Thai VI

ใครคิดอยากช่วยบอกที  ทำไมตลาดจึงให้มีการซื้อขายหักกลบกันภายในวันเดียวได้

ผมคิดข้อดีสำหรับประเทศไทยส่วนรวมไม่ออกจริงๆ  ไม่เอาผลประโยชน์สำหรับคนบางอุตสาหกรรม  คนบางกลุ่มนะครับ

ในอดีตไม่มีการซื้อขายลักษณะนี้  แต่ต่อมาทางตลาดหลักทรัพย์อนุญาติ  แสดงว่าคงมีประโยชน์ถึงได้แก้ให้ทำได้

ิโปรกเกอร์ ได้ค่าคอมมิดชั่น เพิ่ม ได้เพิ่มขึ้น หลายรอบต่อวัน

:lol:

พวกเก็งกำไร รายใหญ่ๆ เล่นหลายรอบในวัน
เขาถือหลัก เล่นพนัน ไม่เอาหุ้นกลับบ้าน
ได้-เสีย เป็นวันๆ ไปเลย ไม่เอาหุ้นกลับบ้าน  

แบ่งกำไร เป็นค่าคอม. ให้โปรกเกอร์ ไปวันๆ ไปเลย

ขอเท้าความกันยืดยาวหน่อย
ย้อนเวลาไปตามหาความจริงในเรื่องนี้
ตอนนั้นปี 2540-2542 มีปัญหาเรื่องปริมาณการซื้อขาย
ที่หดหายไปอย่างผิดวิสัย เนื่องจากไม่มีเงินไหลเข้ามาในตลาด
และตลาดไม่สามารถสร้างเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆๆได้
ทำให้สภาพคล่องในตลาดหดหาย
จริงเกิดความคิดนี้ขึ้นมาเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของเงิน
ไม่งั้น เงินมันไม่หมุนไปไม่หมุนไป เร็วขนาดนี้

คิดดูซื้อปุ๊บกดขายได้ปุ๊บ ยอดปริมาณการซื้อขายเพิ่ม
ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนแบบมหาศาล

เหรียญมันมีสองด้าน
ขึ้นอยู่กับคนที่ใช้เหรียญ
ว่าจะใช้ด้านไหน

ยิ่งค่าคอมมิสชั่น ถูกลง ลดลง  
ก็จะทำให้มีการเล่น Net Settlement มากขึ้น

ซื้อขายภายในวันก็ไม่น่าแปลก

ซื้อเย็น  แล้วเก็บไว้ขายเช้าวันรุ่งขึ้น  ยามหุ้นขึ้นก้ได้ตังค์

ขายเช้า  บ่ายลดราคาตอนคลอมาร์เก็ต  ก็ไม่น่าแปลก

ถ้าซื้อแล้วต้องถือข้ามวันถึงขาย
พอซื้อเต็มวงเงิน  แล้วไม่ขายออกมาบ้างก็ซื้อเพิ่มไม่ได้  สภาพคล่องก็หดหาย

เอาไงดี  งงเหมือนกันอิอิ

แล้วกรณี  ซื้อหุ้นผิดตัว
เครีย์ซื้อ  MSC   แต่ความจริงจะซื้อ MCS
คงได้กอดหุ้นข้ามคืนถ้าซื้อขายหักกลบไม่ได้
จะแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ

มันสร้าง ปริมาณการซื้อขาย เทียมๆขึ้น
และ สามารถทำให้เกิดฟองฟู ได้ง่ายขึ้น
หลอกให้ ผู้ที่ไม่ทันเกมเห็นปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเทียมๆ   ก็จะตามเข้าไปติดหุ้นกลับบ้าน
ในขณะที่ รายใหญ่ที่ทำ Net Settlement ฟันกำไรไปแล้ว ไม่เอาหุ้นกลับบ้าน

สร้างสภาพคล่องให้ตลาดครับ ไม่มีอย่างนี้ก็ลำบากครับ

ส่วนมันกลายเป็นเครื่องมือเก็งกำไร หรือพวกฉวยโอกาสก็ต้องป้องกันหากผิดปกติ

มีข้อดี ข้อเสียครับ มองสองมุมจะสบายอารมณ์กว่า

net settlement แก้ปัญหาเรื่องซื้อผิด ซื้อเกิน และการซื้อขายเปลี่ยนหุ้นได้ดีครับ ไม่งั้นเวลาขายหุ้นตัวหนึ่งเพื่อซื้ออีกตัว ก็ต้องเตรียมอีกเงินก้อนหนึ่งไว้จ่ายค่าหุ้น วุ่นวายโดยใช่เหตุ

