

แบบว่าแพงขึ้นทำให้ตัวเลขเพิ่มแต่คนซื้อคงหายไปส่วนหนึ่ง รวมๆ แล้วสุทธิมันดีขึ้นหรือแย่ลงครับ (1.รายได้ 2.กำไร)

เท่าที่ผมสังเกตร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง นะครับ

-กำไรสินค้าก่อสร้าง แบ่งเป็น 2 หมวดหลักๆ คือ
1. สินค้าโครงสร้าง เช่น ปูนเหล็ก กระเบื้องหลังคา ท่อพีวีซี ฯลฯ (กำไรน้อย ของเหมือนกันมากๆ คนรู้ราคาเยอะ)
2. สินค้าระบบ หรือ ตกแต่งภายใน เช่น ไฟฟ้า ประตู หน้าต่าง วัสดุตกแต่ง  (กำไรมากกว่า ถึงดีมาก อยู่ที่ร้านเลือกตัวสินค้า)

- กำไร จากความแตกต่างของการบริหารจัดการ ก็อย่างที่ทุกท่านทราบ
1. การตลาด : รวมคือ การสื่อสารกับลูกค้า การตกแต่งร้าน การกำหนดราคา การบริการ ฯลฯ ใครจะเพิ่ม value added ได้มากกว่ากัน
2. การบริหารต้นทุน
3. location ของร้านค้า

แนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้น ประกอบกับการที่ต้องใช้ทุนเยอะ ทำให้รายใหม่ๆ เข้ามายากเหมือนกัน  และรายเก่าที่มีหนี้มาก และ ใช้จ่ายผิดประเภท ก็ต้องล้มหายตายจากไป

แต่สิ่งพิเศษ คือ รายใหญ่มักจะกำไรเยอะ เมื่อมีการตุนของที่จะขึ้นราคา เพราะ มีประสบการณ์มานาน

แหม มิน่าบุญถาวรแถวบ้านถึงได้มีรถกระบะจอดเต็มลานจอดรถทุกวันจนถึงเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะวูบลงเลย

วันนี้แวะไปร้านพี่ชายมา เงี๊ยบเงียบ เห็นบอกว่าเพราะโฮมโปรเลียบทางด่วนเปิดวันแรก ลูกค้าเลยไปลองของใหม่ สงสัยมีโปรโมชั่นเปิดสาขาใหม่ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้

สำหรับ แฟนๆ TIW  เดือน พค. โรงงานแจ้งราคาสังกะสีขึ้นฟุตละ 40 สต. ครับผม

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพียบเลย 8)

1.TIW ประกาศแจ้งเอเย่นต์ ราคาสังกะสีลอน จะขึ้น"อีกครั้ง" ฟุตละ 40 สตางค์ (รวมจากรอบเดิม40 ตังค์ เป็น 80 ตังค์) ในวันที่ 21 พค.50 นี้

ผลดีกับ TIW
1. กระตุ้นเอเย่นต์ให้ตุนของ
2. profit margin น่าจะสูงขึ้น เพราะมีของเก่า

ผลเสีย
อาจยิ่งผลักให้คนไปใช้ของคู่แข่ง หรือ กระเบื้องแทน

แต่เท่าที่ประเมิน ผมคิดว่าในระยะสั้นแรงผลดีกับงบที่จะออกไตรมาสสอง (เมื่อเทียบกับไตรมาส1) จะมีมากกว่า

แต่สภาพคล่องน้อยแบบนี้ จะเก็งกำไรงบ ไม่ทราบว่าจะได้ผลหรอืเปล่านะครับ

2. ค่ายซีเมนต์ไทย เลิกการผลิต กระเบื้องใยหิน 5 มม. สีซีเมนต์เด็ดขาดแล้ว ตอนนี้มี ลอนคู่ใยหิน 5 มม. สีซีเมนต์ มาแทน ราคาถูกกว่า แบบเก่า(ราคาสุดท้ายที่ปั่นขึ้นก่อนเลิกผลิต) ประมาณแผ่นละ 2 บาท

ต่อไปซีเมนต์ไทยน่าจะได้เปรียบเรื่องกระเบื้องหลังคากับค่ายอื่น
1. การพัฒนาขายเชิงพานิชย์อย่างจริงจังก่อนค่ายอื่น เข้าไปอยู่ในใจ customer ก่อน
2. งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ (เงินหนากว่า) และ ยังโดนใจ เข้าถึงชาวบ้านมากกว่าค่ายอื่น  (รวมทั้ง smart board)
3. แบรนด์ช้าง เสือ แข็งกว่าคู่แข่ง
4. ทีมบริหารฉับไว ไม่น่าเชื่อ ทั้งเดินเกมรุก ดัมพ์ราคาไม้ฝา ,ตั้ง roof center ศุนย์ปรึกษาปัญหาหลังคาบ้าน , โฆษณากระเบื้องไม่มีใยหินกันลูกเห็บ (เหนืออีสานเสียหายเยอะ)

เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ของจริงอาจออกผลมาอีกแบบ

ตอนนี้ ปูนซีเมนต์ เอเย่นต์แข่งกันลดราคากันใหญ่ รู้สึกจะลดครั้งที่สามในรอบ สามอาทิตย์เลยทีเดียว แสดงว่า ยอดขายแย่อย่างหนักเลยครับ

ForrestGump เขียน:ตอนนี้ ปูนซีเมนต์ เอเย่นต์แข่งกันลดราคากันใหญ่ รู้สึกจะลดครั้งที่สามในรอบ สามอาทิตย์เลยทีเดียว แสดงว่า ยอดขายแย่อย่างหนักเลยครับ

อย่างี้ รับเหมาก็จะมีกำไรดีขึ้น รึเปล่าครับ พี่กั๊ม

โอ้ว แม่เจ้า ตอนนี้ ราคา เหล็กเส้น เหล็กรูป ประมาณ กก.ละ 31-32 บาทแล้วครับ  น่ากลัวมาก

สังกะสี ตะปู เกี่ยวกับเหล็ก ขึ้นจาก ช่วง สค. ตค. ปี50 ประมาณ 50% แล้ว

นักเดา เค้าว่า ราคาแบบนี้อาจอยูไม่นาน เนื่องจาก ถ้าหมด demend จาก อลป. ที่จีน ก็อาจทำให้ราคาลดลงได้ครับ

ผมก็หวังให้เป็นไปเช่นนั้น  ไม่งั้น วงการก่อสร้าง และ อสังหา ต้นทุนสูงแบบถล่มทลาย เงินเฟ้อมหาศาลแน่ๆ ครับ

ราคาเหล็กเห็นว่าจะขึ้นไปอีก 2-3 บาทเดือนหน้าครับ ทำไมหุ้นเหล็กตกต่ำทั้งๆที่ราคาเหล็กขึ้น

กก.ละ 31-32 บาท

จะถึงราคาน้ำมันพืชไหมคับ

เห็นข่าวต่างประเทศว่าวัตถุดิบขาดตลาด
แต่แปลกทำไมวัถตุดิบเหล็กถึงขนาดตลาดละคับ

งง  

ดูแล้วไม่น่าเป็นจริง