Mon money เขียน:สร้างสภาพคล่องให้ตลาดครับ ไม่มีอย่างนี้ก็ลำบากครับ

สภาพคล่องเทียมๆจะมีทำไมครับ  ในอดีตไม่มีก็ไม่เห็นเป็นอะไร

พี่ฉัตรครับ บางอย่างที่พี่ไม่ต้องการ แต่มีบางคนต้องการนะครับ

บ้านผมใช้น้ำตาลปีละซอง แต่บางบ้านเขาใช้เป็นกระสอบ น้ำตาลขาดตลาดเขาก็เดือดร้อน ผมเฉยๆเพราะพอใช้

ไอ้ที่ว่าจะเทียมจะจริงนั้นมันก็เป็นสิทธิของคนทำกับคนเล่น ห้ามบ่ได้ ที่ทางการเขาทำก็แค่ลดมิให้เก็งกำไรจนเกินไป ไม่ได้ห้ามมิให้เก็งกำไร

โลกนี้ต้องการสมดุลย์ ต้องมีหยินและหยาง

ไม่มี Net นักเก็งกำไรคงลดลง

ถ้าไม่มีนักเก็งกำไรแล้ว VI จะกินเงินจากใครละนั่น

ซักวันที่ WG มีคนมาปั่น มีคนมา net กันคุณ chatchai จะรักพวกนี้ขึ้นมาทันทีเลยครับ Love Love

อย่างที่บอก  ในอดีตไม่มี Net  ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร  ตลาดหลักทรัพย์ก็ซื้อขายกันเป็นปรกติมานานเป็นสิบๆปี

ในอดีต  การซื้อแล้วขายในวันเดียวก็สามารถทำได้  เพียงแต่คุณต้องมีเงินชำระยอดซื้อก่อน  การเก็งกำไรก็มีเพียงแต่ถูกจำกัดด้วยเงินสดที่มี  ซึ่งผมคิดว่าเป็นสภาพคล่องจริง

แต่การที่คนมีเงินหนึ่งล้านบาท  แต่ซื้อขายซื้อขายวันละหลายรอบเป็นเงินหลายล้านบาท  ผมว่าน่าจะเป็นสภาพคล่องเทียมนะ  

ผมเป็นนักลงทุน  ก็ไม่ได้คิดที่จะกินเงินใครนะครับ  และถ้ามีคนมาปั่น WG  ผมก็ไม่ชอบหรอกครับ

การที่ตลาดให้ทำการซื้อขายหักกลบลบหนี้ได้ภายในวันเดียว  ผมคิดว่าเป็นการส่งเสริมให้มีการเก็งกำไรกันอย่างมากมาย (ตลาดพูดด้วยคำที่สวยหรูว่า  เพื่อสภาพคล่อง) เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลาย

และการที่ตลาดหลักทรัพย์มีภาพพจน์เป็นแหล่งการพนัน  การเก็งกำไร  ผมว่าไม่ส่งผลดีต่อประชาชนทั้งหลาย

เพื่อนๆน้องๆหลายคนก่อนที่จะมาศึกษาแนวทาง VI  ก็มีความคิดว่าการเล่นหุ้นเป็นการพนัน  ซึ่งอีกหลายคนก็ไม่สนใจที่จะศึกษาการลงทุน

ไม่เคยเล่น net เลยครับ

รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นจากภาษีค่าคอมฯ..

กรณีนักลงทุนที่ถือหุ้นยาวก็คงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการหักกลบลบหนี้รายวัน จะไปฟ้องร้องหาความอะไรก็ไม่ได้ พวกที่เจ๊งจากการเล่นเน็ท ก็ดูเหมือนจะเจ๊งด้วยความเต็มใจ สังคมไทยก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ราวกับว่าลูกหลานจะเสียผู้เสียคนจากการเล่นเน็ท เหมือนกับการเล่นหวย

ดูเหมือนกรณีนี้จะไม่มีใครเป็นเจ้าทุกข์นะครับ  :lol:

ผมว่าดับทุกข์ในใจดีกว่าครับ

ผมว่าดับทุกข์ในใจดีกว่าครับ

อ่านแล้วนึกถึงหนังสือชื่อ "สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดดีอยู่แล้ว"
หนังสือจะประมาณเกี่ยวกับให้ยอมรับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ถ้าจำไม่ผิดคนเขียนเป็นจิตแพทย์ ถ้าคนเราไม่พอใจโน่นนี่ก็หาความสุขอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่สิ่งที่ตัวเองมีนะดีอยู่แล้ว จะไปหวังอะไรจากคนอื่นทำไม

เป็นหนังสืออีกเล่มที่อ่านแล้ว เปลี่ยนมุมมองชีวิตได้(นิดนึง)

ผมว่า นักลงทุนมีความสุข คือ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้ขึ้นกับว่าต้องได้กี่ % ต่อปีหรอกนะ (แต่ก็แอบอยากให้มีคนมาปั่นๆๆ WG ไปซัก 100 นึง ใครไม่ดีใจไม่เป็นไร ผมดีใจแน่ๆ :lovl:)